PODCASTMISSION TO THE MOON‘HARMONY WITH NATURE’ เส้นทางผสานโลกสีเขียวที่ทำให้คนรุ่นหลัง ‘อยู่อย่างเป็นสุข’

‘HARMONY WITH NATURE’ เส้นทางผสานโลกสีเขียวที่ทำให้คนรุ่นหลัง ‘อยู่อย่างเป็นสุข’

คุณเคยสงสัยหรือไม่ว่า เราจะอยู่ในโลกอีก 10 ปีข้างหน้านี้อย่างไร?

ความสงสัยนี้เป็นสิ่งที่เกิดขึ้นมาพร้อมๆ กับสถานการณ์สิ่งแวดล้อมในโลกปัจจุบัน ที่เราจะสามารถเห็นได้ว่าทุกอย่างบนโลกยุคนี้กำลังเดินทางไปอย่างรวดเร็ว เวลาของเราต่างเดินเร็วขึ้นมากกว่ายุคก่อนหน้านี้ที่เป็นโลกอนาล็อกอย่างเห็นได้ชัด พร้อมกับการพัฒนาทางเทคโนโลยีที่เป็นไปอย่างไม่มีวันหยุด จนหลายคนกำลังลืมมองย้อนกลับไปว่าสถานการณ์ภาวะโลกเดือดในปัจจุบันก็กำลังทวีความรุนแรงขึ้นเช่นเดียวกัน

เพราะอะไรเรื่องนี้จึงเป็นสิ่งที่สำคัญไม่แพ้กับการพัฒนาเทคโนโลยี? คำตอบคือ “เพราะเรื่องของโลก เป็นเรื่องที่ส่งผลกระทบต่อความเป็นอยู่ของเราโดยตรง” ซึ่งนับว่าภาวะโลกเดือดในปี 2567 นี้ โลกกำลังเล่นงานมนุษย์อย่างพวกเราอย่างรุนแรงกว่าปีก่อนๆ ทั้งความเป็นอยู่ที่ยากลำบากขึ้น ไปจนถึงการทำงานหาเลี้ยงชีพที่ยากขึ้น มนุษย์หลายคนต้องสูญเสียอาชีพของตัวเองจากการเจอกับภาวะโลกเดือดในปัจจุบัน ทั้งชาวไร่ชาวสวนที่ผลผลิตออกไม่ตรงตามฤดูกาล, ชาวประมงที่กำลังพบกับจำนวนสัตว์ทะเลที่ลดลงอย่างมหาศาลจนกระทบกับรายได้ หรือแม้แต่ผู้ที่ต้องเดินทางด้วยเครื่องบินก็กำลังพบเจอกับปัญหาหลุมอากาศที่นักวิชาการคาดว่าจะทวีความรุนแรงขึ้น 2 เท่าในปี 2050 จากภาวะโลกเดือด ทุกอย่างเป็นสิ่งที่เชื่อมโยงกับความเป็นอยู่ของเราอย่างไม่อาจหลีกเลี่ยงได้

ปัญหาทางสิ่งแวดล้อมของโลกเป็นสิ่งที่บ่งบอกได้ว่าแนวโน้มของมนุษย์ในอนาคตนั้นกำลังจะอยู่ยากขึ้นทุกวัน แม้ว่าเทคโนโลยีจะพัฒนาไปได้อีกไกลแค่ไหน แต่ถ้าโลกของเราอยู่ไม่ได้ ทุกอย่างก็เสียเปล่า เราในอีก 10 ปีข้างหน้าอาจจะกำลังใช้ชีวิตแบบที่เรียกว่า “ผิดปกติ” สำหรับวันนี้อยู่ก็เป็นได้

มนุษย์เหลือเวลาอีกแค่ 5 ปีสำหรับการคืนความปกติสู่โลก

อีกหนึ่งข้อมูลที่น่าสนใจคือ Carbon Clock หรือนาฬิกาคาร์บอนที่ถูกสร้างขึ้นโดย Mercator Research Institute on Global Commons and Climate Change เผยว่า มนุษย์เหลือเวลาอีกเพียง 5 ปีในการแก้วิกฤตโลกเดือดและรักษาอุณหภูมิเฉลี่ยของโลกไม่ให้สูงเกิน 1.5 องศาเซลเซียส หากมนุษย์ไม่สามารถแก้ได้ เราจะตกอยู่ในโลกที่ไม่อาจกลับมาแก้ไขได้อีกแล้ว

