ปัจจุบัน โลกกำลังเผชิญกับความท้าทายด้านสิ่งแวดล้อมครั้งใหญ่ โดยเฉพาะปัญหาโลกร้อนที่เห็นผลกระทบมากขึ้นเรื่อยๆ นั่นจึงทำให้หลายประเทศเริ่มหันมาให้ความสำคัญกับระบบเศรษฐกิจแบบยั่งยืนหรือ Green Economy มากขึ้นเรื่อยๆ รวมถึงหันมาให้ความสำคัญกับเทคโนโลยีรูปแบบใหม่ที่เป็นมิตรกับความยั่งยืน โดยหนึ่งในนั้นก็คือเทคโนโลยีบล็อกเชน (Blockchain) นั่นเอง
โดยบล็อกเชน ถือว่าเป็นนวัตกรรมใหม่ที่มีความโดดเด่นในด้านความกระจายอำนาจและความโปร่งใส ซึ่งด้วยจุดนี้ทำให้หลายคนมองว่าเทคโนโลยีบล็อกเชน มีศักยภาพในการเปลี่ยนแปลงอุตสาหกรรมและปูทางสู่อนาคตที่เป็นมิตรต่อสิ่งแวดล้อมได้
เราจะมาสำรวจว่าบล็อกเชนจะสามารถช่วยสร้างอนาคตที่ยั่งยืนให้กับโลกได้อย่างไรบ้าง
1. เพิ่มความโปร่งใสให้ Supply Chain
ความกระจายอำนาจและความโปร่งใสของบล็อกเชนสามารถนำมาประยุกต์เข้ากับระบบการบริหารจัดการห่วงโซ่อุปทาน (Supply Chain) เพื่อทำให้ผู้บริโภคและธุรกิจสามารถติดตามแหล่งที่มาและการเดินทางของผลิตภัณฑ์ได้ ในขณะเดียวกันก็สามารถลดการโกงและการปลอมแปลงได้อีกด้วย เพราะทุกขั้นตอนของการผลิตจะถูกบันทึกไว้ในบล็อกเชนและผู้บริโภคก็สามารถตรวจสอบข้อมูลได้อย่างโปร่งใส โดยมีตัวอย่างการใช้งานจริงแล้ว เช่น Provenance ซึ่งเป็นแพลตฟอร์มที่ใช้บล็อกเชนช่วยให้ผู้ใช้สามารถติดตามการเดินทางของผลิตภัณฑ์เช่นปลาและกาแฟจากแหล่งที่มาไปจนถึงชั้นวางสินค้าได้
2. สนับสนุนพลังงานหมุนเวียน
พลังงานหมุนเวียนมีความสำคัญอย่างยิ่งกับการรับมือภาวะโลกร้อนและการเปลี่ยนแปลงของสภาพภูมิอากาศ เทคโนโลยีบล็อกเชนสามารถเข้ามาบทบาทสำคัญผ่านการอำนวยความสะดวกในการซื้อขายพลังงานแบบ Peer to Peer ได้ ตัวอย่างเช่น Power Ledger ซึ่งเป็นแพลตฟอร์มซื้อขายพลังงานบนบล็อกเชน ช่วยให้บุคคลและธุรกิจสามารถซื้อขายพลังงานหมุนเวียนส่วนเกินระหว่างกันได้โดยตรง สิ่งนี้ช่วยสนับสนุนให้ชุมชนสามารถนำพลังงานหมุนเวียนมาใช้ได้ง่ายขึ้น ลดการพึ่งพาเชื้อเพลิงฟอสซิล อีกทั้งยังช่วยให้เกิดโมเดลธุรกิจรูปแบบใหม่ได้อีกด้วย
3. การจัดการ Carbon Footprint
Carbon Footprint หรือการวัดปริมาณก๊าซเรือนกระจกที่ปล่อยออกมาจากกระบวนการผลิต เป็นอีกขั้นตอนสำคัญในการต่อสู้กับภาวะโลกร้อน บล็อกเชนสามารถช่วยสร้างระบบที่โปร่งใสเพื่อติดตามและตรวจสอบ Carbon Footprint ได้อย่างแม่นยำและยังสามารถป้องกันการปลอมแปลงได้ด้วย ตัวอย่างเช่น Climate Chain Coalition ที่ใช้บล็อกเชนในการบันทึกและตรวจสอบ Carbon Footprint เพื่อให้มั่นใจถึงความถูกต้องและความน่าเชื่อถือ เมื่อมีระบบจัดการ Carbon Footprint ที่โปร่งใส องค์กรก็สามารถรับผิดชอบต่อผลกระทบต่อสิ่งแวดล้อมได้ดียิ่งขึ้น ข้อมูลนี้ยังสามารถนำไปใช้เพื่อสร้างแรงจูงใจในการลดการปล่อยมลพิษ ขับเคลื่อนแนวทางปฏิบัติที่ยั่งยืนต่อไป
