NEWSTrendsเยียวยาจิตใจด้วยงานศิลปะ ที่ Bangkok Design Week 2023

เยียวยาจิตใจด้วยงานศิลปะ ที่ Bangkok Design Week 2023

เชื่อว่าปณิธานในการเป็น “เราคนใหม่” ของใครหลายๆ คนในปี 2023 นี้ คงไม่ได้มีแค่เรื่องสุขภาพกายที่ดีอย่างเดียว แต่รวมถึง “สุขภาพใจ” ด้วย โดยเฉพาะคนวัยทำงานที่ทั้งยุ่ง ทั้งต้องแบกรับภาระหลายอย่าง และต้องทำงานหนัก ใช้ชีวิตราวกับเป็นเครื่องจักร โดยไม่ได้มีแม้แต่เวลาไปเดินเล่นเสียด้วยซ้ำ

ในเมื่อเรื่องของจิตใจเป็นอีกหนึ่งเรื่องที่เราต้องหันมาดูแล วันนี้ Mission To The Moon จึงอยากนำเสนอวิธีชุบชูจิตใจตัวเองในรูปแบบใหม่ ผ่านการเดินเล่นชมงานศิลปะที่ “Bangkok Design Week 2023”

โดย Bangkok Design Week 2023 หรือเทศกาลงานออกแบบกรุงเทพฯ 2566 นี้ จัดขึ้นระหว่างวันที่ 4-12 กุมภาพันธ์ 2566 ภายใต้ธีม “urbanNICEzation เมือง – มิตร – ดี” ซึ่งยกทัพงานศิลปะกว่า 500 ชิ้นมาจัดแสดงใน 9 ย่านเศรษฐกิจทั่วกรุงเทพ ชวนทุกคนมาเติมความสุขให้ชีวิตผ่านงานศิลปะ ไปพร้อมๆ กับสร้างแรงบันดาลใจและกระตุ้นให้คนหันมาพัฒนาเมืองให้ดีขึ้น

แต่ก่อนจะไปดูงานน่าสนใจ เรามาทำความเข้าใจกันก่อนดีกว่าว่า ศิลปะนั้นส่งผลต่ออารมณ์และสุขภาพจิตที่ดีของมนุษย์เราอย่างไร

สำหรับมนุษย์แล้ว งานศิลปะมีความสำคัญหลายด้าน ตั้งแต่การบันทึกเรื่องราว บอกเล่าประวัติศาสตร์ของช่วงเวลานั้นๆ ไปจนถึงเป็นเครื่องมือแสดงออกถึงอารมณ์และความคิดสร้างสรรค์ อย่างที่เราได้เรียนรู้เศษเสี้ยวของวิถีชีวิตชาวโรมันผ่านโคลอสเซียม หรือเข้าใจอาการวิตกกังวลผ่านภาพวาดเสียงกรีดร้องของเอ็ดเวิร์ด มุงก์

แต่แน่นอนว่าประโยชน์ของงานศิลปะไม่ได้จบอยู่แค่นั้น

งานวิจัยพบว่าการวาดรูปและระบายสีช่วยกระตุ้นความทรงจำในผู้ป่วยความจำเสื่อม และช่วยให้พวกเขาเชื่อมต่อกับโลกจริงได้อีกครั้ง นอกจากนั้นแล้ว การสร้างงานศิลปะยังช่วยกระตุ้นกระบวนการสมองที่ใช้ในการรับรู้และตัดสินใจของกลุ่มคนสูงอายุอีกด้วย

งานวิจัยยังพบอีกว่าไม่ว่าเราจะอายุเท่าไหร่ หากรู้สึกหมดความมั่นใจ เพียงแค่ลงมือทำงานศิลปะ 45 นาทีจะช่วยเพิ่มความมั่นใจขึ้นมาได้ ผ่านความรู้สึกในการทำสำเร็จ หรือ Sense of Accomplishment นั่นเอง เรารู้สึกดีกับตัวเองมากขึ้นเมื่อเห็นไอเดียในหัวหรือความรู้สึกในใจ ได้เปลี่ยนผ่านออกมาเป็นงานที่จับต้องได้

อีกงานวิจัยพบว่าการแสดงออกผ่านศิลปะสามารถช่วยผู้ป่วย เช่น โรคซึมเศร้า โรควิตกกังวล หรือโรคมะเร็ง ให้รู้สึกดีขึ้นได้ เพราะการแสดงออกถึงความเจ็บปวดที่เผชิญ หรือการเยียวยาตัวเองจากบาดแผลในอดีตนั้นไม่ใช่เรื่องง่ายสำหรับผู้ป่วย บางครั้งความรู้สึกในใจของพวกเขาก็สาหัสและซับซ้อนเกินกว่าจะระบายออกมาเป็นคำพูด ซึ่งการระบายผ่านงานศิลปะนั้นจะเข้ามาช่วยให้พวกเขาทำความเข้าใจบาดแผล เข้าใจกระบวนการการเยียวยา ช่วยให้พวกเขาได้ปลดปล่อย ได้ปล่อยวาง และได้สัมผัสความสงบในใจ