ความเร่งด่วนที่รอไม่ได้นี้ กลายเป็นสิ่งที่ทุกคน ทุกองค์กร ทุกรัฐบาลบนโลกนี้ต่างต้องให้ความสำคัญเป็นอันดับ 1 ในการดำเนินงานกับทุกๆ อย่างที่เกี่ยวข้องและมีเป้าหมายที่ต้องทำให้สำเร็จคือ การมุ่งสู่ความเป็นกลางทางคาร์บอน (Carbon Neutrality) ซึ่งเป็นหนึ่งในทางที่จะช่วยชะลอความเลวร้ายของสถานการณ์ในปัจจุบันได้ และสามารถช่วยให้เรารักษาอุณภูมิเฉลี่ยของโลกให้ได้

โจทย์นี้เป็นโจทย์ที่ Toyota ตระหนักถึงเป็นอันดับแรกในการดำเนินงาน Toyota ประสบความสำเร็จเป็นผู้นำด้านเทคโนโลยียานยนต์ในประเทศไทย แต่สิ่งที่ Toyota มองเห็นความสำคัญและอยู่ในแผนดำเนินงานก็คือเรื่องของสิ่งแวดล้อม อีกทั้งยังมองเห็นโอกาสและศักยภาพที่ยิ่งใหญ่ขององค์กรในการช่วยผสานโลกสู่ความเป็นสีเขียว คืนความปกติสู่โลก และสามารถช่วยให้โลกใบนี้น่าอยู่ต่อไป แม้จะในรุ่นลูกรุ่นหลานก็ตาม

อย่างไรก็ตาม การมุ่งสู่ความเป็นกลางทางคาร์บอน (Carbon Neutrality) นั้นต้องเป็นการเดินทางในระยะยาวที่เดินกันไปพร้อมกันทุกภาคส่วน และหนึ่งในแนวทางที่ Toyota ให้ความสำคัญ นอกเหนือจากการลดผลกระทบในห่วงโซ่อุปทาน Supply Chain ด้วยวิธีการการจัดการกระบวนการผลิตเพื่อลดผลกระทบต่อสิ่งแวดล้อมตลอดวงจรชีวิตผลิตภัณฑ์ (Life Cycle Assessment) และการพัฒนาผลิตภัณฑ์ที่เป็นมิตรกับสิ่งแวดล้อมด้วยวิธี Multi Pathway แล้ว เรายังต้องผสานโลกสีเขียวด้วยการร่วมกับพันธมิตร ชุมชน และประชาชนไทย เพื่อสร้างสังคมแห่งความยั่งยืนที่เป็นมิตรต่อสิ่งแวดล้อม

ปฏิบัติการคืนสีเขียวให้โลก เพื่ออนาคตของคนรุ่นหลังที่สดใส

การสร้างสังคมแห่งความยั่งยืนที่เป็นมิตรกับสิ่งแวดล้อม (Harmony with Nature) เป็นหนึ่งใน 3 พลังเปลี่ยนโลกที่ Toyota ยึดเป็นหลักในการดำเนินงาน ซึ่งเป็นการให้ความสำคัญกับสังคมและสิ่งแวดล้อม รวมถึงเป็นการปลูกฝังจิตสำนึกในการรักษ์สิ่งแวดล้อมกลับเข้าสู่สังคมไทย

หนึ่งในกิจกรรมของการสร้างสังคมแห่งความยั่งยืนนั้นก็คือ “การเพิ่มพื้นที่สีเขียว” โดย Toyota มีการร่วมมือกับพันธมิตรในการปลูกป่ามากกว่า 2.6 ล้านต้น โดยแบ่งออกเป็นกิจกรรมปลูกป่าในแต่ละพื้นที่คือ