4. การจัดการขยะและการรีไซเคิล
การจัดการขยะและการรีไซเคิลอย่างมีประสิทธิภาพมีความสำคัญต่อระบบเศรษฐกิจแบบยั่งยืน เทคโนโลยีบล็อกเชนสามารถเพิ่มประสิทธิภาพให้กับกระบวนการเหล่านี้ได้โดยสร้างบันทึกวงจรชีวิตผลิตภัณฑ์ที่สามารถตรวจสอบย้อนหลังได้ตั้งแต่การผลิต การกำจัด หรือการนำกลับมาใช้ใหม่ ซึ่งองค์กรที่เกี่ยวข้องสามารถนำข้อมูลนี้มาใช้เพื่อสนับสนุนหรือมอบรางวัลแก่บุคคลและองค์กรที่มีระบบการกำจัดขยะที่เหมาะสมเพื่อสนับสนุนการจัดการทรัพยากรอย่างยั่งยืนต่อไป ซึ่งก็มีตัวอย่างโครงการที่น่าสนใจอย่าง Plastic Bank ที่ใช้บล็อกเชนสร้างระบบนิเวศการรีไซเคิลที่บุคคลทั่วไปสามารถนำขยะพลาสติกที่รวบรวมได้ไปแลกเปลี่ยนเป็นโทเคนดิจิทัล
5. การกระจายอำนาจบริหารไปสู่ชุมชน
เนื่องจากเทคโนโลยีบล็อกเชนทำงานอยู่บนพื้นฐานของการกระจายอำนาจ มันจึงสามารถนำไปใช้กับระบบบริหารที่ครอบคลุมและโปร่งใสได้ด้วย โดยระบบดังกล่าวเรียกว่า Decentralized Autonomous Organization หรือ DAO ที่ผู้คนทั่วไปสามารถร่วมตัดสินใจและขับเคลื่อนแพลตฟอร์มหรือโปรเจกต์ได้ ซึ่งก็มีแพลตฟอร์มบนบล็อกเชนมากมายที่นำระบบ DAO มาใช้เพื่อให้ผู้ใช้ที่ถือโทเคนของแพลตฟอร์มสามารถร่วมออกข้อเสนอหรือออกเสียงโหวตได้ นับเป็นการบริหารแพลตฟอร์มตามหลักประชาธิปไตยที่ทุกคนมีโอกาสเข้าถึงได้มากขึ้น ซึ่งสิ่งนี้ก็สามารถนำมาปรับใช้กับเรื่องของความยั่งยืนได้เช่นกัน
เทคโนโลยีบล็อกเชนมีศักยภาพในการจัดการกับความท้าทายด้านความยั่งยืนในอุตสาหกรรมต่าง ๆ ด้วยการเพิ่มความโปร่งใสของห่วงโซ่อุปทาน การใช้พลังงานหมุนเวียน การติดตาม Carbon Footprint การปฏิรูประบบจัดการขยะและการรีไซเคิล และส่งเสริมการทำงานร่วมกันแบบกระจายอำนาจ แต่การจะนำบล็อกเชนมาใช้ร่วมกับการพัฒนาเศรษฐกิจที่ยั่งยืนได้ ทุกคนต้องเริ่มตระหนักถึงความสำคัญของสิ่งแวดล้อม รวมถึงเปิดถึงการเปิดรับเทคโนโลยีใหม่ ๆ และการสนับสนุนให้นำเทคโนโลยีไปใช้อย่างเหมาะสม
ติดตามบทความ ข่าวสาร และความรู้ที่น่าสนใจในวงการคริปโทฯ ได้ที่ https://www.bitkub.com/th/blog
#trend
#missiontothemoon
#missiontothemoonpodcast