ยิ่งช่วงเทศกาลแห่งความสุขใกล้เข้ามามากเท่าไร ผู้คนจะยิ่งตื่นเต้นกับการพักผ่อนในวันหยุดยาวของตัวเองมากขึ้น หลายคนเตรียมตัวและร่างกายสำหรับการเดินทางไกล หรือหลายคนเตรียมพร้อมสำหรับการปาร์ตี้สังสรรค์ร่วมกับเพื่อน คนรัก หรือครอบครัวเช่นกัน
ระหว่างที่เทศกาลกำลังพาความสุข และความหวังของการเริ่มต้นชีวินในปีใหม่มาหาพวกเรา ในขณะเดียวกันมันก็นำพาความเครียด และความกดดัน รวมถึงภาระอันหนักอึ้งมาให้กับเราด้วย โดยในเดือนที่ผ่านมา Sleepopolis ได้รายงานตัวเลขว่า 8 ใน 10 ของชาวอเมริกันรู้สึกเครียดมากขึ้นเมื่อใกล้ถึงช่วงเทศกาล
ซึ่งผลการสำรวจพบว่าความเครียดดังกล่าวจะรุนแรงถึงขั้นส่งผลกระทบต่อสุขภาพของผู้คนในระยะยาวได้ด้วย วันนี้ เราจึงจะพาทุกคนไปสำรวจกันว่าคนเกิดความเครียด และความกดดันขึ้นได้อย่างไร ทั้งที่โลกกำลังมุ่งหน้าสู่เทศกาลแห่งความสุขในช่วงท้ายปีแบบนี้?
8 ใน 10 ของชาวอเมริกันเผย “เครียดเรื่องเงิน” ในช่วงเทศกาลปีใหม่
ความเครียดคือตัวการสำคัญที่ทำลายสุขภาพจิตใจของผู้คนในระยะยาวได้ และน้อยคนนักที่จะสามารถจับสังเกตสัญญาณความเครียดได้ตั้งแต่เนิ่นๆ และยับยั้งความรุนแรงได้ทันท่วงที ก่อนที่ความเครียดนั้นจะลุกลามขยายใหญ่จนกระทบสุขภาพร่างกาย
อย่างไรก็ตาม คนส่วนใหญ่มักให้ความสำคัญกับสุขภาพจิตใจ และการจัดการความเครียดที่เกิดขึ้นจากอาชีพการงานมากกว่า หลายคนจึงอาจไม่รู้ด้วยซ้ำว่าเทศกาลแห่งความสุขอย่างในช่วงนี้ก็เป็นสาเหตุของความเครียดได้เช่นกัน
ด้วยเหตุนี้ Sleepopolis องค์กรที่ก่อตั้งเพื่อพัฒนาคุณภาพชีวิตและคุณภาพของการนอนหลับที่ดีจึงเริ่มทำการสำรวจสุขภาวะทางใจของผู้คน โดยในเดือนพฤศจิกายนที่ผ่านมา Sleepopolis ได้รายงานสถิติเกี่ยวกับความเครียดของชาวอเมริกันจำนวน 1,500 คนเมื่อเข้าสู่ช่วงท้ายปี และพบว่า 8 ใน 10 ของกลุ่มเป้าหมายมีความเครียดเพิ่มสูงขึ้นเมื่อยิ่งเข้าใกล้วันหยุดเทศกาล
จากการสำรวจ 37.4% ของผู้ตอบแบบสำรวจเผยว่าปัญหาที่ใหญ่ที่สุดที่ทำให้เกิดความเครียดในช่วงท้ายปีก็คือปัญหาเรื่องเงิน เนื่องจากช่วงเทศกาลเป็นช่วงเวลาที่มีภาระค่าใช้จ่ายเยอะกว่าเดิมมาก ไม่ว่าจะเป็นค่าของขวัญ ค่าสังสรรค์ ค่าเดินทาง และค่าใช้จ่ายอื่นๆ อีกมากมาย
