คุณเชื่อในคำพูดที่ว่า “แค่เปลี่ยนวิธีคิด ชีวิตก็เปลี่ยน” หรือไม่?
เมื่อไม่นานมานี้มีเทรนด์ใหม่เกิดขึ้นบนโลก TikTok นั่นก็คือ Lucky Girl Syndrome คือการคิดว่าตัวเองเป็นคนที่ “โชคดี” เพราะเชื่อว่าหากคิดในแง่บวกเช่นนี้แล้วจะทำให้เกิดเรื่องดีๆ ขึ้นในชีวิต เช่น บางคนพอตื่นเช้าขึ้นมาก็บอกกับตัวเองว่าวันนี้จะต้องมีเรื่องดีๆ เกิดขึ้นแน่ๆ เลย
หรือในทางกลับกัน หากเจอเรื่องที่ไม่ดีในชีวิตก็ยังเชื่อว่าตัวเองโชคดีและคิดในแง่บวกอยู่เสมอ เช่น การพูดว่า “โชคดีนะที่ไม่เป็นอะไรมาก” เป็นต้น เป็นหลักการให้กำลังใจตัวเองแบบง่ายๆ คล้ายกับ “กฎแรงดึงดูด” ที่เชื่อว่าหลายคนน่าจะรู้จักกันเป็นอย่างดี ที่เป็นแนวคิดที่เชื่อว่าถ้าเราคิดลบก็จะดึงดูดสิ่งไม่ดีเข้ามา แต่ถ้าเราคิดบวกก็จะมีเรื่องดีๆ เกิดขึ้นในชีวิตจริงๆ ได้
เรียกได้ว่าเหมือนเราเป็นคนที่สามารถกำหนดชะตาชีวิตของตัวเองให้กลายเป็นโชคดีได้ ผ่านพลังของการคิดบวกนั่นเอง
แค่เปลี่ยนวิธีคิด ชีวิตก็เปลี่ยนจริงหรือ?
ต้องบอกก่อนว่าผู้คนนับพันคนใน TikTok ได้ออกมาโพสต์เกี่ยวกับการนำกลยุทธ์นี้มาใช้ในชีวิตจริง ซึ่งส่วนใหญ่แล้วบอกว่าวิธีนี้ควรค่าแก่การนำมาใช้ เพราะพวกเขาใช้แล้วมันได้นำโอกาสใหม่ๆ เข้ามาในชีวิตจริงๆ
แต่แนวคิดนี้ยังไม่ได้มีหลักฐานทางวิทยาศาสตร์มารองรับ ทำให้มีทั้งคนที่สนับสนุนและไม่ค่อยเห็นด้วยเท่าไรนัก
โดยคนที่ไม่เห็นด้วยกับแนวคิดนี้ได้กล่าวว่า เขากลัวว่าเทรนด์นี้จะทำให้คนเข้าใจผิดและมองว่าแค่คิดว่าตัวเองโชคดีก็จะทำให้ชีวิตดีขึ้น จนไม่พัฒนาตัวเองและรอให้โอกาสวิ่งเข้ามาแทนที่จะออกไปไขว่คว้าโอกาสนั้นด้วยตัวเอง
หรือในบางครั้งก็อาจทำให้บางคนรู้สึกว่าตัวเอง “ไม่โชคดีพอ” จนรู้สึกท้อแท้กับการใช้ชีวิตของตัวเองได้ เพราะแน่นอนว่าคนเราเกิดมาแล้วมีต้นทุนชีวิตไม่เท่ากัน ซึ่งต้นทุนชีวิตในที่นี้หมายถึงทรัพยากร ระบบครอบครัว สิทธิพิเศษ โอกาส และความสามารถ คนที่มีต้นทุนชีวิตมากกว่าก็จะมองโลกในแง่ดีได้มากกว่า แต่หากมองในทางกลับกัน การมองโลกในแง่ดีอาจไม่ใช่เรื่องที่ง่ายนักสำหรับคนที่มีต้นทุนชีวิตน้อยกว่า
นอกจากนี้แล้ว Lucky Girl Syndrome ก็ยังอาจทำให้เกิด Toxic Positivity หรือพิษของการสั่งให้คิดแต่เรื่องบวก โดยไม่ดูความเป็นจริง ซึ่ง Gail Saltz รองศาสตราจารย์ด้านจิตเวชศาสตร์จาก New York-Presbyterian Hospital Weill-Cornell School of Medicine กล่าวว่า การพยายามคิดแต่เรื่องบวกเป็นเหมือนการกดความรู้สึกอื่นๆ ไว้ เช่น ความรู้สึกโกรธ ผิดหวัง และเสียใจ จนก่อให้เกิดผลเสียต่อสุขภาพกายและสุขภาพจิตแทน
ใช้ Lucky Girl Syndrome อย่างไรให้ได้ผล?
