เมื่อโลกเปลี่ยน ดิสนีย์ก็ต้องเปลี่ยน

1313
มีเวลาไม่เยอะอยากอ่านสั้นๆ
  • หนังของดิสนีย์ยุคเก่าที่เราคุ้นเคยกันในนามเจ้าหญิงดิสนีย์ มักจะมีพลอตเรื่องคล้ายๆกัน คือแนว “ตามหารักแท้และชีวิตคุณจะมีความสุข” แต่ในยุคใหม่ หนังจะสอนให้เชื่อในตัวเอง ตามหาความฝัน อย่ายอมแพ้ เข็มแข็ง และอิสระ
  • การเปลี่ยนโทนของหนังสอดคล้องกับแนวคิดแบบเทรนหลักของลูกค้า ที่ไม่ใช่เด็กตัวเด็ก แต่เป็นพ่อแม่ยุคใหม่ที่พาลูกไปดู
  • พ่อแม่ยุคใหม่ย่อมอยากให้ลูกสาวโตขึ้นมามีความสุข ดำเนินชีวิตตามความฝันตัวเอง ดิสนีย์จึงพยามปรับโทนของหนังให้เข้ากับแนวคิดแบบเชื่อในพลังของผู้หญิงมากขึ้นอย่างโมอานาและโฟรเซ่น

บทความนี้เป็นความคิดเห็นส่วนตัวล้วนๆ หลังจากได้ดูเรื่องโมอานา (Moana) มานะครับ ไม่ได้วิจารณ์หนังแต่อยากคุยเรื่องแนวคิดการตลาดของดิสนีย์ (Disney) หน่อยครับ

ช่วงหลังๆที่ได้ดูหนังของดิสนีย์ ที่มีกลุ่มเป้าหมายออกมาเป็นหนังของเด็ก ที่เป็นลักษณะหนังครอบครัว คือ หนังที่ส่วนใหญ่แล้วจะมีผู้ใหญ่พาไปดู ไม่ใช่หนังของวัยรุ่น ทุกคนน่าจะพอเห็นความเปลี่ยนแปลงในโทนของหนังที่ค่อนข้างชัดเจนครับ

หนังของดิสนีย์ ที่เป็นกลุ่มนี้เดิมทีจะมีพลอตเรื่องคล้ายๆกันหมดคือมีตัวเอกเป็นผู้หญิงหรือที่เราคุ้นเคยกันในนามของ Disney’s princess (เจ้าหญิง ดิสนีย์) อย่าง สโนไวท์ หรือ ซินเดอร์เรลล่า แล้วก็จะมีตัวร้าย แต่ไม่ว่าพลอตเรื่องจะเป็นยังไงก็แล้วแต่ ในที่สุดเจ้าหญิงจะเจอเจ้าชายและจะอยู่ด้วยกันอย่างมีความสุขตลอดไป

Advertisements

เหมือนกับจะบอกเด็กที่เป็นคนดูว่า “ค้นหารักแท้และชีวิตคุณจะมีความสุขตลอดไป”

แต่ถ้าเรามาดูหนังของดิสนีย์ในยุคใหม่ ที่แม้ยังใช้ตัวดำเนินเรื่องเป็นผู้หญิงเหมือนเดิม แต่หนังจะสอนให้เชื่อในตัวเอง ตามหาตัวเอง ค้นหาหัวใจและความเชื่อ ต่อสู้เพื่อความเชื่อของตัวเอง และแม้ว่าปัญหาจะหนักแค่ไหนก็ขอให้สู้เพื่อทำตามความฝันให้ได้ และตัวเอกไม่ต้องการคนอื่นเพื่อที่จะมาเติมเต็มความสุขของตัวเอง อยู่คนเดียวก็มีความสุขได้ มิติของเจ้าชายหรือชายในฝันจะมีหรือไม่มีก็ได้