25% ของกลุ่มผู้สำรวจยังบอกอีกด้วยว่าความเครียดเรื่องเงิน และภาระค่าใช้จ่ายในช่วงเทศกาลที่เกิดขึ้นในปีนี้รุนแรงมากกว่าความเครียดในช่วงเทศกาลเมื่อปีที่แล้ว โดยที่คนส่วนใหญ่ซึ่งคิดเป็น 35% ของกลุ่มผู้ตอบแบบสอบถามคาดว่าจะใช้เงินในช่วงเทศกาลประมาณ $500 หรือคิดเป็นเงินไทยเท่ากับ 17,500 – 18,000 บาท
อย่างไรก็ตาม จากการสำรวจยังพบว่า 65% ของชาวอเมริกันไม่ได้วางแผนงบประมาณด้านการเงินสำหรับการใช้จ่ายในช่วงเทศกาลวันหยุด นอกจากนี้ความเครียดในช่วงเทศกาลยังเกิดขึ้นได้จากปัจจัยอื่นๆ เช่น
[ ] ความสัมพันธ์ในครอบครัว คิดเป็น 16.7%
[ ] การเปลี่ยนแปลงกิจวัตรประจำวันของตัวเอง คิดเป็น 8.4%
[ ] การเดินทาง คิดเป็น 3.4%
[ ] ปัญหาเรื่องงาน คิดเป็น 3.4%
เท่านั้นยังไม่พอ การต้องเป็นแขก หรือเป็นเจ้าภาพในการต้อนรับเทศกาลปีใหม่ ซึ่งคิดเป็นอัตราส่วนเพียง 1.8% ของกลุ่มผู้สำรวจ แต่นั่นก็ยังสร้างความเครียดในช่วงท้ายปีให้กับผู้คนได้เช่นกัน
เทศกาลเวียนกลับมาแล้ว แต่เรากลับให้ความสำคัญของความสุขของตัวเองน้อยลง
ถึงแม้ว่าเทศกาลสิ้นปีและปีใหม่จะเป็นช่วงที่เราเดินทางเพื่อพักผ่อน เพื่ออยู่กับคนที่รัก หรือเพื่อสังสรรค์และมีความสุข แต่จากผลการสำรวจของ Sleepopolis กลับพบว่า 33% ของชาวอเมริกันคิดว่าสุขภาพร่างกายของพวกเขาแย่ลงและ 28% ให้ความสำคัญกับสุขภาพจิตของตัวเองน้อยลงในช่วงนี้
โดยเฉพาะปัญหาสุขภาพที่เกิดจากการกินอาหาร หรือน้ำตาลมากเกินไป โดยจากผลการสำรวจพบว่าในช่วงเทศกาล คนอเมริกันกว่า 82% กินอาหารในปริมาณที่เกินความจำเป็นไปมาก รวมทั้งเครื่องดื่มแอลกอฮอล์ด้วย
นอกจากผลกระทบต่อสุขภาพร่างกายที่มักพบได้บ่อยในช่วงเทศกาลแล้ว ความเครียดยังส่งผลกระทบถึงสุขภาพใจ และประสิทธิภาพในการนอนหลับด้วย โดยจากการสำรวจพบว่า 1 ใน 3 ของชาวอเมริกันประสบปัญหานอนหลับได้น้อยลงในช่วงปีใหม่ โดยเฉพาะ 60% ของกลุ่มเป้าหมายที่เป็นฝ่ายเจ้าบ้าน ซึ่งต้องต้อนรับแขกตลอดช่วงเทศกาลประสบปัญหาในการนอนหลับน้อยลง
