ในช่วงที่ผ่านมา “ChatGPT” เป็นหนึ่งในเรื่องที่ได้รับความสนใจมากที่สุด ด้วยความสามารถในการโต้ตอบ สื่อสาร และตัดสินใจราวกับมนุษย์ ประกอบกับความสามารถในการรับคำสั่งได้อย่างหลากหลาย การมาถึงของ ChatGPT นี้ทำให้เราได้เห็นถึงศักยภาพและความเป็นไปได้อันไม่มีที่สิ้นสุดของ Generative AI เพียงแค่ 2 เดือนหลังจากการเปิดตัว ChatGPT มีผู้ใช้งานต่อเดือนสูงถึง 100 ล้านยูสเซอร์ เรียกได้ว่า ChatGPT เป็นแอปพลิเคชันที่จำนวนผู้ใช้งานเติบโตเร็วมากที่สุดในประวัติศาสตร์ก็ว่าได้
สิ่งที่น่าสนใจไม่แพ้กันคือโมเดลฐานข้อมูลทางภาษาขนาดใหญ่ (LLMs) เบื้องหลัง ChatGPT นั้นได้เดินทางมาถึงจุดเปลี่ยนครั้งสำคัญด้วยเหตุผลสองประการ ประการแรกคือมันสามารถตีความภาษาที่ซับซ้อนได้ เป็นครั้งแรกในประวัติศาสตร์ที่ Machine สามารถเรียนรู้ภาษา บริบท และเจตนา ส่วนประการที่สองคือโมเดลเหล่านี้ได้รับการฝึกฝนด้วยฐานข้อมูลขนาดใหญ่ที่มีทั้งข้อความ ภาพ และเสียง ทำให้พวกมันสามารถรับคำสั่งได้หลากหลายและนำไปปรับใช้ได้หลายๆ รูปแบบ
ดังนั้นไม่ว่าจะงานประเภทไหนก็สามารถนำ Generative AI นี้เข้ามาช่วยได้ทั้งนั้น
รายงานจาก Accenture เน้นย้ำถึงความสำคัญที่เหล่าผู้นำทางธุรกิจต้องตระหนักได้ว่า นี่คือการเปลี่ยนแปลงครั้งใหญ่ Generative AI เหล่านี้จะมาเปลี่ยนแปลงทุกๆ อย่างตั้งแต่ธุรกิจ วิทยาศาสตร์ ไปจนถึงตัวสังคมเอง และจะมีส่วนช่วยอย่างยิ่งในเรื่องของความสร้างสรรค์ (Creativtiy) และผลิตผล (Productivity) ของมนุษย์
เมื่อสำรวจในทุกๆ อุตสาหกรรมการทำงาน Accenture พบว่ากว่า 40% ของชั่วโมงการทำงานจะได้รับผลกระทบจาก LLMs อย่าง GPT-4 (ChatGPT เวอร์ชัน 4) โดยเฉพาะงานที่เกี่ยวข้องกับภาษา (Language Task) เพราะในชั่วโมงการทำงานทั้งหมดของพนักงานนั้นกว่า 62% เกี่ยวข้องกับภาษา และ 65% ของเวลาทั้งหมดสามารถทำงานได้อย่างมีประสิทธิภาพกว่าเดิมได้ผ่านการใช้ LLMs เข้ามาช่วย ไม่ว่าจะเป็นการทำให้งานนั้นเป็นอัตโนมัติ (Automation) หรือช่วยส่งเสริมการทำงาน (Augmentation)
โดยอุตสาหกรรมที่จะได้รับผลกระทบมากที่สุด ได้แก่
1) การเงิน-การธนาคาร (Banking)
2) ประกัน (Insurance)
3) ซอฟต์แวร์และแพลตฟอร์ม (Software and Platforms)
4) ตลาดทุน (Capital Markets)
5) พลังงาน (Energy)
โดยอันดับหนึ่งซึ่งก็คือการเงิน-การธนาคารนั้นมีงานที่มีความเป็นไปได้สูงว่าจะถูก Automation ถึง 54% และงานที่มีความเป็นไปได้สูงว่าจะถูกนำ Generative AI เข้ามาช่วย (Augmentation) ถึง 12% ในขณะเดียวกันมีเพียง 24% ที่มีความเป็นไปได้ต่ำว่าจะถูก Automation หรือ Augmentation (แต่อาจเป็นไปได้) และมีงานที่จะไม่ถูกปฏิรูปเพราะไม่เกี่ยวข้องกับภาษาเลยเพียง 10% เท่านั้น
นอกจากแบ่งเป็นอุตสาหกรรมแล้ว รายงานยังได้แบ่งตามประเภทงานอีกด้วยว่า งานลักษณะไหนจะถูก Generative AI เข้ามาทดแทนหรือปรับเปลี่ยน
โดยประเภทงานที่จะได้รับผลกระทบมากที่สุด ได้แก่
1) งานแอดมิน (Office and Administration Support)
2) งานด้านการขาย (Sales)
3) งานด้านคอมพิวเตอร์และตัวเลข (Computer and Mathematical)
4) งานด้านการดำเนินการธุรกิจและการเงิน (Business and Financial Operation)
5) ศิลปะ การออกแบบ ความบันเทิง กีฬา และสื่อ (Arts, Design, Entertainment, Sports, and Media)
รายงานยังย้ำเตือนอีกว่า บริษัทต่างต้องลงทุนในการพัฒนาการปฏิบัติการ (Operations) และการฝึกฝนพนักงานให้มากพอๆ กับการลงทุนในเทคโนโลยี กล่าวคือ บริษัทต้องกล้าคิดนอกกรอบเดิมๆ ว่าจะปรับรูปแบบการทำงานอย่างไร และจะช่วยให้พนักงานไม่ตกขบวนความเปลี่ยนแปลงนี้อย่างไร โดยสองปัจจัยนี้เองจะเป็นตัวช่วยให้บริษัทสามารถไปถึงศักยภาพสูงสุด และแข่งขันได้ในยุคแห่งเทคโนโลยี Generative AI
อ่านรายงานฉบับเต็มได้ที่ : https://www.accenture.com/content/dam/accenture/final/accenture-com/document/Accenture-A-New-Era-of-Generative-AI-for-Everyone.pdf
อ้างอิง
https://bit.ly/3FZRhZx
#trend
#business
#missiontothemoon
#missiontothemoonmedia
