หากพูดถึงประชากร “กลุ่มเปราะบาง” แต่เดิมเรามักจะนึกถึงคนที่ไม่มีความสามารถในการปกป้องสิทธิและผลประโยชน์ของตัวเอง หรือต้องได้รับการช่วยเหลือจากครอบครัวและองค์กรที่ให้การสนับสนุนคนที่เข้าไม่ถึงสาธารณูปโภคพื้นฐานที่จำเป็น เช่น เด็กและเยาวชน เด็กกำพร้า ผู้พิการ ผู้สูงวัย รวมถึงผู้ป่วยกลุ่มต่างๆ
แต่ไม่กี่ปีที่ผ่านมาโลกเจอกับความผันผวนครั้งยิ่งใหญ่เกิดขึ้นแทบจะพร้อมๆ กัน ทั้งโรคระบาด สงคราม และภาวะเศรษฐกิจถดถอย ทำให้กระทบต่อความเป็นอยู่ของผู้คนทั้งโลก ยิ่งไปกว่านั้นยังได้รับแรงกระทบจนส่งผลกับ “ค่าครองชีพ” อย่างรุนแรง เนื่องจากภาวะเงินเฟ้อและราคาสินค้าพุ่งสูงขึ้นอย่างรวดเร็ว ประชาชนมีค่าใช้จ่ายเพิ่มมากขึ้นแต่กลับไม่มีรายได้เพียงพอ ทำให้ต้องกู้เงินเพื่อใช้จ่ายจนกลายเป็นหนี้
มีรายงานสถิติหนี้ของคนอเมริกันยังระบุว่าประชาชนเริ่มเป็นหนี้ตั้งแต่อายุน้อย โดยประชากรตั้งแต่อายุ 18-29 ปีก็เริ่มมีหนี้ที่กู้ยืมมาเพื่อเรียนปริญญาตรีแล้ว ยังไม่นับรวมค่าใช้จ่ายอื่นๆ เช่น ที่พักอาศัย ค่ารถ ค่ากินอยู่ ค่าบัตรเครดิตและค่ารักษาพยาบาล ทำให้คนอเมริกันทั้งหลายต้องเร่งทำงานเพื่อนำเงินมาใช้หนี้ที่กู้ยืมมาเพื่อใช้ชีวิตอีกทีหนึ่ง
ยิ่งไปกว่านั้น สถิติหนี้อเมริการายงานว่าคนอเมริกันเป็นหนี้มากขึ้นจากการทำสินเชื่อ โดยหนี้สินเชื่อบ้านและรถในปลายปี 2022 เป็นเงิน 1.5 ล้านล้านดอลลาร์ (คิดเป็น 51,573,750 ล้านบาท) ซึ่งถือเป็นตัวเลขที่เพิ่มขึ้นสูงสุดเป็นประวัติการณ์ และ 72.4% ของ Gen Z เริ่มเป็นหนี้เพราะการทำสินเชื่อรถหรือบ้านนี่เอง
คนที่ประสบปัญหาด้านการเงิน หรือมีภาระหนี้สินล้นตัว ไม่สามารถดูแลค่าใช้จ่ายในชีวิตประจำวันได้ จนสุดท้ายต้องรอรับความช่วยเหลือจากสวัสดิการสังคมจึงถูกจัดเป็น “กลุ่มเปราะบาง” ปัญหาด้านการเงินและปากท้องของประชาชนถือเป็นปัญหาใหญ่จนรัฐบาลหลายๆ ประเทศต้องเร่งแก้ไข
นอกจากหน่วยงานรัฐบาลแล้ว องค์กรที่ไม่แสวงหาผลกำไรต่างๆ ก็ช่วยบรรเทาความเสียหายที่เกิดขึ้นกับประชาชนได้ดีในสภาพเศรษฐกิจอย่างทุกวันนี้ หลายๆ ประเทศที่พัฒนาแล้วก็มีองค์กรการกุศลที่คอยการช่วยเหลือคนเหล่านี้ ประเทศอังกฤษก็ได้จัดตั้งองค์กรช่วยเหลือให้กับประชาชนที่ได้รับผลกระทบด้านการเงินและการครองชีพเช่นเดียวกัน