[  ] กิจกรรมปลูกป่านิเวศที่โรงงาน Toyota บ้านโพธิ์ ตามแนวคิดการปลูกป่านิเวศอย่างยั่งยืน และเทคนิควิธีการปลูกป่าตามแนวคิดของ ศ. ดร. อาคิระ มิยาวากิ ศาสตราจารย์เกียรติคุณ มหาวิทยาลัยแห่งชาติโยโกฮาม่า และผู้อำนวยการสถาบันการเรียนรู้ด้านนิเวศวิทยานานาชาติประจำประเทศญี่ปุ่น มาประยุกต์ใช้ ซึ่งจนถึงปัจจุบันบริษัทโตโยต้าได้ดำเนินกิจกรรมการปลูกป่านิเวศไปแล้วทั้งสิ้นกว่า 1,860,000 ต้น

[  ] กิจกรรมปลูกป่าชายเลน ที่สถานตากอากาศบางปู กิจกรรมนี้ดำเนินงานมาตั้งแต่ปีพ.ศ 2548 จากความร่วมมือระหว่างบริษัท โตโยต้า มอเตอร์ ประเทศไทย จำกัด ร่วมกับกรมพลาธิการทหารบก และมูลนิธิสิ่งแวดล้อมเพื่อการพัฒนาอย่างยั่งยืน (ประเทศไทย) หรือ FEED โดยตลอดระยะเวลา 17 ปีได้ร่วมกันปลูกป่าชายเลนในพื้นที่ไปแล้ว รวมทั้งสิ้น 792,800 ต้น

นอกจากการเพิ่มพื้นที่สีเขียวแล้ว การปลูกฝังจิตสำนึกในการรักษ์สิ่งแวดล้อมให้กับสังคม ก็เป็นอีกหนึ่งวิธีที่จะช่วยให้สังคมสีเขียวสามารถอยู่ได้อย่างยั่งยืน โดย Toyota ก็มีการจัดทำศูนย์การเรียนรู้ต่างๆ ที่จะช่วยให้ประชาชนไทยมีความรู้และจิตสำนึกเพื่อสังคมสีเขียว อาทิ

[  ] ศูนย์การเรียนรู้ความหลากหลายทางชีวภาพและความยั่งยืน “ชีวพนาเวศ” ณ โรงงาน โตโยต้าบ้านโพธิ์ จังหวัดฉะเชิงเทรา ตั้งแต่ปีพ.ศ. 2557  โดยมีพื้นที่ทั้งสิ้น 60 ไร่ แบ่งเป็นป่านิเวศจำนวน 30 ไร่ แหล่งเรียนรู้เชิงนิเวศหรือไบโอโทปจำนวน 30 ไร่

[  ] ศูนย์การเรียนรู้ โตโยต้าเมืองสีเขียว อยุธยา ที่นำเอาองค์ความรู้จากกิจกรรมลดเมืองร้อนด้วยมือเรามาประยุกต์ใช้ในสถานที่ท่องเที่ยว และส่งเสริมให้ชุมชนมีส่วนร่วมในการช่วยลดก๊าซเรือนกระจก โดยเป็นความร่วมมือระหว่าง Toyota และจังหวัดอยุธยาในการสร้างศูนย์การเรียนรู้ด้านสิ่งแวดล้อมครบวงจรแห่งแรกนอกโรงงาน ผ่านองค์ความรู้ด้านการจัดการสิ่งแวดล้อมทั้ง 5 ด้านของ Toyota

เมื่อมีการเพิ่มพื้นที่สีเขียว เพิ่มความรู้ความเข้าใจของประชาชนแล้ว อีกหนึ่งโครงการที่สร้างแรงกระเพื่อมแห่งความยั่งยืน ก็คือการเข้าไปผลักดัน ส่งเสริมชุมชนสิ่งแวดล้อมยั่งยืนทั่วประเทศผ่านโครงการชุมชนสิ่งแวดล้อมยั่งยืน เพื่อพัฒนาชุมชนต้นแบบด้านสิ่งแวดล้อมที่มีความเป็นกลางทางคาร์บอนและส่งต่อความรู้ด้านสิ่งแวดล้อม รวมทั้งส่งเสริมการท่องเที่ยวเชิงอนุรักษ์แก่ชุมชน ผ่านการดำเนินงานใน 4 แนวทางได้แก่ ชุมชนอากาศดี (Clean Air) เขียวขจีต้นไม้ (Green Village) ไร้ขยะกลาดเกลื่อน (Zero Waste) ขับเคลื่อนพลังงานทดแทน (Clean Energy)

