ปัจจุบันหลายองค์กรต่างตระหนักถึงความสำคัญของการทำ Digital Transformation เพื่อรับมือกับความท้าทายใหม่ๆ และการเปลี่ยนแปลงของโลกธุรกิจ แต่มีองค์กรไม่น้อยที่มองว่า Digital Transformation เป็นเสมือนยาขมที่ทั้งยากและหินสำหรับธุรกิจ
แต่มีองค์กรหนึ่งที่ไม่เพียงแค่ปรับตัว แต่ยังมุ่งมั่นที่จะเป็นผู้นำในการขับเคลื่อนนวัตกรรมและความยั่งยืน นั่นคือ บริษัท ดับบลิวเอชเอ คอร์ปอเรชั่น จำกัด (มหาชน) หรือ WHA Group สำหรับองค์กรนี้แล้วกลับมองว่าการเปลี่ยนแปลงสู่ดิจิทัลไม่ใช่อุปสรรค แต่เป็นโอกาสในการเติบโตและสร้างนวัตกรรม ด้วยวิสัยทัศน์ที่ก้าวไกลและความมุ่งมั่นที่จะเป็นผู้นำในอุตสาหกรรม WHA Group ไม่เพียงแค่ปรับตัวรับมือกับการเปลี่ยนแปลง แต่ยังตั้งเป้าที่จะก้าวขึ้นเป็น Tech Company ภายในปี 2567
WHA Group เป็นที่รู้จักกันดีในฐานะผู้นำในธุรกิจโลจิสติกส์ นิคมอุตสาหกรรม และสาธารณูปโภคและพลังงาน แต่น้อยคนจะรู้ว่าเบื้องหลังความสำเร็จนี้ มีทีมเทคโนโลยีที่แข็งแกร่งคอยขับเคลื่อนองค์กรสู่การเป็น “Technology Company” ภายในปี 2567 แล้วอะไรคือกุญแจสำคัญที่ทำให้ WHA Group ประสบความสำเร็จในการทำ Digital Transformation? เบื้องหลังความสำเร็จนี้คืออะไร และมีการขับเคลื่อนอย่างไร? บทความนี้จะพาคุณไปสัมผัสเบื้องหลังของของ WHA Group ในการขับเคลื่อนองค์กรสู่การเป็นผู้นำด้านเทคโนโลยีและความยั่งยืนในอุตสาหกรรม
จุดเริ่มต้นของการเปลี่ยนแปลง
เรื่องราวที่ทำให้จุดประกายความคิดในการเปลี่ยนแปลงนี้มาจาก คุณจรีพร จารุกรสกุล ประธานคณะกรรมการบริหารและประธานเจ้าหน้าที่บริหารกลุ่ม บริษัท ดับบลิวเอชเอ คอร์ปอเรชั่น จำกัด (มหาชน) ให้ความสำคัญกับแนวคิดในการพัฒนาบุคลากรทั้งภายในและภายนอกองค์กร หรือ Human Progress ( “H” ภายใต้พันธกิจ WHA: WE SHAPE THE FUTURE) นอกจากนี้ ยังมองเห็นโลกที่กำลังเปลี่ยนไป WHA Group จึงมุ่งเน้นในการทำ Digital Transformation พร้อมการขับเคลื่อนองค์กรด้วยข้อมูล (Digital Driven Organization) โดยผู้บริหารและพนักงานทุกคนมีส่วนร่วมในการพัฒนานวัตกรรม และต่อยอดเป็นธุรกิจใหม่ๆ รวมถึงการตั้งทีมเทคโนโลยี
ในปี 2564 นำโดยคุณนันท์ศิลป์ เจนวารินทร์ รักษาการประธานเจ้าหน้าที่บริหาร บริษัท ดับบลิวเอชเอ ดิจิทัล จำกัด และผู้ช่วยกรรมการผู้จัดการ ฝ่ายเทคโนโลยีสารสนเทศ บริษัท ดับบลิวเอชเอ คอร์ปอเรชั่น จำกัด (มหาชน) โดยมีเป้าหมายไม่เพียงแค่นำเทคโนโลยีมาใช้ในโครงการต่างๆแต่ยังมุ่งสร้างนวัตกรรมและผลิตภัณฑ์ใหม่ๆ เพื่อตอบโจทย์ความต้องการของลูกค้าและสร้างมูลค่าเพิ่มให้กับธุรกิจ
