สำรวจนโยบาย Trump Tariffs ของแพงขึ้น เงินเดือนไม่พอ มนุษย์ออฟฟิศต้องรับมืออย่างไร?
การประกาศเก็บภาษีศุลกากรครั้งใหญ่ของประธานาธิบดีโดนัลด์ ทรัมป์ ในต้นเดือนเมษายนที่ผ่านมา ทำให้เกิดความปั่นป่วนในตลาดการเงินทั่วโลก และสร้างความกังวลเรื่องสงครามการค้าที่อาจส่งผลกระทบต่อเศรษฐกิจและชีวิตความเป็นอยู่ของผู้คนทั่วโลก
“สงครามภาษี” ครั้งนี้ไม่ได้เป็นเพียงข่าวเศรษฐกิจไกลตัวอีกต่อไป เพราะขณะที่นักลงทุนตื่นตระหนกกับการร่วงลงของตลาดหุ้น เศรษฐกิจโลกกำลังเผชิญกับคลื่นกระทบที่จะเปลี่ยนแปลงชีวิตของผู้คนในวงกว้าง โดยเฉพาะมนุษย์เงินเดือนที่อาจต้องแบกรับภาระค่าครองชีพที่สูงขึ้น ท่ามกลางความไม่แน่นอนทางเศรษฐกิจ
ลองคิดดูว่า เมื่อสินค้านำเข้าจากทั่วโลกถูกเก็บภาษีเพิ่มขึ้นอย่างน้อย 10% ไปจนถึง 60% สำหรับบางประเทศ ผลกระทบจะไม่ได้หยุดอยู่แค่ตัวเลขบนกราฟของนักเศรษฐศาสตร์ แต่กำลังจะส่งผลโดยตรงต่อราคาสินค้าที่เราซื้อหา งบประมาณครัวเรือนของเรา และแม้กระทั่งความมั่นคงในหน้าที่การงานของเรา
เมื่อนโยบายภาษีเปลี่ยน ชีวิตคนทำงานก็เปลี่ยนตาม
เมื่อวันที่ 3 เมษายน 2025 ประธานาธิบดีโดนัลด์ ทรัมป์ ประกาศใช้ภาษีศุลกากรครั้งใหญ่กับสินค้านำเข้าจากทั่วโลก โดยกำหนดให้มีอัตราพื้นฐาน 10% สำหรับทุกประเทศ และสูงถึง 20-60% สำหรับประเทศคู่ค้าหลายแห่ง รวมถึงจีน (54%), สหภาพยุโรป (20%), ญี่ปุ่น (24%), เกาหลีใต้ (25%), ไต้หวัน (32%) และไทย (36%)
ถึงแม้ว่าภาษีศุลกากรจะดูเหมือนเป็นเรื่องของความสัมพันธ์ระหว่างประเทศที่ไกลตัว แต่ในความเป็นจริงแล้ว มาตรการนี้จะส่งผลกระทบโดยตรงต่อชีวิตประจำวันของมนุษย์เงินเดือนทั่วโลกอย่างเรา
[ ] ค่าครองชีพที่พุ่งสูงขึ้น
ภาษีศุลกากรคือภาษีที่เก็บจากสินค้านำเข้า ซึ่งในที่สุดภาระภาษีนี้จะถูกผลักไปให้ผู้บริโภค นั่นหมายความว่าราคาสินค้าที่เราซื้อใช้ในชีวิตประจำวันจะสูงขึ้นอย่างหลีกเลี่ยงไม่ได้
นักวิเคราะห์จาก Rosenblatt Securities คาดการณ์ว่า iPhone รุ่นไฮเอนด์อาจมีราคาพุ่งสูงถึง 2,300 ดอลลาร์ (ประมาณ 78,000 บาท) หากแอปเปิลผลักภาระภาษีให้กับผู้บริโภค และนี่เป็นเพียงตัวอย่างเดียวของสินค้าที่อาจมีราคาสูงขึ้น
สินค้าอื่นๆ ที่อาจมีราคาแพงขึ้นเนื่องจากภาษีศุลกากร ได้แก่รถยนต์และชิ้นส่วน (ญี่ปุ่น เกาหลีใต้ และยุโรปโดนภาษี 20-25%) อุปกรณ์อิเล็กทรอนิกส์ (จีนโดนภาษี 54%) เครื่องแต่งกายและสิ่งทอ (หลายประเทศในเอเชียโดนภาษี 30-50%) อาหารนำเข้า (อะโวคาโด เตกีล่า แอลกอฮอล์ และอาหารจากยุโรป) และวัสดุก่อสร้าง (ไม้จากแคนาดา อลูมิเนียม)
ที่น่าเป็นห่วงคือผลจากการสำรวจผู้ประกอบการที่พบว่าธุรกิจหลายแห่งวางแผนที่จะผลักภาระต้นทุนที่เพิ่มขึ้นไปยังลูกค้า ส่งผลให้เงินเดือนที่เคยเพียงพอสำหรับค่าใช้จ่ายในชีวิตประจำวันอาจไม่เพียงพออีกต่อไป
[ ] ความมั่นคงในการทำงานที่ลดลง
