แวนโก๊ะสอนอะไร

5336
ภาพวาดเหมือนตนเอง ของ แวน โก๊ะ
มีเวลาไม่เยอะอยากอ่านสั้นๆ
  • คนเราสามารถเรียนรู้ทุกสิ่งรอบตัวได้จากหลายมุมมอง ขึ้นกับว่าเรามองอะไร
  • วินเซนต์ แวนโก๊ะ ศิลปินเอกที่วาดภาพเหมือนของตนเอง (self-potraits) ไว้มากมายและโด่งดัง เกิดจากการที่ไม่มีเงินจ้างให้คนมาเป็นแบบให้วาด
  • ริชาร์ด แบรนสันเคยคิดได้เดียสำคัญได้ในวันที่เขาไม่มีสมุดอยู่กับตัว เขาจึงจดมันลงในพาสปอร์ตแทน
  • จอห์น พอล เดอโจเรีย เคยมีวัยเด็กและสภาพชีวิตที่ย่ำแย่มาก่อน แต่ก็ยังมีความฝันที่ยิ่งใหญ่ และเติบโตมาเป็นบริษัทผลิตภัณฑ์เกี่ยวกับผมที่ใหญ่และสำคัญที่สุดในโลกบริษัทหนึ่ง

ผมเชื่อว่าคนเราสามารถเรียนรู้จากสิ่งรอบๆตัวได้ในหลากหลายมุมมาก ขึ้นอยู่กับว่าเรากำลังมองหาอะไรอยู่ วินเซนต์ แวน โก๊ะ (Vincent Van Gogh) คือหนึ่งในศิลปินเอกของโลก เขาสร้างผลงานไว้มากมาย ที่น่าสนใจคือ เขาเป็นหนึ่งในศิลปินที่วาดภาพเหมือนตนเอง (self portraits) มากที่สุดคนหนึ่งของโลก โดยตามบันทึกมีถึง 43 ภาพ 

ภาพเหมือนของตัวเอง

ภาพเหมือนตนเองของ วินเซนต์ แวน โก๊ะ ที่ผมถ่ายมาภาพนี้จัดแสดงอยู่ที่พิพิธภัณฑ์ออร์แซ (Musée d’Orsay) ในปารีส และเชื่อกันว่าเป็นภาพเขียนตัวเองรูปท้ายๆของเขาแล้ว (และอาจจะเป็นหนึ่งในภาพที่คุ้นตาพวกเรามากที่สุด)

ภาพเหมือนตนเองของแวนโก๊ะบางภาพ อย่าง Portrait de l’artiste sans barbe ถูกประมูลไปในราคาหลายพันล้านบาท

Advertisements

แต่จุดเริ่มต้นของภาพเหล่านี้น่าสนใจมากเลยครับ และผมไม่เคยรู้มาก่อนเลยจนได้มาฟังเรื่องจากเครื่องคู่มือเสียงในการมาชมพิพิธภัณฑ์ออร์แซวันนี้ 

สาเหตุที่ แวน โก๊ะ วาดภาพเหมือนตนเองเพราะเขาไม่มีเงินที่จะจ้าง “คน” มานั่งเป็นแบบให้เขาวาด ก็เลยเอาตัวเองเป็นแบบเสียเลย

ภาพอัศจรรย์เหล่านี้เกิดจากความ “ไม่มี” ลองคิดดูสิครับว่าผลของมันน่าทึ่งขนาดไหน บางครั้งการที่เรา “ไม่มี” ก็เป็นแรงกดดันที่จะทำให้เราคิดและสร้างสรรค์ผลงานขั้นสุดยอดออกมาได้

สมุดจดไอเดีย

ริชาร์ด แบรนสัน (Richard Branson) เคยเล่าไว้ว่าเขาไม่มีทางที่จะสร้างอาณาจักรทางธุรกิจของเขาขึ้นมาได้เลยถ้าเขาไม่มี “สมุดจด” อยู่คู่กายตลอดเพราะไอเดียต่างๆมันมาและผ่านไปเร็วมาก

เขาบอกว่าการจดไอเดียนั้นสำคัญอย่างยิ่งยวดมาก ครั้งหนึ่งเขาไม่มีสมุดอยู่กับตัว แต่ดันเกิดไอเดียธุรกิจเจ๋งๆขึ้นมา เขาตัดสินใจเขียนมันลงในพาสปอร์ต เพราะเขารู้ว่าการไม่เขียนไอเดียลงไปราคาแพงกว่าการจัดการเรื่องพาสปอร์ตเยอะ

สมกับเป็น ริชาร์ด แบรนสัน จริงๆ

ความมุมานะของเด็กกำพร้า

พูดถึงความไม่มีแล้ว ทำให้ผมนึกถึงผู้ชายคนนึงชื่อ จอห์น พอล โจนส์ เดอโจเรีย (John Paul Jones DeJoria) ครับ ผมไม่รู้ว่าทุกท่านคุ้นชื่อเขากันไหม

เขาเกิดมาในครอบครัวที่พ่อแม่หย่ากัน พ่อทิ้งเขาไปตอนสองขวบและในที่สุดแม่ก็เลี้ยงเขาไม่ไหวจนต้องส่งไปบ้านอุปถัมภ์เด็กกำพร้า

