ความเห็นอกเห็นใจเป็นหนึ่งในทักษะที่ทำให้มนุษย์ยังคงเป็นมนุษย์ที่สามารถรักษาความสัมพันธ์และอยู่ร่วมกับผู้อื่นได้อย่างสันติ อย่างไรก็ตาม ประเด็นร้อนแรงเกี่ยวกับอาชญากรรมทางเพศของนักร้องหญิงที่ถูกแฟนหนุ่มเผยแพร่คลิปขณะมีเพศสัมพันธ์โดยไม่เต็มใจชวนให้ตั้งคำถามเกี่ยวกับระดับความเห็นใจของผู้เสพสื่ออย่างมาก โดยเฉพาะคอมเมนต์จากผู้ชายส่วนใหญ่ที่สร้างบาดแผลแก่ผู้ถูกกระทำซ้ำเข้าไปอีก
ความเห็นอกเห็นใจสามารถแบ่งได้เป็นสองประเภทใหญ่ๆ ประเภทแรกเรียกว่า “Cognitive Empathy” หรือความเห็นใจระดับการรับรู้ ผู้ที่มีความเห็นอกเห็นใจระดับนี้จะสามารถรับรู้และคาดเดาความรู้สึกของผู้อื่นได้ผ่านการสังเกตและรับฟัง
ประเภทที่สองเรียกว่า “Affective Empathy” หรือ “Emotional Empathy” หมายถึงการเห็นอกเห็นใจระดับความรู้สึก ผู้ที่มีความเห็นอกเห็นใจประเภทนี้จะมี ‘ความรู้สึกร่วม’ ไปกับบุคคลที่เขาได้ฟังหรือเห็นเรื่องราว
เพื่อค้นหาคำตอบของคำถาม เราได้พบการศึกษาและการวิจัยจำนวนหนึ่งที่ทำการทดสอบและวัดระดับความเห็นอกเห็นใจทั้งสองประเภท ซึ่งผลลัพธ์บ่งชี้ไปในทางเดียวกันว่า ผู้หญิงมีแนวโน้มที่จะมีความเห็นอกเห็นใจมากกว่าผู้ชายอย่างมีนัยสำคัญ
งานศึกษาแรกทดลองกับผู้คนกว่า 57 ประเทศทั่วโลกผ่าน 8 ภาษา ผู้รับการทดลองมีอายุครอบคลุมตั้งแต่ 16 ปี จนถึง 70 ปี โดยทำการทดสอบผ่าน “Reading the Mind in Eyes Test” หรือการอ่านใจผ่านสายตา ซึ่งเป็นวิธีเดียวกับที่ใช้ทดสอบหาความผิดปกติทางการรับรู้และสภาพจิตใจในผู้ป่วยจิตเวช
โดยปกติแล้วผู้ที่ได้คะแนนการทดสอบต่ำมักจะเป็นผู้มีอาการออทิสติก อาการวิกลจริต หรือผู้ที่มีความผิดปกติในพฤติกรรมการกิน (eating disorders) นั่นเอง
ผลการทดสอบดังกล่าวเพื่อหาความแตกต่างของระดับความเห็นอกเห็นใจระหว่างเพศหญิงกับชายแล้วพบว่า ผู้หญิงจาก 36 ประเทศได้คะแนนมากกว่าผู้ชาย และ 21 ประเทศพบว่าผู้หญิงและผู้ชายมีคะแนนเฉลี่ยที่ใกล้เคียงกัน อย่างไรก็ตาม ไม่พบว่ามีประเทศใดที่ผู้ชายได้คะแนนจากการทดสอบมากกว่าผู้หญิงเลย
ผลสำรวจ ‘ความคิดและความรู้สึกต่อความเจ็บปวดของมนุษย์ผ่านการระบาดของโรคโควิด-19’ จาก Pew Research Center ผู้จัดทำและเผยแพร่สื่อผ่านแบบสำรวจมากมายของอเมริกาเองก็เผยให้เห็นผลลัพธ์ที่คล้ายคลึงกัน
จากผลสำรวจพบว่าผู้หญิงมีแนวโน้มจะรู้สึกแย่ต่อผู้ที่ได้รับผลกระทบมากกว่าผู้ชายถึง 71% ต่อ 53% และผู้หญิงกว่า 46% มีแนวโน้มความต้องการที่จะช่วยเหลือผู้ได้รับผลกระทบมากกว่าผู้ชายที่มีเพียง 34%
แม้ว่าเหตุผลเบื้องหลังความแตกต่างระหว่างสองเพศนี้จะยังไม่ได้รับการพิสูจน์ชัดเจน แต่นักวิจัยมากมายก็สันนิษฐานว่าอาจเกี่ยวข้องกับชีววิทยาและสังคมวิทยา เนื่องจากผลการศึกษาพบว่าคนเราจะเห็นอกเห็นใจน้อยลงเมื่ออายุมากขึ้นด้วย
การทำความเข้าใจความแตกต่างนี้เป็นจุดเริ่มต้นชั้นดีที่จะทำให้นักวิจัยและผู้ที่เกี่ยวข้องเข้าใจถึงปัญหาที่ว่า ทำไมปัญหาสุขภาพจิตบางประการถึงส่งผลกระทบกับผู้ชายมากกว่าผู้หญิง นอกจากนี้ยังช่วยให้นักวิทยาศาสตร์สามารถพัฒนาแนวทางสนับสนุนผู้ที่ไม่สามารถอ่านสีหน้าผู้อื่นได้อีกด้วย
ไม่ใช่ผู้ชายทุกคนจะมีระดับความเห็นอกเห็นใจน้อยกว่าผู้หญิงเสมอไป เช่นที่กล่าวไปข้างต้นว่ามีปัจจัยมากมายที่ส่งผลกระทบต่อระดับความเห็นอกเห็นใจของแต่ละบุคคล เพียงแต่เหตุการณ์ที่เกิดขึ้นกับนักร้องสาวในครั้งนี้ แสดงให้เห็นความจริงที่ว่ามีผู้ชายไม่น้อยเลยที่ปฏิบัติต่อฝ่ายหญิงอย่างไร้ความเห็นอกเห็นใจ
สังคมคงจะเป็นมิตรกับทุกคนและกลายเป็นที่ที่น่าอยู่ขึ้น หากแต่ละคนให้ความสำคัญกับความเห็นอกเห็นใจมากกว่านี้ แม้ความเห็นอกเห็นใจอาจจะแตกต่างกันไปในแต่ละคน แต่ก็เป็นทักษะที่สามารถฝึกฝนได้ บางทีวันนี้อาจเป็นวันเริ่มต้นที่ดีก็เป็นได้
ที่มา
– All around the world, women are better empathizers than men, study finds : Jen christensen, CNN – https://cnn.it/44Xejtx
– In U.S., women more likely than men to report feeling empathy for those suffering : Joshua Alvarado, https://pewrsr.ch/3riqDqy
#trend
#gender
#missiontothemoon
#missiontothemoonpodcast