เมื่อต้นทุนการดำเนินธุรกิจสูงขึ้น บริษัทต่างๆ จะเริ่มปรับตัวเพื่อรักษาผลกำไร การสำรวจจาก Duke University และธนาคารกลางสหรัฐฯ สาขา Richmond และ Atlanta พบว่า 25% ของประธานเจ้าหน้าที่การเงิน (CFO) ในสหรัฐฯ ยอมรับว่าได้ลดแผนการจ้างงานปี 2025 เนื่องจากความกังวลเกี่ยวกับนโยบายภาษีศุลกากร และอีก 25% ระบุว่าได้ลดแผนการลงทุนในปีนี้
นั่นแปลว่ามนุษย์เงินเดือนอาจมีโอกาสในการเลื่อนตำแหน่งที่น้อยลง เนื่องจากบริษัทชะลอการขยายตัว มีการปรับลดโบนัสและสวัสดิการ มีการแข่งขันในตลาดแรงงานที่สูงขึ้น เนื่องจากมีตำแหน่งงานเปิดใหม่น้อยลง และยังมีความเสี่ยงต่อการถูกลดชั่วโมงทำงานหรือเลิกจ้างในบางอุตสาหกรรม
นอกจากนี้ บริษัทที่พึ่งพาการส่งออกไปยังประเทศที่อาจตอบโต้ด้วยมาตรการภาษีเช่นกัน อาจเผชิญกับความท้าทายในการขายสินค้า ซึ่งส่งผลกระทบโดยตรงต่อความมั่นคงในการทำงานของพนักงานด้วย
[ ] เงินเฟ้อที่อาจกลับมาอาละวาด
นักเศรษฐศาสตร์จาก Union Bank of Switzerland (ธนาคารสหภาพสวิส) คาดการณ์ว่าภาษีศุลกากรอาจทำให้เงินเฟ้อในสหรัฐฯ พุ่งสูงถึง 5% ซึ่งเป็นระดับที่สูงกว่าเป้าหมายของธนาคารกลางสหรัฐฯ ที่ 2% อย่างมาก เงินเฟ้อที่สูงขึ้นนี้จะส่งผลกระทบเป็นวงกว้างต่อเศรษฐกิจโลก รวมถึงประเทศไทย
สำหรับมนุษย์เงินเดือน เงินเฟ้อที่สูงขึ้นหมายถึงค่าครองชีพที่สูงขึ้น ในขณะที่เงินเดือนอาจไม่ได้เพิ่มขึ้นในอัตราเดียวกัน และอำนาจซื้อที่ลดลง ทำให้เงินที่หามาได้มีค่าน้อยลง นอกจากนี้ดอกเบี้ยเงินกู้ที่อาจสูงขึ้น หากธนาคารกลางต้องขึ้นดอกเบี้ยเพื่อควบคุมเงินเฟ้อ ส่งผลให้เกิดภาระหนี้สินที่หนักขึ้น โดยเฉพาะสำหรับผู้ที่มีหนี้บัตรเครดิตหรือสินเชื่อที่มีอัตราดอกเบี้ยลอยตัว
[ ] เงินออมและการลงทุนที่ได้รับผลกระทบ
ตลาดการเงินทั่วโลกตอบสนองต่อการประกาศภาษีศุลกากรของทรัมป์ด้วยการร่วงลงอย่างรุนแรง ดัชนีดาวโจนส์ลดลงเกือบ 4% (วันที่แย่ที่สุดนับตั้งแต่มิถุนายน 2020) ดัชนี S&P 500 ลดลงเกือบ 5% และดัชนี Nasdaq ลดลงเกือบ 6% (วันที่แย่ที่สุดนับตั้งแต่มีนาคม 2020)
ความผันผวนในตลาดการเงินนี้ส่งผลกระทบโดยตรงต่อเงินออมและการลงทุนของมนุษย์เงินเดือน ไม่ว่าจะเป็นมูลค่ากองทุนสำรองเลี้ยงชีพหรือกองทุนรวมที่ลงทุนในหุ้นอาจลดลง ผลตอบแทนจากการลงทุนในระยะยาวอาจต่ำกว่าที่คาดการณ์ไว้ ค่าเงินที่อ่อนค่าลงอาจส่งผลให้สินค้านำเข้ามีราคาแพงขึ้น และส่งผลกระทบต่อการวางแผนการเงินส่วนบุคคล
ในขณะเดียวกัน สินทรัพย์ปลอดภัยอย่างทองคำและพันธบัตรรัฐบาลอาจได้รับความสนใจมากขึ้น แต่ผลตอบแทนจากพันธบัตรก็อาจได้รับผลกระทบจากความกังวลเกี่ยวกับเงินเฟ้อและนโยบายการเงินของธนาคารกลาง
แนวทางรับมือกับสงครามภาษีสำหรับมนุษย์เงินเดือน
ในช่วงเวลาแห่งความไม่แน่นอนเช่นนี้ เมื่อผู้นำประเทศกำลังประกาศสงครามภาษี แต่ถ้ามองไปรอบตัว เราจะเห็นว่ามนุษย์เงินเดือนคือผู้ที่เปราะบางที่สุดในห่วงโซ่เศรษฐกิจ เพราะเราทั้งเป็นผู้บริโภคที่ต้องซื้อสินค้าในราคาที่แพงขึ้น เป็นพนักงานที่ความมั่นคงในการทำงานถูกคุกคาม และเป็นผู้ออมที่ต้องเผชิญกับความผันผวนในการลงทุน