จากชีวิตวัยเด็กที่อยู่สภาวะแวดล้อมที่ย่ำแย่ในที่สุดๆ จอห์น ก็เขาร่วมกับแก๊งในถิ่น เอคโค่ พาร์ค (Echo Park) ของลอสแองเจลลิส

แต่วันนึงชีวิตเขาก็เปลี่ยนเมื่อครูคณิตศาสตร์บอกกับเขาว่า

Advertisements

“เธอไม่มีวันจะประสบความสำเร็จอะไรในชีวิตได้หรอก”

หลังจากวันนั้นเขาก็ตัดสินใจเปลี่ยนชีวิตตัวเอง เขาตั้งใจเรียนและในที่สุดก็จบการศึกษาระดับมัธยมจากโรงเรียนแห่งนั้นได้สำเร็จตอนอายุ 18 ปี แต่เขาไม่มีโอกาสศึกษาต่อ

ตอนอายุ 22 ภรรยาของเขาก็หนีไปโดยทิ้งลูกชายอายุสองขวบไว้กับเขาด้วย เธอไม่ได้ไปแต่ตัว แต่ยังเอาเงินค่าเช่าอพาร์ตเมนต์สองเดือนสุดท้ายและรถคันเดียวของพวกเขาไปด้วย สองวันหลังจากที่ภรรยาของ จอห์น หนีไป เขาและลูกชายถูกไล่ออกจากอพาร์ตเมนต์และไม่มีบ้านอยู่กลายเป็นคนไร้บ้านโดยสมบูรณ์

หลังจากนั้นเขาก็ต้องทำงานมากมายเพื่อหาเลี้ยงชีพตั้งแต่ภารโรง เซลล์ขายสารานุกรม จนตอนหลังมาขายประกัน

จนวันนึงเขาได้ไปทำงานที่บริษัท เรดเคน ลาบอร์ทอรี่ (Redken Laboratories) ซึ่งเป็นบริษัทเกี่ยวกับเส้นผม แม้ว่าเขาถูกไล่ออกหลังจากทำงานได้ไม่นาน แต่ความสนใจด้านธุรกิจเกี่ยวกับผมยังอยู่ เขาเลยยึดอาชีพเซลล์ขายแชมพูที่ไปเคาะประตูขายแชมพูตามบ้านคน ทำให้ในปี 1980 โชคชะตาก็พาให้ จอห์น ได้มาพบกับช่างผมชื่อ พอล มิทเชล (Paul Mitchell) 

จอห์น มีเงินเพียง 700 เหรียญที่กู้มา และตอนนั้นเขาก็กลับไปเป็นคนไร้บ้านอีกครั้ง ทั้งไร้บ้านและมีเงินตั้งตัวเพียง 700 เหรียญ แต่ จอห์น พอล โจนส์ เดอโจเรีย และ พอล มิทเชล มีความฝันที่ยิ่งใหญ่ พวกเขาก่อตั้งบริษัทเกี่ยวกับเส้นผมชื่อ จอห์น พอล มิทเชล ซิสเต็มส์ (John Paul Mitchell Systems) ซึ่งได้เติบโตมาเป็นบริษัทผลิตภัณฑ์เกี่ยวกับผมที่ใหญ่และสำคัญที่สุดของโลกบริษัทหนึ่งของโลก

จอห์น พอล โจนส์ เดอโจเรีย ยังเป็นผู้ก่อตั้ง ปาโทรน สปิริต (Patrón Spirits Co) บริษัทผลิตและจำหน่ายเหล้าเตกีล่าที่ใหญ่ที่สุดในโลกอีกด้วย

วันนี้ จอห์น พอล โจนส์ เดอโจเรีย มีสินทรัพย์รวม 3,200 ล้านเหรียญ และเขาไม่เพียงแต่ร่ำรวยอย่างเดียว แต่เขายังร่วมสนับสนุนโครงการการกุศลมากมายอย่างเช่น American Humane Association และ Food 4 Africa เขาเป็นหนึ่งในคนที่ให้ความสำคัญกับการช่วยเหลือคนยากจน ลำดับต้นๆคนนึงในบรรดาเศรษฐีที่อยู่ในลิสต์ของ ฟอร์บส เลยทีเดียว

นี่คือคนที่จบมัธยม เคยเป็นคนไร้บ้าน และเริ่มธุรกิจด้วยกู้เงินเพียงไม่ถึง 30,000 บาท แต่เพราะสู้ไม่ถอยเลยมาได้ขนาดนี้


บทเรียนจากภาพของ แวนโก๊ะ พาสสปอร์ตของ ริชาร์ด แบรนสัน และความมุมานะของ จอห์น พอล โจนส์ เดอโจเรีย สอนผมว่าในชีวิตของเรา เราต้องมองสิ่งที่เรามีและสร้างชีวิตจากสิ่งที่เรามีเสมอ อย่าไปโฟกัสกับสิ่งที่เราขาด

เหมือนที่ อัลฟอนซ์ คาร์ (Alphonse Karr) เคยกล่าวไว้ครับว่า
“We can complain because rose bushes have thorns, or rejoice because thorns have roses.”

เราตำหนิที่พุ่มกุหลาบมีหนาม หรือชื่นชมหนามที่ยังมีดอกกุหลาบอัลฟอนซ์ คาร์
Advertisements

ทิ้งคำตอบไว้

กรุณาใส่ความคิดเห็นของคุณ!
กรุณาใส่ชื่อของคุณที่นี่