แต่ไม่ใช่เพียงแค่การลงมือทำเองเท่านั้นที่ช่วย การชมงานศิลปะก็มีประโยชน์ต่อเรามากเช่นกัน

นักวิจัยจาก University College London ทำการสำรวจคลื่นไฟฟ้าสมองของผู้ทดลองจำนวนหนึ่ง และพบว่าหลังจากผู้ทดลองชมงานศิลปะ 1 ชุดที่ประกอบไปด้วยงานศิลปะ 28 ชิ้น สมองของพวกเขามีการหลั่งสารโดปามีนหรือฮอร์โมนแห่งความสุขออกมา

ปัจจุบันเราเห็นการนำศิลปะเข้ามาช่วยในการรักษาผู้ป่วยมากมาย เช่น แนวคิดที่กำลังเป็นที่นิยมอย่าง “Art on Perscription” หรือการที่แพทย์จ่ายยาเป็นการให้คนไข้เข้าไปชมหรือมีส่วนร่วมกับงานศิลปะ ซึ่งกำลังเป็นวิธีที่นิยมอย่างมากในหลายประเทศ อย่างอังกฤษและสวีเดน

อย่างในอังกฤษ มีผู้คนจำนวนมากที่เผชิญกับปัญหาด้านสุขภาพจิตที่ไม่ได้รุนแรงถึงขนาดต้องใช้ยารักษา เช่น ความรู้สึกโดดเดี่ยว การปลีกตัวออกจากผู้คน การไม่ชอบเข้าสังคม หรือความรู้สึกเศร้าบางช่วงเวลา ส่วนใหญ่คนไข้เหล่านี้รู้ตัวดีว่าอาการของพวกเขาไม่ได้หนักหนา แต่ก็ยังทำให้ทุกข์ใจอยู่บ้างเพราะไม่สามารถหาทางออกได้ จึงมีการเข้าไปปรึกษาแพทย์

กลายเป็นความท้าทายที่แพทย์ต้องเผชิญว่าจะช่วยผู้ป่วยเหล่านี้อย่างไรดี จะจ่ายยาอย่างเดียวก็ไม่ใช่การแก้ไขที่ตรงจุดนัก แต่จะไม่ช่วยเหลือเลยก็ไม่สามารถทำได้ จึงเกิดเป็นการจ่ายยาแบบที่เราเรียกว่า “Social Prescription” หรือ “การจ่ายยาด้วยกิจกรรมทางสังคม”

ซึ่งเป็นการให้ผู้ป่วยไปทำกิจกรรมใหม่ๆ เช่น อยู่ท่ามกลางธรรมชาติ ช่วยเหลือสังคม เข้าชมรมเพาะปลูก หรือชมรมทำอาหาร เป็นต้น ซึ่งกิจกรรมทางศิลปะ อย่างการวาดรูปหรือไปชมงานศิลปะในพิพิธภัณฑ์ก็เป็นหนึ่งในนั้น โดยถูกเรียกกันว่า Art on Perscription

ยกตัวอย่างกรณีศึกษาจากโปรเจกต์ Art on Perscription ของหน่วยงานขับเคลื่อนสุขภาพจิต ชื่อ Black Dog Institute ที่ร่วมมือกับ New South Wales Art Gallery โดยโปรเจกต์ระยะเวลา 8 สัปดาห์นี้มุ่งช่วยเหลือกลุ่มผู้ใหญ่ที่มีอาการซึมเศร้าในระดับอ่อนๆ ไปจนถึงปานกลางผ่านงานศิลปะ

ในแต่ละสัปดาห์ ผู้ป่วยจะได้ชมงานศิลปะในแกลเลอรี โดยในชั่วโมงแรกของแต่ละสัปดาห์ จะใช้เวลาไปกับการศึกษาและมีส่วนร่วมใน 3 งานศิลปะที่พวกเขาสนใจ ส่วนในชั่วโมงที่ 2 ผู้ป่วยจะได้สร้างสรรค์งานศิลปะของตนเอง โดยดึงแรงบันดาลใจจากงานศิลปะที่พวกเขาได้ชมมา หลังจากผ่านไป 8 สัปดาห์ งานศิลปะที่พวกเขาสร้างในแต่ละสัปดาห์จะถูกนำไปโชว์ในนิทรรศการของตนเอง ที่พวกเขาสามารถชวนเพื่อนและคนในครอบครัวมาชมผลงานได้

