หลายคนอาจเคยได้ยินเทรนด์ Solo Wedding ในประเทศญี่ปุ่นมาสักพักหนึ่งแล้ว แต่จนถึงตอนนี้ Solo Wedding ก็ดูจะยังมีกระแสและได้รับความนิยมมากขึ้นจากทั่วโลก ซึ่งถือว่าเป็นอีกปรากฏการณ์หนึ่งที่น่าจับตามอง
Solo Wedding หรือแนวคิด Sologamy คือการแต่งงานคนเดียว หรือการแต่งงานกับตัวเอง โดยแนวคิดนี้สร้างความตื่นเต้นให้กับผู้หญิงที่ยังไม่มีแผนจะแต่งงาน แต่มีความฝันที่อยากเป็นเจ้าสาว หรืออยากใส่ชุดแต่งงาน
บางคนก็อาจจะเช่าชุดแล้วถ่ายรูปเพื่อเก็บไว้เป็นความทรงจำ ในขณะที่บางคนจัดงานแต่งงานอย่างจริงจัง มีสถานที่จัดงาน พิธีตัดเค้ก แหวนแต่งงาน การกล่าวคำสาบาน เรียกได้ว่าเป็นพิธีแต่งงานที่จัดขึ้นจริง ต่างกันตรงที่ไม่มีเจ้าบ่าวและทะเบียนสมรสเท่านั้น
ความนิยมดังกล่าวก็ทำให้หลายคนมองว่า Solo Wedding หรือ Sologamy เป็นเทรนด์ของคนโสดขี้เหงาที่ฮิตขึ้นมาเพียงชั่วครู่ แต่จนถึงตอนนี้ก็ดูเหมือนว่าบริษัทต่างๆ ในอุตสาหกรรมนี้เริ่มออกแบบแพ็กเกจสำหรับ Solo Wedding เพื่อตอบโจทย์ลูกค้าคนโสดแต่อยากแต่งงานที่เพิ่มมากขึ้นทุกวัน
ดูเหมือนว่าเทรนด์นี้จะไม่ใช่กระแสชั่วคราว และอาจกำลังสะท้อนให้เห็นความเปลี่ยนแปลงที่น่าสนใจบางอย่างในสังคมของเราด้วยเช่นกัน
ถึงคนโสดจะเพิ่มขึ้น แต่อุตสาหกรรมการแต่งงานก็ยังคึกคัก
ถึงแม้ว่าคนรุ่นใหม่จะมอง ‘ความโสด’ ไปในทิศทางที่ดีขึ้น และมีคนโสดเพิ่มมากขึ้นก็จริง แต่อุตสาหกรรมและธุรกิจเกี่ยวกับการแต่งงานก็ยังไม่ตกที่นั่งลำบากขนาดนั้น เพราะการแต่งงานก็ยังคงเป็นสัญลักษณ์ของการลงหลักปักฐานและสร้าง ‘ความมั่นคง’ ให้กับชีวิต
อีกทั้งบริษัทรับจัดงานแต่งงาน รวมถึงสตูดิโอถ่ายภาพ Pre-wedding จำนวนไม่น้อยในประเทศญี่ปุ่นเผยว่าเทรนด์ Solo Wedding กำลังได้รับความนิยมเพิ่มขึ้นเรื่อยๆ ในหมู่ลูกค้าเพศหญิง โดยมีทั้งคนที่อยากยกระดับความมั่นคงของชีวิตด้วยการแต่งงานกับตัวเอง และไม่จำเป็นต้องมีเจ้าบ่าวหรือคนรัก รวมถึงคนที่ผ่านชีวิตสมรสมาแล้ว แต่ต้องการสร้างความทรงจำดีๆ ในวันแต่งงานขึ้นมาใหม่อีกครั้ง ก็จะมาใช้บริการบริษัทและสตูโอเหล่านี้ด้วยเช่นกัน
ปัจจุบันบริษัทจัดงานแต่งงาน และสตูดิโอถ่ายรูป Pre-wedding ก็เริ่มออกแพ็กเกจให้กับคนที่อยากจัด Solo Wedding โดยมีราคาที่หลากหลายและบริการที่ครอบคลุมตั้งแต่ชุดแต่งงานหรือนายแบบเจ้าบ่าวให้เช่า และสตูดิโอถ่ายรูป ในกรณีที่ลูกค้าต้องการเก็บรูปถ่ายไว้เป็นความทรงจำเท่านั้น
ความนิยมใน Solo Wedding ไม่ได้มีให้เห็นแค่ในประเทศญี่ปุ่นเท่านั้น แต่ยังมีให้เห็นในหลายพื้นที่ทั่วโลก ไม่ว่าจะเป็นบราซิล อเมริกา หรือในยุโรป โดยไม่ได้ถ่ายรูปในสตูดิโอเพียงเท่านั้น แต่ยังเลือกซื้อแพ็กเกจบริการจัดงานแต่งงานแบบฟูลคอร์ส มีทั้งการตกแต่งสถานที่อย่างจริงจัง มีพื้นที่รองรับครอบครัว เพื่อน หรือแขกของเจ้าสาว
Solo Wedding ในบางประเทศเรียกได้ว่าเป็นงานแต่งงานแบบจริงจัง สวมแหวนจริงจัง แล้วก็มีพิธีสาบานตนอย่างจริงจังด้วย แต่ต่างกันตรงที่ไม่มีเจ้าบ่าวและทะเบียนสมรสที่ถูกต้องตามกฎหมายเท่านั้นเอง
ท้าทายบรรทัดฐานสังคม เปลี่ยนโฉม ‘การแต่งงาน’ ยุคใหม่
