หลายคนน่าจะทราบกันดีว่าตอนนี้ Meta บริษัทแม่ของ Facebook นั้นกำลังอยู่ในช่วงขาลงอย่างยิ่ง โดยเฉพาะอย่างยิ่งในปี 2022 ที่พวกเขาเปลี่ยนชื่อเมื่อปลายปี 2021 นั้น พวกเขาก็ต้องพบเจอกับมรสุมมากมาย ตั้งแต่พิษเศรษฐกิจ เสียงวิพากษ์วิจารณ์ในแง่ลบต่อ Facebook จากการลดยอดรีชอย่างน่าใจหาย ไปจนถึงรายได้จากการโฆษณาที่ไม่ดีเท่าที่ควร จนเหล่านักลงทุนเริ่มไม่พอใจในตัวของ Mark Zuckerberg ซีอีโอและผู้ก่อตั้งมากขึ้นเรื่อยๆ จนถึงกับอยากจะไล่เขาออกเลยทีเดียว
โดยหุ้นของ Meta ร่วงลงถึง 72% ในปี 2022 โดยนักวิเคราะห์ส่วนใหญ่เห็นด้วยว่าหุ้นของ Meta นั้นได้สูญเสียมูลค่าลงไปเรื่อยๆ ตั้งแต่ก่อนภาวะเศรษฐกิจตกต่ำทั่วไปของตลาดหุ้นที่เกิดขึ้นในช่วงฤดูร้อน ซึ่งสาเหตุหลักของการตกต่ำนี้ก็มีเหตุมาจากความล้มเหลวของ Mark Zuckerberg ในการสร้าง Metaverse ของเขาให้กลายเป็นชิ้นเป็นอัน หลังจากเขาเปลี่ยนชื่อบริษัทจาก Facebook เป็น Meta และเสียเงินลงทุนไปกว่า 10 พันล้านดอลลาร์
เมื่อต้นเดือนตุลาคมที่ผ่านมา ทาง Meta ได้เริ่มมีการออกนโยบายสำหรับมีการเลิกจ้างงานเป็นการชั่วคราวและเริ่มต้นการปรับโครงสร้างองค์กรครั้งใหญ่เพื่อลดการใช้จ่ายที่เกินความจำเป็นอีกด้วย ซึ่งไม่ดีเลยเพราะมันสื่อว่าพวกเขากำลังรัดเข็มขัดและประหยัดค่าใช้จ่ายมากขึ้นกว่าเดิม ซึ่งในสายตานักวิเคราะห์แล้ว วางแผนปรับลดจำนวนพนักงานเป็นครั้งแรก การปรับขนาดองค์กรใหม่ ไปจนถึงหั่นงบประมาณของทีมลงนี้ คือจุดเริ่มต้นของหายนะของ Meta อย่างเห็นได้ชัด
โดยทาง Bloomberg ก็ได้มีการรายงานว่า กลุ่มนักลงทุนและผู้ถือหุ้นรายใหญ่นั้นเกิดความไม่พอใจเป็นอย่างมากหลังจากที่หุ้นของ Meta ได้ร่วงดิ่งเป็นประวัติการณ์แบบนี้ ซึ่งพวกเขาก็มองว่าสาเหตุหลักที่ทำให้หุ้นของ Meta ร่วงลงมาขนาดนี้แล้วยังไม่ยอมดีดตัวกลับขึ้นไปสักทีก็คือ Mark Zuckerberg ซีอีโอชื่อดังและผู้ก่อตั้งบริษัท ที่มัวแต่ไปลงทุนลงแรงกับการพัฒนา Metavarse ที่ดูจะยังไม่เกิดอะไรเป็นชิ้นเป็นอันในอนาคตอันใกล้นี้อย่างแน่นอน
“เขาเป็นคนที่ไม่ฟังอะไรทั้งสิ้น (Tone Deaf) ว่ากลุ่มผู้ถือหุ้นคนอื่นๆ นั้นต้องการอะไร เขาไม่ฟังใครเลยนอกจากตัวเขาเอง” David Katz หัวหน้าเจ้าหน้าที่การลงทุนของ Matrix Asset Advisors กล่าวกับ Bloomberg แถมยังบอกเพิ่มเติมอีกว่า หุ้นของ Meta นั้นสามารถกลับมามีมูลค่าเพิ่มขึ้นเป็นสองเท่าในหนึ่งปีได้อย่างแน่นอนด้วยการบริหารจัดการที่ดีขึ้น ซึ่งการบริหารจัดการนั้น ต้องเน้นและใส่ใจถึงความต้องการของกลุ่มผู้ถือหุ้นหลักที่มากขึ้น
แต่ดูเหมือนว่า การขับไล่ Mark Zuckerberg ออกจาก Meta นั้นจะไม่ใช่เรื่องง่าย เนื่องจากว่าเขาเป็นเจ้าของและควบคุมหุ้นประมาณ 90% ของทั้งบริษัท ซึ่งหุ้นที่เขาถือนั้นเรียกว่าเป็นหุ้นประเภท B (Class B shares) ที่ไม่ใช่หุ้นสาธารณะ ซึ่งหุ้นนี้ทำให้มีอำนาจและคะแนนเสียงในการโหวตเรื่องต่างๆ ในบริษัทมากถึง 10 เสียง ต่อ 1 เสียง เทียบกับหุ้นประเภท A (Class A shares) ที่สามารถซื้อขายกันได้ตามสาธารณะ แทบเรียกได้ว่า Mark Zuckerberg นั้นคือผู้คุมชะตาของ Meta อย่างแท้จริงแต่เพียงผู้เดียว
อย่างไรก็ตาม Mark Iong ผู้จัดการกองทุนของ Homestead Advisers กล่าวว่า Mark Zuckerberg ยังสมควรได้รับความเชื่อใจอยู่ถ้าดูจากผลงานของเขาทั้งหมดที่ผ่านมา ตั้งแต่การพา Facebook เข้า IPO ด้วยมูลค่าสูงจนกำไรมหาศาล เขาอดทนและรอเวลาจนสามารถสร้างรายได้จาก WhatsApp เขาซื้อ Instagram ตั้งแต่เนิ่นๆ ดังนั้นทุกคนควรจะอดทนและรอดูว่าแผนระยะยาวที่เขาวางไว้ให้ Metaverse นั้นจะออกดอกออกผลหรือไม่ในท้ายที่สุด
สำหรับพวกเราก็ได้แต่ต้องรอดูต่อไปว่า แผนการระยะยาวในการทุ่มทุกอย่างไปให้ Metaverse ของ Mark Zuckerberg นั้นจะได้ผลตอบแทนที่คุ้มค่าไหม มีเพียงเวลาเท่านั้นที่จะตอบคำถามนี้ได้
ที่มา:
– MANY FACEBOOK SHAREHOLDERS WISH THEY COULD FIRE MARK ZUCKERBERG : Noor Al-Sibai, Futurism – https://bit.ly/3DTV1em
– Bulls on Meta Stock Have One Big Problem: Mark Zuckerberg : Ryan Vlastelica, Bloomberg – https://bloom.bg/3T6x7k5
#trends
#business
#technology
#missiontothemoon
#missiontothemoonpodcast