โครงสร้างทีมที่แข็งแกร่ง สู่การเปลี่ยนแปลงที่แข็งแรง
ต้องเล่าว่าทีมเทคของ WHA Group ประกอบด้วยฝ่ายต่างๆ ที่ทำงานประสานกันอย่างใกล้ชิด ได้แก่ ทีม Product Development, Service Delivery, Platform Development, Business Development และ Data and Information Management (Data and AI Team) ซึ่งแต่ละทีมมีบทบาทสำคัญในการพัฒนาโซลูชันและนวัตกรรมต่างๆ จุดแข็งของ WHA Group คือการมีทีมดิจิทัลที่แข็งแกร่งเป็นของตัวเอง ทำให้สามารถปรับเปลี่ยนได้ไวมากขึ้น ในขณะที่ใช้เงินลงทุนน้อย และสามารถตอบสนองความต้องการของลูกค้าได้อย่างตรงจุด
ทีมเทคของ WHA Group ได้มีส่วนร่วมในการพัฒนานำเสนอผลิตภัณฑ์ใหม่ ไม่ได้เพียงแค่นำเทคโนโลยีเข้ามาใช้กับโครงการต่างๆ เท่านั้น แต่ได้นำนวัตกรรมและเทคโนโลยีเข้ามาเป็นส่วนหนึ่งของทุกกิจกรรมการดำเนินงานของกลุ่มบริษัทฯ ไม่ว่าจะเป็นการนำเทคโนโลยีปัญญาประดิษฐ์ (AI) บล็อกเชน เมตาเวิร์ส และการใช้ฐานข้อมูลเชิงดิจิทัลในการวิเคราะห์การตัดสินใจและกระบวนการต่างๆ
ในระยะเวลาเพียง 3 ปี ทีมเทคโนโลยีของ WHA Group ได้สร้างผลงานที่น่าประทับใจมากมาย ด้วยการทำ Technology Project มากกว่า 38 โครงการ พัฒนาแอปพลิเคชันกว่า 50 แอปพลิเคชัน ซึ่งแต่ละโครงการล้วนมีส่วนสำคัญในการขับเคลื่อนองค์กรสู่การเป็น Tech Company
หนึ่งในโครงการที่โดดเด่นคือ Mobilix Software Solution ซึ่งเป็นแพลตฟอร์มดิจิทัลอัจฉริยะสำหรับจัดการยานพาหนะไฟฟ้าและแบตเตอรี่ สามารถตรวจสอบตำแหน่งของยานพาหนะ วิเคราะห์สภาพรถยนต์และแบตเตอรี่แบบเรียลไทม์ รวมถึงวิเคราะห์รูปแบบการขับรถเพื่อเพิ่มประสิทธิภาพในการขับขี่ นอกจากนี้ Mobilix Software Solution ยังเชื่อมโยงผู้ใช้รถบรรทุกไฟฟ้าทุกคันเข้ากับเครือข่ายสถานีชาร์จ ช่วยให้ผู้ใช้สามารถตรวจสอบตำแหน่งจุดชาร์จ จองเวลาการชาร์จ และบันทึกข้อมูลการชาร์จได้อย่างสะดวก
อีกหนึ่งโครงการสำคัญคือ ระบบศูนย์ควบคุมส่วนกลาง Unified Operation Center (UOC) ซึ่งตั้งอยู่ภายในอาคารดับบลิวเอชเอ ทาวเวอร์ ซึ่งเป็นการบูรณาการข้อมูลจากทุกพื้นที่ปฏิบัติงานของ WHA Group เป็นศูนย์เฝ้าระวังและควบคุมคุณภาพสิ่งแวดล้อม (EMcC) ระบบกล้องวงจรปิดรักษาความปลอดภัย (CCTV) และระบบควบคุมการจราจร (VMS) และศูนย์ควบคุมระบบน้ำและระบบบําบัดน้ำเสีย ทำให้องค์กรสามารถติดตามและแก้ไขปัญหาได้อย่างรวดเร็ว UOC ยังสอดคล้องกับเจตนารมณ์ของ WHA Group ในการแสดงข้อมูลผลชี้วัดด้านสิ่งแวดล้อมอย่างโปร่งใสตามข้อกำหนดของหน่วยงานรัฐในการเผยแพร่ผลการตรวจวัดสู่สาธารณะ