บางคนอาจมองว่านี่เป็นเพียงเรื่องไกลตัว แต่ความจริงแล้ว ผลกระทบกำลังคืบคลานเข้ามาใกล้กระเป๋าสตางค์ของเราทุกคนอย่างช้าๆ แต่แน่นอน
ดังนั้น มนุษย์เงินเดือนจึงต้องมีการเตรียมพร้อมรับมือกับผลกระทบจากนโยบายภาษีศุลกากรได้หลายวิธี เช่น
[ ] วางแผนการเงินอย่างรอบคอบ: ทบทวนงบประมาณรายจ่ายและตัดค่าใช้จ่ายที่ไม่จำเป็น สร้างเงินสำรองฉุกเฉินที่เพียงพอสำหรับค่าใช้จ่าย 3-6 เดือน และหลีกเลี่ยงการก่อหนี้ใหม่ที่ไม่จำเป็น โดยเฉพาะหนี้ที่มีดอกเบี้ยสูง
[ ] ปรับกลยุทธ์การลงทุน: กระจายความเสี่ยงในการลงทุน ไม่พึ่งพาตลาดใดตลาดหนึ่งมากเกินไป พิจารณาสินทรัพย์ที่มักให้ผลตอบแทนดีในช่วงเงินเฟ้อ เช่น หุ้นบริษัทที่มีอำนาจในการกำหนดราคา หรือสินทรัพย์ที่มีมูลค่าแท้จริง และไม่ตัดสินใจลงทุนหรือเทขายด้วยอารมณ์ในช่วงตลาดผันผวน
[ ] พัฒนาทักษะและเพิ่มมูลค่าให้ตัวเอง: ลงทุนในการพัฒนาทักษะที่เป็นที่ต้องการในตลาดแรงงาน สร้างแหล่งรายได้เสริมเพื่อลดการพึ่งพารายได้จากงานประจำเพียงแหล่งเดียว สร้างเครือข่ายทางวิชาชีพเพื่อเพิ่มโอกาสในการเติบโตทางอาชีพ
[ ] ติดตามข่าวสารและปรับตัวอย่างฉลาด: ติดตามพัฒนาการของนโยบายการค้าและมาตรการตอบโต้จากประเทศต่างๆ ที่สำคัญคือต้องทำความเข้าใจว่าภาษีศุลกากรอาจเป็นเพียงเครื่องมือในการเจรจาต่อรอง และอาจมีการเปลี่ยนแปลงได้ ควรระมัดระวังในการวางแผนซื้อสินค้าราคาสูงที่อาจได้รับผลกระทบจากภาษีศุลกากร
ท้ายที่สุดแล้ว แม้ว่านโยบายภาษีศุลกากรจะสร้างความไม่แน่นอนและความท้าทายให้กับมนุษย์เงินเดือน แต่การเตรียมพร้อมและปรับตัวอย่างชาญฉลาดจะช่วยให้เราสามารถนำทางผ่านช่วงเวลาที่ยากลำบากนี้ได้
ในขณะที่ผู้นำประเทศต่างๆ กำลังเจรจาและตอบโต้ในสงครามการค้า มนุษย์เงินเดือนอย่างเราต้องยึดหลัก “รู้เขา รู้เรา” เพื่อวางแผนการเงินและการดำเนินชีวิตให้รอดพ้นจากพายุเศรษฐกิจที่กำลังก่อตัวนี้
เพราะแม้เราไม่อาจควบคุมทิศทางลมของสงครามการค้าโลก แต่เราควบคุมใบเรือชีวิตของตัวเองได้ และเมื่อรู้จักปรับทิศทางให้ถูกต้อง แม้ลมพายุแรงเพียงใด เราก็จะเดินทางถึงฝั่งฝันได้อย่างปลอดภัย
อ้างอิง
– Trump’s tariff threats are hurting your job prospects : Matt Egan, CNN – https://bit.ly/3DS3QZe
– What Trump has done – and why it matters : Jemma Crew, Jennifer Clarke, BBC News – https://bit.ly/3FUd0VH
– Trump tariffs provoke world condemnation and fears of a $2,300 iPhone : Jeff Mason, David Ljunggren and Satoshi Sugiyama, Reuters – https://bit.ly/42v105B
– S&P 500 Drops 4.3 Percent as Trump’s Tariffs Shock Markets : ASSOCIATED PRESS, INC – https://bit.ly/3QZi9hv
#trend
#society
#missiontothemoon
#missiontothemoonpodcast