ซึ่งปัจจุบันมีชุมชนสิ่งแวดล้อมยั่งยืนทั้งหมด 10 แห่งในประเทศไทย ได้แก่ ปากน้ำประแส จ. ระยอง, บ้านแม่ป๋าม จ.เชียงใหม่, บ้านรางพลับ จ.ราชบุรี, หนองสะแกกวน จ.บุรีรัมย์, ชุมชนเกาะกลาง กรุงเทพฯ, หมู่ 1 พิษณุโลก, ตำบลอุโมงค์ จ.ลำพูน, บ้านคำศรี จ.อุดรธานี, บ้านเมืองชุม จ.เชียงราย และ อ.ควนโดนใน จ.สตูล

สุดท้ายคือการสร้างพฤติกรรมของคนจำนวนมากผ่านโลกออนไลน์ ที่จะช่วยให้ให้เกิดการเปลี่ยนพฤติกรรมในการดูแลสิ่งแวดล้อม โดย Toyota ก็มีการจัดกิจกรรม “ลดเปลี่ยนโลกกับโตโยต้า”  เพื่อส่งเสริมการลดคาร์บอนไดออกไซด์แบบง่ายๆ ในชีวิตประจำวันเช่น ลดขยะอาหาร ลดการใช้พลาสติก เพิ่มการเดินทางอย่างยั่งยืน เพิ่มพื้นที่สีเขียว และลดการใช้พลังงาน ซึ่งทั้งหมดนี้ก็ได้ผ่านการดำเนินงานมาเป็นครั้งที่ 3  โดยการจัดกิจกรรมทั้ง 3 ครั้งที่ผ่านมามีผู้ลงทะเบียนเข้าร่วมกิจกรรมกว่า  106,952 คน ซึ่งถือว่าสร้างแรงกระเพื่อมให้กับการรักษ์สิ่งแวดล้อมเป็นอย่างมาก

ความคืบหน้าและความสำเร็จในการผสานโลกสีเขียว

โครงการต่างๆ ที่เกิดขึ้นอาจจะถือว่าเป็นโครงการที่ประสบความสำเร็จไม่ได้เลย หากเราไม่มีการติดตามผลของการดำเนินงาน ซึ่งผลการดำเนินงานจัดกิจกรรมทั้งหมดของ Toyota นั้นถือว่าเป็นบริษัทที่สร้าง Impact ให้กับสิ่งแวดล้อมและสามารถนำมาใช้เพื่อกรณีศึกษาให้กับธุรกิจอื่นๆ ที่ต้องการสร้างเป้าหมายความเป็นกลางทางคาร์บอน (Carbon Neutrality) ให้เกิดขึ้นได้จริง โดย Toyota ได้สร้างความเปลี่ยนแปลงต่างๆ ให้เกิดขึ้นได้ ไม่ว่าจะเป็น

[  ] การเพิ่มพื้นที่สีเขียว ที่สามารถปลูกป่าไปแล้วเป็นจำนวนรวมมากกว่า 2,600,000 ต้นทั่วประเทศ และสามารถดูดซับก๊าซคาร์บอนไดออกไซด์ได้ราว 27,950 ตันต่อปี

[  ] โครงการชุมชนสิ่งแวดล้อมยั่งยืนสามารถช่วยให้เกิดการดูดซับก๊าซคาร์บอนไดออกไซด์ในแต่ละชุมชนได้เป็นจำนวนที่มหาศาลอย่างเช่น หนองสะแกกวน จ.บุรีรัมย์ ดูดซับก๊าซคาร์บอนไดออกไซด์ได้ถึง 26.7 ตันต่อปี (ลดลงจากปีที่แล้ว 9%), บ้านรางพลับ จ.ราชบุรี ดูดซับก๊าซคาร์บอนไดออกไซด์ได้ราว 11 ตันต่อปี (ลดลงจากปีที่แล้ว 4.3%), และบ้านแม่ป๋าม จ.เชียงใหม่ ดูดซับก๊าซคาร์บอนไดออกไซด์ได้ราว 8.1 ตันต่อปี (ลดลงจากปีที่แล้ว  2.8%)