การพัฒนา WHAbit แพลตฟอร์มดิจิทัลเฮลธ์แคร์ ที่นำเสนอบริการด้านสุขภาพแบบครบวงจร ด้วยการร่วมมือกับโรงพยาบาลชั้นนำ หน่วยงานเอกชน และภาครัฐ เพื่อยกระดับการเข้าถึงบริการด้านสุขภาพ ไม่ว่าจะเป็นการปรึกษาแพทย์ออนไลน์ การตรวจสุขภาพประจำปี หรือกิจกรรมส่งเสริมสุขภาพพนักงาน WHAbit ยังช่วยให้องค์กรสามารถดูแลสุขภาพพนักงานได้อย่างมีประสิทธิภาพมากขึ้น
อีกแอปพลิเคชันที่น่าสนใจคือ WHASApp หรือ WHA Super App เป็นซูเปอร์แอปพลิเคชันล่าสุดของ WHA Group ที่รวบรวมทุกบริการสำหรับลูกค้าไว้ในที่เดียว เพื่อตอบโจทย์การให้บริการทั้ง 4 ธุรกิจ ได้อย่างมีประสิทธิภาพ ช่วยให้ลูกค้าเข้าถึงบริการต่างๆ ได้อย่างสะดวกและรวดเร็ว ไม่ว่าจะเป็นการแจ้งปัญหา ติดตามการใช้งานสาธารณูปโภค หรือตรวจสอบข้อมูลสัญญา เรียกว่าทุกอย่างอยู่ในแอปเดียว
นอกจากโครงการที่กล่าวมาข้างต้น WHA Group ยังมีโครงการอื่นๆ ที่มุ่งเน้นการสร้างความยั่งยืน เช่น IoX Platform ที่ใช้จัดการและวิเคราะห์การผลิตพลังงานหมุนเวียน, Meta W เมตาเวิร์สด้านอุตสาหกรรมรายแรกในประเทศไทย โครงการ Digital Transformation ที่เน้นการพัฒนา Operation Technology (OT) และ Information Technology (IT) ในส่วนโครงการ RENEX ซึ่ง WHA Group ได้จับมือร่วมกับพันธมิตรในการพัฒนาแพลตฟอร์มซื้อขายพลังงานไฟฟ้าหมุนเวียนสำหรับลูกค้าอุตสาหกรรมและผู้ใช้บริการรายอื่นๆ (Peer-to-Peer Energy Trading Platform : P2P) พัฒนาด้วยเทคโนโลยี Blockchain ให้สามารถซื้อขายระหว่างผู้ผลิตและผู้บริโภคได้อย่างมีประสิทธิภาพ ผ่านการทดสอบจริงในนิคมอุตสาหกรรมภายใต้โครงการ ERC Sandbox เพื่อความพร้อมในการรองรับการเติบโตของอุตสาหกรรมพลังงานอนาคต เป็นต้น
จะเห็นได้ว่า WHA Group ไม่ได้แค่นำเทคโนโลยีมาใช้ แต่กำลังสร้างวัฒนธรรมนวัตกรรมในองค์กร เพื่อส่งเสริมให้พนักงานทุกคนมีส่วนร่วมในการคิดค้นนวัตกรรมใหม่ๆ ผ่านกิจกรรมต่างๆ เช่น Digital Day, Talk Session ‘Data Driven The Series’ และ WHA Data Hackathon Workshop