ทั้งนี้ ความเครียดของเจ้าบ้านอาจจะเกิดขึ้นจากหลายปัจจัย เช่น การต้องเตรียมเงิน หรือทรัพยากรอื่นๆ สำรองในการดูแลต้อนรับแขกตลอดช่วงปีใหม่ รวมถึงความอึดอัดไม่สบายใจเมื่อถูกล่วงล้ำพื้นที่ส่วนตัว และตารางกิจวัตรส่วนตัวด้วยเช่นกัน
จากการสำรวจสะท้อนให้เห็นว่าผู้คนในยุคปัจจุบันมีมุมมองต่อเทศกาลไม่เหมือนเดิมแล้ว เพราะไม่เพียงแต่ช่วงเทศกาลท้ายปีจนถึงปีใหม่เท่านั้น แต่ในบางวัฒนธรรมให้ความสำคัญกับช่วงวันหยุดยาวนี้ตั้งแต่วันคริสต์มาส หรือวันที่ 25 ธันวาคมของทุกปีเป็นจุดเริ่มต้นของช่วงเทศกาลที่ผู้คนจำนวนมากจากทั่วโลกเดินทางเพื่อกลับบ้านเกิด และท่องเที่ยว ซึ่งกินเวลาไปหลายวัน
จึงเป็นเหตุผลที่ทำให้เทศกาลวันหยุดที่ควรได้รับการพักผ่อนอย่างสมบูรณ์แบบ มีความสุข กินของอร่อย และนอนหลับกลายเป็นช่วงเวลาที่เครียด กดดัน กังวลเรื่องเงิน เรื่องความอึดอัดไม่สบายใจ และนอนไม่หลับโดยไม่รู้ตัวแทน
ลดความกังวลใจ และเก็บเกี่ยวความสุขในช่วงเทศกาลอย่างเต็มที่
การเดินทางกลับไปใช้เวลาอยู่กับครอบครัวในช่วงเทศกาลปีใหม่คือสิ่งที่เยียวยาความเหงา และเติมความสุขให้กับคนที่อยู่ไกลบ้านได้อย่างดีที่สุดเทศกาลหนึ่งเลยก็ว่าได้
แต่ในยุคที่ความไม่แน่นอนปกคลุมไปทั่วโลก จึงทำให้คนที่ประสบปัญหาความไม่มั่นคงทั้งด้านการเงิน ด้านไลฟ์สไตล์ หรือการเปลี่ยนแปลงคุณภาพชีวิตอื่นๆ ถึงแม้ว่าจะเป็นช่วงเวลาเพียงไม่กี่สัปดาห์ แต่ผู้เชี่ยวชาญก็กังวลกับความเครียดทางใจในช่วงเทศกาลอย่างนี้มากเช่นกัน
Dr. Shelby Harris ผู้อำนวยการของ Sleepopolis กล่าวว่า ความเครียดในช่วงวันหยุดยาวสามารถส่งผลกระทบต่อสุขภาพของเราอย่างมาก เมื่อเราเครียด ร่างกายของเราจะเข้าสู่โหมดสู้หรือหนี ปล่อยฮอร์โมนคอร์ติซอลและฮอร์โมนอะดรีนาลีนออกมา ซึ่งทำให้เรานอนหลับได้ยากขึ้น และถ้ารูปแบบพฤติกรรมลักษณะนี้ยังดำเนินต่อไปในระยะยาวก็สามารถเพิ่มความเสี่ยง รวมถึงความรุนแรงในปัญหาสุขภาพอื่นๆ เช่น ความดันโลหิตสูง ภูมิคุ้มกันอ่อนแอ และแม้แต่โรคซึมเศร้าด้วย
แต่ในเมื่อเราไม่สามารถหลีกเลี่ยงภาระค่าใช้จ่ายที่มากขึ้น รวมถึงความไม่สบายใจบางอย่างในช่วงเทศกาลได้ควรทำอย่างไร?
