หลังเรียนจบมาหมาดๆ หลายคนมีความฝันเต็มเปี่ยมว่าอยากประกอบอาชีพในสิ่งที่ตนเองรัก แต่สุดท้ายฝันก็สลายเมื่อต้องพบกับความจริงที่ว่า การหาบริษัทที่รับสมัครเด็กจบใหม่จริงๆ มีอยู่เพียงหยิบมือ
หลายบริษัทประกาศว่ายินดีรับเด็กจบใหม่ แต่ก็มักมีเงื่อนไขพ่วงท้ายมาว่า หากมีประสบการณ์ 2-3 ปีจะพิจารณาเป็นพิเศษ
เชื่อว่าใครที่ก้าวเข้าสู่โลกการทำงานแล้ว คงจะเคยเผชิญกับปัญหาข้างต้นนี้มาทั้งสิ้น มันเป็นปัญหาที่มีอยู่คู่ตลาดแรงงานเสมอมา สะท้อนให้เห็นว่าการเริ่มต้นใหม่สำหรับคนทำงานหน้าใหม่นั้นไม่ใช่เรื่องง่าย
และเรื่องนี้ไม่ได้เกิดขึ้นแค่ในประเทศไทยเท่านั้น เด็กจบใหม่ในสหรัฐฯ ก็กำลังเผชิญกับปัญหานี้ โดยเฉพาะอย่างยิ่งคนที่อยู่ในอุตสาหกรรมเทคโนโลยี
เทคโนโลยีก้าวกระโดด แต่เด็กจบใหม่สายเทคฯ หางานยาก?
ในยุคที่เทคโนโลยีก้าวกระโดด ใครจะคิดว่าการเริ่มต้นทำงานกลับกลายเป็นเรื่องยากเย็นเข็ญใจ มิฮีร์ โกเยนกา บัณฑิตจบใหม่วัย 23 ปี ผู้ถือครองทั้งปริญญาตรีและโทด้านวิทยาการคอมพิวเตอร์ กำลังเผชิญกับความจริงอันขมขื่นว่า งานระดับเริ่มต้น (Entry Level) ไม่ได้มีไว้เพื่อคน “เริ่มต้น” ทำงานอีกต่อไป
ชายหนุ่มผู้นี้ได้สมัครงานไปแล้วหลายพันตำแหน่งตั้งแต่เดือนสิงหาคม 2023 แต่ส่วนใหญ่บริษัทต้องการคนที่มีประสบการณ์ 2-3 ปี แม้แต่ตำแหน่งระดับเริ่มต้น “มันน่าหงุดหงิดมากสำหรับคนที่กำลังหางานแรกอย่างผม” เขากล่าว
เขาไม่ใช่คนเดียวที่กำลังประสบกับปัญหานี้ เรื่องราวครั้งนี้ได้สะท้อนถึงภาพใหญ่ของตลาดแรงงานที่เปลี่ยนแปลงไป โดยเฉพาะในอุตสาหกรรมเทคโนโลยี ที่นายจ้างเพิ่มความคาดหวังที่มีต่อคนที่จะเข้ามาทำงานระดับเริ่มต้นมากกว่าที่เคย
แล้วอะไรคือสาเหตุของปรากฏการณ์นี้?
