วิถีในแบบของ “ดาวรุ่ง”

2466
รูปภาพจาก Number 24 x Shutterstock.com
มีเวลาไม่เยอะอยากอ่านสั้นๆ
  • คุณลักษณะของคนที่จะเป็น “ดาวรุ่ง” คือ
  • มีวิธีคิดที่จะเติบโต เชื่อว่าการทำงานหนักจะได้รับผลตอบแทนเสมอ
  • มีวิสัยทัศน์ที่ดี ซึ่งส่วนใหญ่จะมักสอดคล้องกับองค์กรด้วย
  • เต็มที่กับงาน มีทัศนคติที่สู้ไม่ถอย
  • ทำตัวเป็นตัวเชื่อม ทำงานเป็นทีมได้ดี
  • ทำตัวพึ่งพาได้ ให้ความช่วยเหลือคนรอบข้าง
  • เป็นคนซื่อสัตย์ทั้งต่อหน้าและลับหลัง
  • ทำงานเหนือความคาดหมาย

ครั้งหนึ่งผมเคยได้มีโอกาสไปพูดในงาน Career ready bootcamp ซึ่งจัดโดย CareerVisa Thailand ที่โรงภาพยนต์สกาล่า โดยผมร่วมพูดกับพี่เดือน คุณแสงเดือน ตั้งธรรมสถิตย์ COO และ Co-founder ของ jobthai กับ คุณอวนิจ บาจาจ ผู้จัดการทั่วไป L’oreal Professional ในหัวข้อเรื่อง ทางลัดสู่การเป็นดาวรุ่งในโลกการทำงาน – Shortcut To Be A Rising Star

ซึ่งผมคิดว่าเรื่องราวบนเวทีนี้ น่าสนใจทั้งกับน้อง ๆ ที่กำลังเรียนจบและหางานอยู่ รวมไปถึงหัวหน้างานที่สามารถสะท้อนแนวคิดการ ค้นหาเหล่าบรรดา ดาวรุ่ง (rising star) ทั้งหลายเพื่อปลุกปั้นและรักษาคนเหล่านี้ไว้ให้ได้

โดยผมจะขออนุญาตเอาเรื่องหลักที่พี่เดือนพูดถึง ผลสำรวจของคนทำงาน 1048 คนที่ทำโดย CareerVisa และ JobThai พบว่ามีคนที่เป็น “ดาวรุ่ง”(rising star) นั้นมีโอกาสต่าง ๆ ที่ดีกว่าคนอื่นมากมายอย่างเช่น การเข้าถึงผู้บริหาร การได้งานที่โดดเด่น การได้งานท้าทาย การได้รางวัลตอบแทนสูง และการได้รับอิสระมากกว่า โดยคุณลักษณะเด่นของคนที่จะเป็น “ดาวรุ่ง” คือ

Advertisements

1. มีวิธีคิดที่จะเติบโต (Growth Mindset)

มองสิ่งที่ยากเป็นสิ่งที่ ท้าทาย และ โอกาส ที่จะเรียนรู้และพิสูจน์ตัวเอง ทุกคนที่อยู่ในระดับบริหารพูดตรงกันว่าเรื่อง วิธีคิด (mindset) สำคัญที่สุด คนที่เป็นดาวรุ่งได้ แทบทุกคนจะไม่เกี่ยงงานยาก ไม่กลัวงานหนัก ไม่หวั่นงานเยอะ เพราะถือว่าเป็นโอกาสได้เรียนรู้และเจริญเติบโต ตัวอย่างที่หลายท่านบนเวทียกมาก็จะคล้าย ๆ กัน แต่ผมชอบตัวอย่างของคุณ อวนิจมากที่เล่าถึงลูกน้องเก่าคนหนึ่งที่เดิมทีไม่ได้เป็นคนเก่งภาษาอังกฤษ แต่มีเป้าหมายที่จะเขียนภาษาอังกฤษให้เก่งมาก ๆ ให้ได้ จึงมาปรึกษาคุณอวนิจ คุณอวนิจเลยถามว่าแน่ใจนะว่าอยากเก่ง น้องคนนั้นก็บอกว่าแน่ใจครับ

คุณอวนิจก็ถามว่า พร้อมจะทำงานหนักไหม น้องคนนั้นก็ตอบกลับมาว่าพร้อมครับ คุณอวนิจก็บอกว่าต่อไปนี้เวลาจะคุยกับผมห้ามพูดกัน ให้เขียนอีเมลมาแล้วผมจะแก้แกรมม่าให้ ซึ่งคุณอวนิจก็ไม่คุยกับน้องคนนี้จริง ๆ เป็นเวลาหลายเดือน ไม่ว่าจะมีอะไรก็จะให้อีเมลมาอย่างเดียวซึ่งเป็นอะไรที่หนักพอควรเพราะต้องโดนแก้แกรมม่าตลอดเวลา แต่น้องคนนี้ก็มีพัฒนาการด้านการเขียนที่ดีขึ้นมาก ๆ

วันนี้น้องคนนี้ จากเดิมเป็นคนที่เขียนภาษาอังกฤษได้ค่อนข้างแย่ กลายเป็นคนเขียนคอลัมม์ประจำหนังสือพิมพ์หัวฝรั่งไปแล้ว ซึ่งคุณอวนิจบอกว่าทุกครั้งที่อ่านคอลัมม์ที่คนนี้เขียนจะรู้สึกภูมิใจมากและเป็นข้อคิดที่ดีว่า การทำงานหนักจะได้รับการผลเสมอ “hard work always pay off”