[ ] หาเงินให้พอ และวางแผนเงินล่วงหน้า
ทางที่ดีที่สุดที่จะช่วยให้เราเครียดเรื่องเงินได้น้อยลงคือ การรู้ภาระค่าใช้จ่ายล่วงหน้าและหาเงินล่วงหน้าให้เพียงพอต่อช่วงเทศกาล โดยเราควรสำรวจค่าใช้จ่ายและวางแผนล่วงหน้าว่าจะต้องเก็บออมเงินเป็นจำนวนเท่าไร ถึงจะครอบคลุมค่าที่พัก (ถ้ามี) ค่าอาหาร ค่าของขวัญ ค่างานเลี้ยงสังสรรค์ ค่าเดินทาง หรือค่าใช้จ่ายอื่นๆ ที่จำเป็นทั้งหมดตลอดช่วงวันหยุดเท่าที่เราจะประเมินล่วงหน้าได้
นอกจากนี้เรายังต้องประเมินเงินให้เหลือเพียงพอกับการใช้ชีวิตหลังช่วงเทศกาลไปจนกว่าจะถึงวันเงินเดือนออกในรอบถัดไปด้วย เมื่อได้ตัวเลขค่าใช้จ่ายคร่าวๆ แล้วจึงค่อยกำหนดงบประมาณ และวางแผนการใช้จ่ายภายในขอบเขตของงบประมาณที่วางไว้
[ ] พยายามรักษากิจวัตรประจำวันเอาไว้ให้ได้มากที่สุด ทั้งอาหารการกิน และการนอน
เชื่อว่าคนที่อยู่คนเดียว หรือมีกิจวัตรแบบเดิมๆ มาตลอดปีคงเครียดกันบ้างไม่มากก็น้อย เมื่อต้องมารวมตัวอยู่กับคนหมู่มาก และต้องปรับเปลี่ยนพฤติกรรมเพื่อให้สอดคล้องกับเพื่อนฝูง หรือญาติๆ ในช่วงปีใหม่ ต่อให้รักมากแค่ไหนก็ตาม
ทั้งนี้ทั้งนั้น เราก็ไม่สามารถหลีกเลี่ยงความไม่สบายกายไม่สบายใจนั้นได้ 100% อย่างที่เป็นมาตลอดปี ดังนั้นสำหรับคนที่ประสบปัญหานี้อย่าลืมพยายามรักษากิจวัตรเดิมของตัวเองเอาไว้ให้ได้มากที่สุด เช่น กินของหวาน หรือเครื่องดื่มแอลกอฮอล์ได้ แต่กำหนดเอาไว้ว่าควรกินเท่าไร หรือต้องเข้านอนกี่โมง เป็นต้น
[ ] ตีกรอบ และสร้างขอบเขตพื้นที่ความเป็นส่วนตัว
ต่อให้เป็นช่วงเวลาแห่งความสุข และได้อยู่กับคนที่เรารักมากแค่ไหน แต่ช่วงปีใหม่เรียกได้ว่าเป็นเทศกาลที่ “มากคนมากความ” และความวุ่นวายจากผู้คน ไม่ว่าจะเป็นญาติผู้ใหญ่ ลูกพ่อลูกน้อง หลาน หมา แมว และอื่นๆ อีกมากมายพร้อมที่จะพุ่งเข้ามาหาเราตลอดเวลา
ดังนั้น การกำหนดขอบเขตโดยเคารพทั้งตัวเราเอง และคนอื่นที่มาใช้เวลาร่วมกันจึงเป็นทางออกที่ดีที่สุด ในการสร้างพื้นที่ความสบายใจให้กับช่วงเทศกาล และรู้สึกประสาทกินกับความวุ่นวายที่เกิดขึ้นในช่วงนี้ไปเสียก่อน
สุดท้ายนี้ ถึงแม้ว่าเทศกาลปีใหม่ และวันหยุดยาวจะเป็นภาพแทนของความสุข ความรัก และความหวังของชีวิตในปีใหม่ข้างหน้านี้ แต่อย่าลืมที่จะสำรวจความสุขของตัวเองว่าเรายังคงมีความสุขดีกับชีวิตในช่วงเทศกาลนี้หรือเปล่า
ถ้าคุณเป็นหนึ่งในกลุ่มคนที่ไม่ได้เดินทางกลับไปหาครอบครัว หรือเดินทางเพื่อท่องเที่ยว แล้วรู้สึกเคว้งคว้างกับบรรยากาศรอบตัวที่อยู่ๆ ก็เงียบเหงาลงในช่วงสิ้นปี
ลองให้เวลาแล้วพาตัวเองออกมาสัมผัสกับบรรยากาศความครึกครื้นในห้างฯ สวนสาธารณะใกล้บ้าน ออกมาเดินดูแสงสีเสียงของเทศกาลนี้ในตัวเมือง หรือโทรศัพท์หาเพื่อน และคนที่เรารักบ้าง แล้วคุณจะพบว่ารอยยิ้ม และความสุขไม่ได้อยู่ไกลจากตัวเราเท่าไรเลย
อ้างอิง
– Holiday Stress Survey 2024 : Sharon Brandwein, Sleepopolis – https://bit.ly/3PaI6tq
– Saving money for a holiday : Money Helper – https://bit.ly/4080JEu
#newyear2025
#holiday
#trend
#missiontothemoon
#missiontothemoonpodcast