ผลสำรวจพบว่า หลังจากที่ผู้ป่วยได้ร่วมโปรเจกต์ Art on Perscription พวกเขามีแนวโน้มว่ามีความสุขและพึงพอใจกับชีวิตมากขึ้น

หากคุณเป็นหนึ่งคนที่รู้สึกโดดเดี่ยวและเศร้าอยู่บ่อยๆ การชมงานศิลปะอาจเป็นหนึ่งแนวทางที่ช่วยได้ หรือจะลองลงมือสร้างงานศิลปะของตัวเองก็ดี งานวิจัยพบว่าเพียงเราขีดเขียน วาดรูป หรือระบายสีเพียง 20 นาที ก็สามารถช่วยลดคอร์ติซอลหรือฮอร์โมนแห่งความเครียดลงได้

หรือจะเป็นการไปเที่ยวชมงานศิลปะที่จัดบนพื้นที่กว้าง มี Route ให้เดินหลากหลาย เช่น งาน Bangkok Design Week 2023 นี้ก็เป็นอีกตัวเลือกที่น่าสนใจ เพราะนอกจากจะได้เยียวยาจิตใจตนเองผ่านงานศิลปะแล้ว ยังได้เดินออกกำลังกายอีกด้วย

เรามาดูกันดีกว่าว่าย่านปากคลองตลาดที่ Mission To The Moon ได้ไปชมมา มีงานจัดแสดงและเวิร์กช็อปอะไรที่น่าสนใจบ้าง

อ้างอิง
Aging: What’s Art Got To Do With It? : http://bit.ly/3YbgKGk
Art makes us happier and more satisfied with our lives : http://bit.ly/3x3Neqm
The healing power of art : http://bit.ly/3lh1nxP
Art for Self-Care and Mental Health : http://bit.ly/3I2cAee
Arts ‘on Prescription’ — Daisy Fancourt : https://bit.ly/3HEkHML
Arts on Prescription : https://bit.ly/3YqBoSG

#missiontothemoon
#missiontothemoonpodcast
#trend

Advertisements
Advertisements

LASTEST ARTICLES

LASTEST PODCAST

Mission To The Moon
Mission To The Moon
พื้นที่ที่สร้างขึ้นเพื่อแบ่งบันเรื่องราวเกี่ยวกับการทำธุรกิจ การตลาด แรงบันดาลใจ และข้อคิดในการใช้ชีวิต

POPULAR ARTICLES

เราใช้คุกกี้เพื่อพัฒนาประสิทธิภาพ และประสบการณ์ที่ดีในการใช้เว็บไซต์ของคุณ คุณสามารถศึกษารายละเอียดได้ที่ นโยบายคุกกี้ และสามารถจัดการความเป็นส่วนตัวของคุณได้เองโดยคลิกที่ ตั้งค่า

ตั้งค่าความเป็นส่วนตัว

คุณสามารถเลือกการตั้งค่าคุกกี้โดยเปิด/ปิด คุกกี้ในแต่ละประเภทได้ตามความต้องการ ยกเว้น คุกกี้ที่จำเป็น

ยอมรับทั้งหมด
จัดการความเป็นส่วนตัว
  • คุกกี้ที่มีความจำเป็น (Strictly Necessary Cookies)
    เปิดใช้งานตลอด

    คุกกี้ที่มีความจำเป็นสำหรับการทำงานของเว็บไซต์ เพื่อให้คุณสามารถใช้งานและเข้าชมเว็บไซต์ได้อย่างเป็นปกติ คุณไม่สามารถปิดการทำงานของคุกกี้นี้ในระบบเว็บไซต์ของเราได้ อย่างไรก็ตาม คุณสามารถบล็อคการใช้งานคุกกี้ได้จากเบราว์เซอร์ที่ใช้งาน ซึ่งอาจจะส่งผลกระทบกับการใช้งานเว็บไซต์ได้

  • คุกกี้สำหรับการวิเคราะห์และวัดผลการทำงาน (Performance Cookies)

    คุกกี้ประเภทนี้จะทำการเก็บข้อมูลการใช้งานเว็บไซต์ของคุณ เพื่อเป็นประโยชน์ในการวัดผล ปรับปรุง และพัฒนาประสบการณ์ที่ดีในการใช้งานเว็บไซต์ ถ้าหากคุณไม่ยินยอมให้เราใช้คุกกี้นี้ เราจะไม่สามารถวัดผล ปรับปรุงและพัฒนาเว็บไซต์ได้

บันทึกการตั้งค่า