St. Ann’s Advice Centre หน่วยงานให้คำปรึกษาและการสนับสนุนประจำเมืองนอตทิงแฮมเริ่มโครงการ Money Minded ให้ความช่วยเหลือผู้เดือดร้อนด้านการเงิน ผลประโยชน์ หนี้สิน การจ้างงาน และที่พักอาศัยให้กับประชาชนในเมืองนอตทิงแฮมและนอตทิงแฮมไชร์ (Nottinghamshire) ที่นอกจากจะให้คำปรึกษาเกี่ยวกับการจัดการหนี้สินและจัดหาสวัสดิการให้กับประชาชนแล้ว โครงการ Money Minded ยังเห็นว่าปัญหาสุขภาพจิตของคนที่มีภาระหนี้สินเป็นปัญหาที่น่ากังวลอย่างยิ่ง
แอนเจลา ลีเวอร์ส ผู้มารับความช่วยเหลือจาก Money Minded เล่าว่าตนไม่สามารถเข้าถึงไฟฟ้า อาหารและการรักษาได้ เธอเกือบจะจบชีวิตตัวเองอยู่แล้ว แต่อีกใจหนึ่งก็อยากมีชีวิตอยู่ต่อไป
ลิซ่า โฮลรอย อาสาสมัครของโครงการ Money Minded เล่าว่าเธอเป็นโรคกระดูกสันหลังคดจนต้องนั่งวีลแชร์ แต่ก็ไม่สามารถซื้ออาหารที่ตรงกับโภชนาการได้ เธอทรมานกับอาการเจ็บปวดมาก แล้วยิ่งเห็นค่าครองชีพที่เธอได้รับ เธอก็ยิ่งคิดว่าคงไม่มีอายุยืนยาวขนาดนั้น
นอกจากนี้ยังมีผู้รอรับการช่วยเหลือเรื่องเงินอีกหลายคนที่กังวลกับค่าใช้จ่าย จนต้องเผชิญกับปัญหาสุขภาพจิต เพราะไม่อยากออกจากบ้านอยู่หลายปี
เดบบี้ เวบสเตอร์ ผู้บริหารโครงการ Money Minded เล็งเห็นว่าปัญหาไม่ได้มีเพียงสวัสดิการความเป็นอยู่เท่านั้น แต่การฟื้นฟูสภาพจิตใจของผู้ประสบปัญหายังต้องดำเนินการอย่างเร่งด่วน Money Minded จึงจัดตั้งกลุ่มให้คำปรึกษาด้านอาชีพ เพื่อหางานสร้างรายได้ให้กับประชาชน และเพิ่มโปรแกรมบำบัดกลุ่ม ทั้งแบบออนไลน์และแบบพบปะกันในชุมชน เมืองนอตทิงแฮมให้แก่ผู้ที่เผชิญปัญหาสุขภาพจิตจากเรื่องเงินอีกด้วย
ปัญหาหนี้ครัวเรือนกลายเป็นประเด็นเศรษฐกิจระดับชาติที่รัฐบาลต้องให้ความสำคัญ เพราะภาระหนี้สินที่เพิ่มขึ้นของประชาชนไม่ได้ส่งผลแค่ความเป็นอยู่ แต่ยังกระทบต่อสุขภาพกายและใจ รวมถึงสถาบันเล็กของสังคม อย่างสถาบันครอบครัวด้วย
ยิ่งไปกว่านั้น หากปล่อยทิ้งไว้โดยไม่เร่งหามาตรการแก้ไขก็จะสูญเสียเสถียรภาพทางการเงินของประเทศ อาจเร่งอัตราการเกิดอาชญากรรมในพื้นที่ชุมชนให้สูงขึ้น และกระทบต่อการขยายตัวของเศรษฐกิจของประเทศด้วยอย่างแน่นอน
อ้างอิง
– Cost of living: Mental health service set up to help people in debt : Jeremy Ball, BBC – https://bit.ly/3q1baKW
– Demographics of Debt : Bill Fay, Debt.org – https://bit.ly/3OqAqDS
#trend
#missiontothemoon
#missiontothemoonpodcast