ตลอดระยะเวลา 12 ปีที่ผ่านมา เป็นที่รู้กันว่าโลกของเรามีประชากรอยู่ที่ 7 พันล้านคน แต่ในตอนนี้ตัวเลขนั้นได้เปลี่ยนไปแล้ว เมื่อวันอังคารที่ 15 พฤศจิกายนที่ผ่านมา จำนวนประชากรโลกได้ทะลุถึง 8 พันล้านคน และอาจเติบโตขึ้นจนเกิน 1 หมื่นล้านคนในอีก 60 ปีข้างหน้า จากการคาดการณ์ขององค์การสหประชาชาติ หรือ UN
ไม่เพียงแค่นั้น ทางด้าน UN ยังได้เปิดเผยข้อมูลเพิ่มเติมว่า ประเทศที่มีอัตราเติบโตของประชากรสูงนั้นเป็นกลุ่มของ “ประเทศที่มีฐานะยากจนถึงปานกลาง” ซึ่งนับเป็น 70% ของอัตราการเติบโตในครั้งนี้ โดยเฉพาะกลุ่มประเทศทางใต้ของทะเลทรายซาฮาราในทวีปแอฟริกา ที่มีการเติบโตรวดเร็วมากที่สุด รวมถึงประเทศอินเดียที่อาจแซงขึ้นเป็นประเทศที่มีประชากรมากที่สุดในโลกในปี 2023 นี้ ด้วยจำนวนประชากรที่เพิ่มขึ้นมากถึงประมาณ 180 ล้านคนเลยทีเดียว
ในทางกลับกัน กลุ่มประเทศที่มีประชากรมากเป็นอันดับต้นๆ ของโลกอย่างจีนที่มีอัตราการเกิดในประเทศแตะจุดต่ำสุดในปี 2021 ที่ผ่านมา ประกอบกับสังคมที่มีจำนวนผู้สูงวัยเพิ่มมากขึ้น ทำให้อาจเกิดปัญหาการขาดแคลนแรงงาน จนนำไปสู่การเติบโตทางเศรษฐกิจที่ลดลงตามไปด้วย เช่นเดียวกับสหรัฐอเมริกา ที่เผชิญกับอัตราการเติบโตทางเศรษฐกิจช้าที่สุดในช่วงทศวรรษที่ผ่านมา
แถมยังมีการคาดการณ์อีกว่า กลุ่มประเทศที่จะมีจำนวนประชากรทั้งหมดรวมกันมากเกินครึ่งหนึ่งของจำนวนประชากรโลกที่เพิ่มขึ้นในปี 2050 มีทั้งหมด 8 ประเทศ ได้แก่ สาธารณรัฐประชาธิปไตยคองโก, อียิปต์, เอธิโอเปีย, อินเดีย, ไนจีเรีย, ปากีสถาน, ฟิลิปปินส์, และสหสาธารณรัฐแทนซาเนีย
แม้ว่าอัตราการเติบโตของประชากรโลกอย่างรวดเร็วจะสะท้อนให้เห็นถึงความก้าวหน้าด้านการแพทย์และอุตสาหกรรมการเกษตร อย่างไรก็ตาม โลกเองก็ยังคงต้องเผชิญกับความท้าทายที่หนักหนาสาหัสอย่าง “การตอบสนองความต้องการของมนุษย์” ที่ดูจะยังคงสูงขึ้นเรื่อยๆ ทั้งในด้านสาธารณสุข การศึกษา และการจ้างงาน ซึ่งปัจจัยเหล่านี้จะทำให้เกิด “รายจ่ายสาธารณะ” เพิ่มขึ้นอย่างมาก ทำให้เป้าหมายในการพัฒนาประเทศของกลุ่มประเทศยากจนเดินต่อไปได้ยากขึ้น
ปัจจัยด้านทรัพยากรและสิ่งแวดล้อมก็เป็นอีกประเด็นที่น่ากังวล นอกจากจำนวนการตัดไม้ทำลายป่าที่สูงขึ้นแล้ว องค์การสหประชาชาติหรือ UN ยังพบอีกว่า กลุ่มประเทศร่ำรวยที่สุดมีส่วนทำให้เกิดสภาพอากาศแปรปรวนมากกว่ากลุ่มประเทศยากจนอีกด้วย โดยวัดจากปริมาณก๊าซคาร์บอนที่กลุ่มประเทศร่ำรวยปล่อยออกมานั้นมีปริมาณมากกว่าประเทศยากจนถึง 2 เท่า ส่งผลให้ปัญหาภาวะโลกร้อนยิ่งแย่ลงไปอีก
ทั้งนี้ ผู้เชี่ยวชาญกล่าวว่า ในอนาคตอัตราการเติบโตของจำนวนประชากรจะช้าลง โดยคาดว่าจะใช้เวลาอีก 15 ปี ก่อนจะถึง 9 พันล้านคน และอีก 22 ปี ก่อนจะถึง 1 หมื่นล้านคนภายใน 60 ปีข้างหน้า ซึ่งปัจจัยเหล่านี้อาจช่วยให้สิ่งแวดล้อมมีระยะเวลาสำหรับการฟื้นฟูก็เป็นได้
สุดท้ายแล้ว ในทุกๆ ความก้าวหน้าของมนุษย์ก็ย่อมมาพร้อมกับความเสี่ยงที่สูงขึ้นในหลากหลายด้าน ดังนั้นการเพิ่มขึ้นของจำนวนประชากรโลกในครั้งนี้ จึงมีความสำคัญต่อทั้งประเทศทุกประเทศรวมถึงมนุษย์ทุกคน ที่จะต้องคำนึงถึงความรับผิดชอบร่วมกันให้การดูแลรักษาโลกใบนี้ ของมนุษยชาติจากนี้ต่อไปในอนาคต
อ้างอิง
World population reaches 8 billion: PAMELA FALK, CBS NEWS : https://cbsn.ws/3tBRRGl
World Population Reaches 8 Billion: U.N. Says: Daniel Victor, The New York Times : https://nyti.ms/3tzlO9S
World population hits eight billion: ALJAZEERA : https://bit.ly/3g7e4ZE
#Trends
#WorldPopulation
#MissionToTheMoon
#MissionToTheMoonPodcast