การแต่งงานเป็นกรอบสังคมที่คนสมัยก่อนตั้งเอาไว้ โดยเฉพาะอย่างยิ่งกับผู้ชายซึ่งเป็นเพศที่มีโอกาสทางสังคมสูงกว่าผู้หญิง ดังนั้นความสำเร็จในชีวิตของผู้หญิงสมัยก่อนจึงต้องผูกกับการแต่งงาน มีสามีและมีลูกเท่านั้น
แม้ว่าในปัจจุบันผู้หญิงได้รับโอกาสมากขึ้น สามารถเข้าถึงการศึกษา มีอาชีพการงานที่มั่นคง และยกระดับฐานะทางเศรษฐกิจได้ด้วยตัวเองโดยไม่จำเป็นต้องแต่งงาน แต่สังคมก็ยังตั้งความคาดหวังให้ผู้หญิงที่โสดและประสบความสำเร็จต้องแต่งงานไม่ต่างจากในอดีต นี่อาจเป็นหนึ่งในสาเหตุที่ทำให้เกิดเทรนด์ Solo Wedding ขึ้นมา
ยิ่งไปกว่านั้น Solo Wedding ยังสะท้อนให้เห็นค่านิยมของคนรุ่นใหม่ที่ให้ความสำคัญกับความสุขส่วนตัวมากกว่าชีวิตคู่และการเป็นแม่คนแบบในสมัยก่อน โดยเฉพาะอย่างยิ่งหลังจากที่ผ่านพ้นวิกฤตจากโรคระบาดมาได้แล้ว
พวกเธอใช้งานแต่งงานเป็นสัญลักษณ์ที่สื่อถึงความสำเร็จในชีวิต ความรักต่อตัวเองที่มั่นคงตลอดไป โดยไม่จำเป็นต้องรอคู่ชีวิตที่เหมาะสมตามความคาดหวังของสังคม และไม่ต้องกังวลเรื่องอายุ ซึ่งค่านิยมนี้ยังช่วยเพิ่มความมั่นใจและคุณค่าในตัวเองของผู้หญิงมากขึ้นด้วย
เหมือนกับที่คุณอิโนอุเอะ ยูกิโกะ ประธานบริษัท Cerca Travel ที่ออกแบบแพ็กเกจ Solo Wedding ยุคแรกๆ ในประเทศญี่ปุ่นได้กล่าวถึงวัตถุประสงค์ของแพ็กเกจนี้กับสำนักข่าวเกียวโตเมื่อปี 2014 ว่าต้องการสนับสนุนให้ผู้หญิงมีความรู้สึกเชิงบวกกับตัวเอง รักและเห็นคุณค่าในตัวเอง ไม่ว่าเธอจะมีคนรักหรือไม่ก็ตาม
เพราะการแต่งงานกับคนรักนอกจากจะต้องรอเวลาที่ทั้งสองคนพร้อมแล้ว ยังต้องใช้เวลาในการเก็บเงินนานไม่แพ้กันแต่ Solo Wedding คือสิ่งที่ผู้หญิงสามารถเลือกและออกแบบได้ตามความชื่นชอบของตัวเอง โดยมีครอบครัว เพื่อนสนิทหรือคนใกล้ชิดมาร่วมแสดงความยินดี
Solo Wedding ไม่ได้สื่ออัตลักษณ์ทางเพศ ไม่ได้แปลว่าเราจะไม่แต่งงานกับใครอีกเลยในอนาคต แต่เป็นเพียงการแสดงออกทางสัญลักษณ์อย่างหนึ่งว่าเรารัก เห็นคุณค่า และให้เกียรติในตัวเองเท่านั้น แต่ถึงแม้ว่าการแต่งงานอาจเป็นจุดเช็กสำคัญในชีวิตของผู้หญิงมากกว่าผู้ชาย แต่ก็มีผู้ชายที่สนับสนุนแนวคิดนี้อยู่ด้วยเช่นกัน
อย่างไรก็ตาม ถึงแม้ว่าความสุขแบบคนโสดจะตอบโจทย์คนรุ่นใหม่บางส่วน และอุตสาหกรรมงานแต่งงานก็ทยอยปรับตัวตามแนวคิด Sologamy ที่ได้รับความนิยมมากขึ้น แต่ก็มาพร้อมกับความท้าทายของรัฐว่าจะทำอย่างไรกับอัตราการเกิดที่น้อยลง และการเข้าสู่สังคมผู้สูงวัยในอนาคต?
อ้างอิง
– Why growing numbers are saying ‘yes’ to themselves : Didem Tali, BBC – https://bbc.in/3VLyIPX
– I, take me, to love forever: Some women are marrying themselves, complete with white dresses, cakes, and lavish parties : Danielle Braff, Business Insider – https://bit.ly/45XgrE0
– Japan: ‘Solo weddings’ for single women, BBC – https://bbc.in/3XOluEB
– Lifting the veil on solo weddings in Japan where there is no bridegroom : Yating Yang, SCMP – https://bit.ly/3zpefbX
#solowedding
#trend
#missiontothemoon
#missiontothemoonpodcast