ใจความหลัก คือ ตามหาความฝัน เชื่อในตัวเอง อย่ายอมแพ้ เข้มแข็งและอิสระ (อาจจะมีมุมของพี่น้อง และครอบครัวที่เข้มข้นขึ้นกว่าเดิมด้วย)

เราเริ่มเห็นเทรนด์ของการเปลี่ยนแปลงนี้ของดิสนีย์ชัดเจนมากๆ ในเรื่องโฟรเซ่น (Frozen) และตอกย้ำสุดๆผ่านโมอานา

ผมเชื่อว่าที่ดิสนีย์ตั้งใจสร้างตัวละครโมอานา ให้ไม่ต้องเป็นเจ้าหญิงเพื่อต้องการแฝงข้อคิดให้คนดูด้วยว่า ไม่ว่าจะเป็นใครก็สามารถเป็นคนพิเศษได้

ซึ่งการเปลี่ยนโทนของหนังมันสอดคล้องกับแนวคิดแบบเทรนหลักของลูกค้า

Advertisements

ลูกค้าของดิสนีย์ไม่ใช่เด็กตัวเล็กๆ ที่ไปดูหนัง แต่เป็นพ่อแม่ของเด็ก ที่ทั้งพามาดูหนังและซื้อของที่ทำขายของลิขสิทธิ์ของหนัง อย่างหนังโฟรเซ่นนี่ของที่ทำจากลิขสิทธิ์ดีไม่ดีอาจจะเยอะกว่ารายได้จากหนังอีก

disney princess1
picture credit www.disney.co.uk and www.cartoonbros.com

ถ้าเรามองเฉพาะวัฒนธรรมตะวันออกอย่างเดียวก็จะเห็นว่าพ่อแม่ในยุคสโนว์ไวท์กับยุคโฟรเซ่นนี่ต่างกันอย่างสิ้นเชิง 

พ่อแม่ยุคสโนไวท์ จำนวนมากเชื่อว่าลูกสาวโตแล้วควรออกเรือนมีครอบครัวที่ดี มีสามีที่ดี มีลูกมีหลานจึงถือเป็นการประสบความสำเร็จของชีวิต

พ่อแม่ยุคโฟรเซ่นจำนวนมากอยากให้ลูกสาวโตขึ้นมามีความสุข ดำเนินชีวิตตามความฝันของตัวเอง จะมีครอบครัวหรือไม่มีก็ได้ ตราบใดที่ลูกเป็นคนดีและมีความสุขในการใช้ชีวิตก็พอแล้ว

เพราะฉะนั้นพ่อแม่จึงอยากป้อนสิ่งที่ดีให้กับลูกๆของตัวเอง จึงไม่ต้องถามเลยว่าอยากให้ลูกดูหนังแบบไหน ดิสนีย์เองรู้เรื่องนี้ดีจึงต้องคอยพยายามปรับโทนของหนังมาตลอด

มีความเป็นไปได้ว่าต่อจากนี้เราจะเห็นหนังครอบครัวที่เต็มไปด้วยแนวคิดแบบ พลังของผู้หญิง และเราอาจจะไม่มีโอกาสได้ดูหนังแนวตามหารักแท้ อีกแล้ว

ผมเชื่อว่าหนังแนวตามหารักแท้ จะกลายไปอยู่ในหนังของผู้ใหญ่แทน เพราะบางทีเราเองนั่นแหละที่อยากกลับไปฟีลกู้ดเป็นบางเวลา แม้จะรู้ว่ามันเป็นแค่เรื่องในนิยายก็ตาม 

สรุปคือโมอานาหนังดีครับ อาจจะไม่ได้ดีสุดๆ แต่รับรองไม่เสียดายตังค์ครับ ใครมีลูกมีหลานพาไปดูได้ ให้ข้อคิดในการใช้ชีวิตดี ส่วนตัวผมชอบครับ

Advertisements

ทิ้งคำตอบไว้

กรุณาใส่ความคิดเห็นของคุณ!
กรุณาใส่ชื่อของคุณที่นี่