WHA Group ยังให้ความสำคัญกับการเป็นองค์กรที่ขับเคลื่อนด้วยข้อมูล (Data Driven Organization) และการใช้ AI ในการพัฒนาธุรกิจโดยมุ่งเน้นสร้างทัศนคติให้ทุกคนในองค์กรเห็นความสำคัญของการนำข้อมูลมาวิเคราะห์และประยุกต์ ใช้ รวมถึงการเปิดโอกาสให้พนักงานนำเสนอนวัตกรรม หรือ New Business Model เพื่อยกระดับและสร้างมูลค่าเพิ่มให้สินค้าและบริการ ต่อยอดไปสู่ธุรกิจใหม่ๆ
นอกจากนี้ ยังมีการพัฒนานวัตกรรม AI ต่างๆ เช่น AI Chat Bot, Solar Anomaly และ Solar Forecasting เพื่อเพิ่มประสิทธิภาพการทำงานและสร้างมูลค่าเพิ่มให้กับธุรกิจ และยังมีอีกโซลูชันคือ RO System Performance Prediction การวิเคราะห์คุณภาพของน้ำปราศจากแร่ธาตุหรือ Demineralized Water และ ระบบนำน้ำเสียกลับมาใช้ใหม่ หรือ Reclaimed Water ที่บริษัทผลิต เพื่อการผลิตน้ำที่มีคุณภาพสูงสุดส่งมอบให้กับลูกค้าของกลุ่มบริษัทดับบลิวเอชเอ
คุณค่าแห่งนวัตกรรม สู่ความยั่งยืนของโลกที่แท้จริง
การพัฒนาเทคโนโลยีและนวัตกรรมของ WHA Group ไม่เพียงแต่มุ่งเน้นการเพิ่มประสิทธิภาพในการดำเนินธุรกิจเท่านั้น แต่ยังคำนึงถึงความยั่งยืนในระยะยาวด้วย เพราะเป้าหมายของ WHA Group คือการสร้างสมดุลระหว่างการเติบโตทางธุรกิจและความรับผิดชอบต่อสังคมสิ่งแวดล้อม และหลักธรรมาภิบาล (ESG) เทคโนโลยีที่พัฒนาขึ้นล้วนมีส่วนช่วยในการลดการปล่อยก๊าซเรือนกระจก ประหยัดพลังงาน และส่งเสริมการใช้พลังงานสะอาด
ตัวอย่างเช่น โครงการ RENEX ไม่เพียงแต่เป็นแพลตฟอร์มซื้อขายพลังงานหมุนเวียนเท่านั้น แต่ยังเป็นก้าวสำคัญในการผลักดันประเทศไทยให้บรรลุเป้าหมายความเป็นกลางทางคาร์บอน (Carbon Neutrality) และการลดการปล่อยก๊าซเรือนกระจกสุทธิเป็นศูนย์ (Net Zero Emissions) อีกด้วย
นอกจากนี้ โครงการ Mobilix ยังช่วยส่งเสริมการใช้ยานพาหนะไฟฟ้า ซึ่งเป็นอีกหนึ่งก้าวสำคัญในการลดการปล่อยมลพิษส่งเสริมการใช้พลังงานสะอาด และยังลดต้นทุนในภาคขนส่ง
การพัฒนาเทคโนโลยีของ WHA Group ไม่ได้จำกัดอยู่แค่ภายในองค์กรเท่านั้น แต่องค์กรยังมุ่งมั่นที่จะสร้างผลกระทบเชิงบวกให้กับสังคมและสิ่งแวดล้อมในวงกว้าง ด้วยความเชื่อมั่นว่าการเป็นผู้นำด้านเทคโนโลยีและความยั่งยืนจะช่วยสร้างความได้เปรียบในการแข่งขันและสร้างคุณค่าให้กับผู้มีส่วนได้ส่วนเสียทุกฝ่าย
ความท้าทายและโอกาสที่น่าจับตามองในอนาคต