จะเห็นได้ว่าโตโยต้ามีแผนการดำเนินงานและโครงการต่างๆที่ช่วยพัฒนาให้การดำเนินชีวิตและสังคมของเราเป็นมิตรต่อสิ่งแวดล้อม เปลี่ยนโลกที่ดูมืดมนให้สดใสยิ่งขึ้น อย่างไรก็ตาม Toyota ก็มีแนวโน้มในการพัฒนาชุมชนสิ่งแวดล้อมยั่งยืนนี้ให้แพร่หลายไปทั่วประเทศในอนาคต รวมถึงโครงการต่างๆ ที่ดำเนินต่อไปอย่างไม่มีวันหยุด ซึ่งทั้งหมดนี้ก็เป็นเป้าหมายในการสร้างความเป็นกลางทางคาร์บอน (Carbon Neutrality) และขับเคลื่อนสิ่งแวดล้อมที่ดีให้คงอยู่อย่างยั่งยืนตลอดไป

หากทุกธุรกิจบนโลกนี้มีเป้าหมายสู่ความเป็นกลางทางคาร์บอน (Carbon Neutrality) เช่นเดียวกันกับ Toyota โลกสีเขียวที่ไม่ได้อยู่ในจุดที่ “ผิดปกติ” เกินไปก็คงจะสามารถเกิดขึ้นได้ และคนรุ่นลูกหลานของเราก็จะสามารถอยู่ได้อย่างเป็นสุขเช่นกัน

Mission To The Moon x Toyota

LASTEST ARTICLES

LASTEST PODCAST

Mission To The Moon
Mission To The Moon
พื้นที่ที่สร้างขึ้นเพื่อแบ่งบันเรื่องราวเกี่ยวกับการทำธุรกิจ การตลาด แรงบันดาลใจ และข้อคิดในการใช้ชีวิต

POPULAR ARTICLES

เราใช้คุกกี้เพื่อพัฒนาประสิทธิภาพ และประสบการณ์ที่ดีในการใช้เว็บไซต์ของคุณ คุณสามารถศึกษารายละเอียดได้ที่ นโยบายคุกกี้ และสามารถจัดการความเป็นส่วนตัวของคุณได้เองโดยคลิกที่ ตั้งค่า

ตั้งค่าความเป็นส่วนตัว

คุณสามารถเลือกการตั้งค่าคุกกี้โดยเปิด/ปิด คุกกี้ในแต่ละประเภทได้ตามความต้องการ ยกเว้น คุกกี้ที่จำเป็น

ยอมรับทั้งหมด
จัดการความเป็นส่วนตัว
  • คุกกี้ที่มีความจำเป็น (Strictly Necessary Cookies)
    เปิดใช้งานตลอด

    คุกกี้ที่มีความจำเป็นสำหรับการทำงานของเว็บไซต์ เพื่อให้คุณสามารถใช้งานและเข้าชมเว็บไซต์ได้อย่างเป็นปกติ คุณไม่สามารถปิดการทำงานของคุกกี้นี้ในระบบเว็บไซต์ของเราได้ อย่างไรก็ตาม คุณสามารถบล็อคการใช้งานคุกกี้ได้จากเบราว์เซอร์ที่ใช้งาน ซึ่งอาจจะส่งผลกระทบกับการใช้งานเว็บไซต์ได้

  • คุกกี้สำหรับการวิเคราะห์และวัดผลการทำงาน (Performance Cookies)

    คุกกี้ประเภทนี้จะทำการเก็บข้อมูลการใช้งานเว็บไซต์ของคุณ เพื่อเป็นประโยชน์ในการวัดผล ปรับปรุง และพัฒนาประสบการณ์ที่ดีในการใช้งานเว็บไซต์ ถ้าหากคุณไม่ยินยอมให้เราใช้คุกกี้นี้ เราจะไม่สามารถวัดผล ปรับปรุงและพัฒนาเว็บไซต์ได้

บันทึกการตั้งค่า