โมนา มูร์เชด ซีอีโอผู้ก่อตั้งองค์กรไม่แสวงหาผลกำไร Generation ให้มุมมองที่น่าสนใจว่า ในช่วงการระบาดใหญ่ของโควิด-19 พนักงานในวงการต่างๆ รวมถึงเทคโนโลยี ส่วนใหญ่ต้องทำงานจากบ้าน ขณะเดียวกัน ผู้จัดการหลายคนก็รู้สึกเครียด ส่งผลให้บริษัทต้องการพนักงานที่สามารถทำงานได้อย่างอิสระโดยไม่ต้องกำกับดูแลมาก
นอกจากนี้ โมนา มูร์เชด ยังชี้ให้เห็นว่าบางบริษัทได้ลดจำนวนผู้จัดการระดับกลางลง ซึ่งส่งผลกระทบต่อโครงสร้างองค์กร ในสถานการณ์ที่องค์กรมีผู้จัดการระดับกลางไม่เพียงพอเช่นนี้ บริษัทจึงแก้ปัญหาด้วยการยกระดับคุณสมบัติที่ต้องการสำหรับตำแหน่งงานระดับเริ่มต้น ทำให้ผู้สมัครงานใหม่ต้องมีทักษะและความสามารถสูงขึ้นกว่าเดิม
ซึ่งจากผลสำรวจของ Generation พบว่า 94% ของนายจ้างต้องการให้ผู้สมัครงานด้านเทคโนโลยีระดับเริ่มต้นมีประสบการณ์การทำงานในสาขาที่เกี่ยวข้อง ตัวเลขนี้สะท้อนให้เห็นถึงความคาดหวังที่สูงมากสำหรับผู้ที่เพิ่งจบการศึกษา
แม้ว่าโควิดจะผ่านพ้นไปแล้ว แต่หลายบริษัทก็ยังคงเข้มงวดในการรับคนเข้าทำงานด้านเทคโนโลยีในระดับเริ่มต้น
ในขณะที่เด็กจบใหม่กำลังเจอปัญหาหางานยาก อีกด้านหนึ่งก็มีคนที่มีประสบการณ์แล้วกำลังเผชิญกับสถานการณ์ไม่ต่างกัน บางคนถึงขั้นยอมลดตำแหน่งตัวเองลงหากถูกเลิกจ้าง หรือบางคนก็ยอมรับเงินเดือนเท่าเด็กจบใหม่ขอแค่เพียงสามารถทำงานทางไกลได้ ทำให้การแข่งขันในตลาดแรงงานยิ่งดุเดือดขึ้นไปอีก
แต่ในความมืดมิดยังมีแสงสว่างปลายอุโมงค์ เจนนิเฟอร์ นีฟ ผู้อำนวยการศูนย์อาชีพที่มหาวิทยาลัยอิลลินอยส์ แนะนำให้ลองมองหางานในองค์กรขนาดเล็กถึงกลางที่คนอื่นอาจมองข้าม และอย่าลืมโชว์ประสบการณ์ทุกอย่างที่มี ไม่ว่าจะเป็นโปรเจกต์ตอนเรียน งานพาร์ตไทม์ หรือแม้แต่งานอาสา อะไรก็ได้ที่เกี่ยวกับงานที่เราอยากทำ
ย้อนกลับไปที่ มิฮีร์ โกเยนกา นักศึกษาจบใหม่ที่กล่าวถึงไปตอนต้น เขาเองก็ไม่ย่อท้อและเริ่มทำงานอาสาสมัครเป็นนักพัฒนาเว็บไซต์ให้กับองค์กรไม่แสวงหาผลกำไร เข้าร่วมงานแฮกกาธอน และพยายามสร้างเครือข่ายอย่างต่อเนื่อง
“ถ้าไม่ให้โอกาสคนรุ่นใหม่ที่อยากเรียนรู้ แล้วเราจะมีวิศวกรอาวุโสที่เก่งๆ ได้อย่างไร?” มิฮีร์ โกเยนกา ทิ้งท้ายด้วยคำถามที่ชวนให้คิด “ทุกคนต้องผ่านจุดเริ่มต้นมาก่อนทั้งนั้น”
คำพูดของเขาไม่ได้สะท้อนให้เห็นแค่ความท้าทายของคนรุ่นใหม่ แต่ยังเป็นเหมือนเสียงเรียกร้องถึงนายจ้างให้ทบทวนนโยบายการจ้างงาน เพื่อเปิดประตูโอกาสให้กว้างขึ้น ไม่เช่นนั้นเราอาจกำลังปิดกั้นคนที่มีพรสวรรค์โดยไม่รู้ตัว
สุดท้ายแล้ว เรื่องนี้ไม่ใช่แค่เรื่องของคนหางานที่ต้องปรับตัว แต่เป็นเรื่องที่ทุกคนในสังคมต้องช่วยกัน เราต้องสร้างสภาพแวดล้อมที่เปิดโอกาสให้ทุกคนได้เติบโต ไม่ว่าจะเป็นเด็กจบใหม่หรือคนที่ทำงานมานานแล้วก็ตาม
อ้างอิง
– Why so many entry-level jobs aren’t entry-level : Tim Paradis, Business Insider – https://bit.ly/3BwkxHX
#trend
#worklife
#missiontothemoon
#missiontothemoonpodcast