2. มีวิสัยทัศน์

มีเป้าหมายชัดเจนว่าจะไปไหน อันนี้ขอเสริมความเห็นส่วนตัวว่าส่วนใหญ่ วิสัยทัศน์ ของ ดาวรุ่งทั้งหลายมักจะสอดคล้องกับขององค์กรด้วย ทำให้คนเหล่านี้ก้าวหน้าอย่างรวดเร็วมาก ๆ เพราะความเชื่อหลักของเขา เหมือนกับความเชื่อขององค์กรนั่นเอง

วิสัยทัศน์ เหล่านี้ยังเปรียบเสมือนเข็มทิศที่ช่วยในการตัดสินใจของคนเหล่านี้เวลาเริ่มเป๋ ๆ อีกด้วย ว่าจะตัดสินใจกับชีวิตยังไงดี

3. เต็มที่กับงาน

ดาวรุ่งจะทำทุกอย่างเพื่อให้งานออกมาดีที่สุดโดยไม่ย่อท้อต่อความเหนื่อยยากลำบาก น้อยครั้งมากที่จะได้ยินคำบ่นว่าท้อแท้จากคนเหล่านี้ คนเหล่านี้งานหนักแค่ไหนสู้ไม่เคยถอย ทั้งหมดไม่ได้มาจากแรงแต่มาจากทัศนคติ

Advertisements

4. ทำตัวเป็น “ตัวเชื่อม’ (Connector)

ดาวรุ่งรู้ว่าการทำงานนั้นทำตัวคนเดียวไม่ได้ เขาจะรู้วิธีตกลงกับคนที่เกี่ยวข้องเพื่อให้ผลงานออกมาดีที่สุด เรื่องนี้ก็เป็นอีกเรื่องที่สำคัญเพราะองค์กรที่มีคนเก่งมาก ๆ แต่ทำงานเป็นทีมไม่เป็นก็ไม่ไหวเหมือนกัน โดยส่วนตัวแล้วผมเชื่อว่าองค์การต้องการคนที่ทำงานเป็นทีมได้ดีมากกว่าคนที่เก่งมาก ๆ แต่ทำงานกับใครไม่ได้เลย

5. ทำตัวพึ่งพาได้

ดาวรุ่งใช้ความสามารถเพื่อช่วยเหลือคนรอบข้าง เป็นที่พึ่งของทุกคน โดยคนเหล่านี้จะรู้ตัวว่าตัวเองมีความสามารถและช่วยคนอื่นได้ ด้วยทัศนคติเชิงบวกจะทำให้คนรอบตัวอยากเข้าหาเมื่อต้องการความช่วยเหลือเสมอ

6. เป็นคนซื่อสัตย์

คือซื่อสัตย์ต่อบริษัท ซื่อสัตย์ต่อเพื่อนร่วมงานและซื่อสัตย์ต่อตัวเอง คนเหล่านี้จะทำงานหนักทั้งต่อหน้าและลับหลัง ไม่ว่าจะมีใครมองอยู่หรือไม่ก็จะทำงานหนักไม่ต่างกัน

7. ทำงานเหนือกว่าคาดหมาย

ดาวรุ่งทำผลงานออกมาโดดเด่นเกินกว่าความคาดหมายของทุกคน หรือที่ผมชอบเรียกว่า สัญญาน้อย แต่ส่งมอบมาก – promise less, deliver more คนเหล่านนี้สั่งงานไป 100 ส่งงานกลับมา 120 หรือ 150 อย่างต่อเนื่องทุกครั้ง และเวลาทำงานจะทำเหมือนไม่มีหัวหน้าคือทำงานออกมาให้ดีที่สุดพร้อมจะส่งต่อให้ลูกค้าได้เลย

แน่นอนว่าทุกอย่างต้องมาพร้อมข้อเสียเช่นกัน การเป็นดาวรุ่ง ก็มีข้อเสียเหมือนกัน เช่น งานอาจจะหนักกว่าคนอื่น เพราะได้รับความไว้วางใจจากผู้บริหารมากกว่าจึงได้รับงานมากกว่าคนอื่น งานก็จะหนักและเหนื่อยกว่า แต่ก็แลกมาด้วยการได้ทำงานที่มีความยากมากกว่า โปรเจกต์ใหญ่กว่า งานส่วนใหญ่ก็จะมีความหมายมากกว่า มีผลกระทบมากกว่า และแน่นอนว่าค่าตอบแทนก็มากกว่า (เยอะ) ด้วย


หากใครคิดว่าตัวเองพร้อมที่จะทำงานหนัก อยากได้ความท้าทายในชีวิต ตั้งทัศนคติให้ดีแล้วการจะเป็น ดาวรุ่งก็ไม่ได้ยากจนเกินไปแน่นอนครับ

ผมคิดว่าคำพูดนี้ของ เปเล่ (Pele) รวมแนวคิดทั้งหมดในบทความนี้ไว้ได้อย่างสมบูรณ์มากครับ

ความสำเร็จไม่ใช่เรื่องบังเอิญ มันเป็นการทำงานหนัก, ขยันหมั่นเพียร, เรียนรู้, ศึกษา, เสียสละ และที่สำคัญที่สุด รักในสิ่งที่คุณกำลังทำ หรือ กำลังเรียนรู้ที่จะทำมันหรือเปล่าเปเล่
Advertisements

ทิ้งคำตอบไว้

กรุณาใส่ความคิดเห็นของคุณ!
กรุณาใส่ชื่อของคุณที่นี่