หากมองในอีกแง่หนึ่ง Lucky Girl Syndrome เป็นเหมือนการพูดกับตัวเองในแง่บวก (Positive Affirmation) เพราะการบอกว่าตัวเองโชคดีและมีแต่สิ่งดีๆ เกิดขึ้นในชีวิต จะทำให้เรารู้สึกมั่นใจและมีความสุขมากขึ้น ซึ่งการวิจัยที่เผยแพร่ใน Journal of Happiness Studies ได้ชี้ให้เห็นว่าการชื่นชมตัวเองว่าเรากำลังทำสิ่งดีๆ ให้กับชีวิตของตัวเอง (Self-Affirmation) มีประโยชน์ต่อสุขภาพจิตหลายอย่าง
ไม่ว่าจะเป็น
[ ] เพิ่มความมั่นใจและการเห็นคุณค่าในตนเอง
[ ] ทำให้รู้สึกว่าเราสามารถควบคุมสิ่งต่างๆ ได้
[ ] ทำให้มีความสุขมากขึ้น และเครียดน้อยลง
[ ] มีแรงจูงใจในการแก้ไขปัญหาต่างๆ มากขึ้น
[ ] มีความจำที่ดีขึ้น
แต่ก็อย่างที่กล่าวไปแล้วว่าการชื่นชมตัวเองด้วยการพร่ำบอกตัวเองว่า “เราโชคดี” อยู่ตลอดอาจก่อให้เกิดผลเสียได้ เพราะฉะนั้นเราจะต้องลองชื่นชมตัวเองด้วยแนวคิดอื่นๆ ที่มีประสิทธิภาพมากกว่า อย่างเช่น
[ ] ใช้ภาษาเชิงบวก : หากต้องการให้คำที่พูดกับตัวเองในแง่บวกมีพลังมากที่สุดให้ใช้คำว่า “ฉันจะทำให้สำเร็จ” แทนที่จะพูดว่า “ฉันจะไม่ล้มเหลวอีก”
[ ] อยู่กับปัจจุบัน : การใช้คำพูดที่สื่อถึงการกระทำในปัจจุบันจะมีประสิทธิภาพกว่า เช่น การพูดว่า “ฉันมีความสุข” ย่อมดีกว่า “ฉันจะมีความสุข”
[ ] สั้นและตรงประเด็น : การพูดกับตัวเองในแง่บวกที่ดีนั้นจะต้องใช้คำที่กระชับที่สุด และจะต้องตั้งอยู่บนพื้นฐานของความเป็นจริงที่สุดด้วย เพื่อเปิดพื้นที่ให้เราได้เติบโตขึ้นจริงๆ ไม่ใช่เพื่อเลี่ยงอารมณ์ของตัวเอง
จะเห็นได้ว่า Lucky Girl Syndrome มีทั้งข้อดีและข้อเสียในตัวเอง ฉะนั้นสิ่งสำคัญคือเราจะต้องมีกลยุทธ์ในการใช้ที่ดี เพราะหากใช้มากเกินไปหรือใช้ในทางที่ไม่ถูกต้องก็อาจก่อให้เกิด Toxic Positivity หรือผลเสียอื่นๆ ตามมาได้
จงจำไว้ว่า “การชื่นชมตัวเอง” ไม่ใช่ “การปฏิเสธความเป็นจริง”
อ้างอิง
– ‘Lucky Girl Syndrome’: Does This New TikTok Trend Actually Work? : Taylor Leamey, CNET – http://bit.ly/3QJqnJB
– TikTok’s ‘Lucky Girl Syndrome,’ Explained : Christie Calucchia, SHAPE – http://bit.ly/3ZFd8NV
#trend
#LuckyGirlSyndrome
#missiontothemoon