แม้ว่า WHA Group จะประสบความสำเร็จอย่างมากในการพัฒนาเทคโนโลยีและนวัตกรรม แต่ก็ยังมีความท้าทายที่ต้องเผชิญในอนาคต หนึ่งในความท้าทายที่สำคัญคือการรักษาความปลอดภัยทางไซเบอร์ (Cyber Securiety) เมื่อองค์กรพึ่งพาเทคโนโลยีดิจิทัลมากขึ้น การป้องกันข้อมูลและระบบของเราจากภัยคุกคามทางไซเบอร์ก็ยิ่งมีความสำคัญมากขึ้นเช่นกัน
อย่างไรก็ตาม ความท้าทายเหล่านี้ก็มาพร้อมกับโอกาสมากมาย WHA Group กลับมองว่าการเปลี่ยนแปลงทางเทคโนโลยีอย่างรวดเร็วเป็นโอกาสในการสร้างนวัตกรรมใหม่ๆ และขยายธุรกิจ โดย WHA Group วางแผนที่จะลงทุนในเทคโนโลยีใหม่ๆ เช่น 5G, Edge Computing และ Quantum Computing เพื่อเพิ่มขีดความสามารถในการแข่งขันขององค์กร
นอกจากนี้ WHA Group ยังมองเห็นโอกาสในการขยายบริการด้านเทคโนโลยีไปยังต่างประเทศ โดยเฉพาะในภูมิภาคเอเชียตะวันออกเฉียงใต้โดยมีแผนที่จะนำโซลูชันและแพลตฟอร์มที่ประสบความสำเร็จใน ประเทศไทยไปใช้ในตลาดต่างประเทศ เพราะสุดท้ายแล้ว องค์กรก็เชื่อว่าประสบการณ์และความเชี่ยวชาญของคนทำงานไทยจะสามารถสร้างคุณค่าให้กับลูกค้าในภูมิภาคนี้ได้
สัมผัสนวัตกรรมของ WHA ที่ Techsauce Global Summit 2024
การเดินทางของ WHA Group สู่การเป็น Tech Company ภายในปี 2567 เป็นตัวอย่างที่ดีของการปรับตัวขององค์กรในยุคดิจิทัล ด้วยวิสัยทัศน์ที่ก้าวไกล การลงทุนในเทคโนโลยี และการสร้างทีมเทคโนโลยีที่แข็งแกร่ง WHA Group ไม่เพียงแต่เพิ่มประสิทธิภาพในการดำเนินธุรกิจเท่านั้น แต่ยังสร้างนวัตกรรมที่มีส่วนช่วยในการพัฒนาอย่างยั่งยืนอีกด้วย
ในขณะที่โลกกำลังเผชิญกับความท้าทายด้านสิ่งแวดล้อมและการเปลี่ยนแปลงทางเทคโนโลยีอย่างรวดเร็ว บริษัทอย่าง WHA Group ที่สามารถผสมผสานเทคโนโลยีกับความยั่งยืนได้อย่างลงตัว จะเป็นผู้นำในการขับเคลื่อนอุตสาหกรรมและสังคมไปสู่อนาคตที่ดีกว่า การติดตามความก้าวหน้าของ WHA Group ในอนาคตจึงเป็นสิ่งที่น่าสนใจสำหรับทุกคนที่ใส่ใจในการพัฒนาเทคโนโลยีและความยั่งยืน
เชื่อว่าหลายคนคงจะมองเห็นภาพของการเป็นผู้นำด้านเทคโนโลยีของ WHA Group แต่สำหรับใครที่อยากสัมผัสกับเทคโนโลยีและนวัตกรรมล่าสุดของ WHA Group อย่างใกล้ชิด บริษัทมีแผนที่จะนำเสนอผลงานในงาน Techsauce Global Summit 2024 ซึ่งจะจัดขึ้นระหว่างวันที่ 7-9 สิงหาคม 2024 ที่บูท WHA โซน D2 ศูนย์ประชุมแห่งชาติสิริกิติ์ แล้วคุณจะได้เห็นว่า WHA Group ก้าวไกลแค่ไหนในการเป็น Technology Company และองค์กรนี้จะช่วยขับเคลื่อนอุตสาหกรรมไทยสู่อนาคตที่ยั่งยืนได้อย่างไร