- หลักง่ายๆในการบริหารเวลาให้มีสมดุลชีวิตการทำงาน ได้แก่
- ใช้หลายบทบาทอย่างฉลาด โดยใช้เทคโนโลยีมาช่วยเพื่อเพิ่มประสิทธิภาพสูงสุด
- มีสติรู้ว่าเรากำลังทำบทบาทอะไรอยู่
- สัญญาอะไรกับเป้าหมายแล้วต้องทำให้ได้
ผมเคยได้ฟังผู้หญิงที่เก่งสุดๆ ของเมืองไทยคนนึงมาพูดให้ฟังคือ คุณแต๋ม ศุภจี สุธรรมพันธุ์
ปัจจุบันคุณแต๋มดำรงตำแหน่งเป็นกลุ่มประธานบริหารของกลุ่มดุสิตธานี โดยเป็นประธานบริหารคนนอกตระกูลคนแรกในประวัติศาสตร์อันยาวนานของกลุ่มดุสิต
ปัจจุบัน ดุสิตมี 28 โรงแรมใน 9 ประเทศ
และในอีกสามปีข้างหน้า ดุสิตจะมีโรงแรมเพิ่มขึ้นอีก 70 โรงแรม โดยทั้งหมดอยู่นอกประเทศ ซึ่งถือว่าเป็นการเติบโตที่รวดเร็วมาก และคุณแต๋มนี่แหละครับที่จะเป็นคนรับผิดชอบงานนี้ เธอบอกว่าเธอมีความมุ่งมั่นที่จะสร้างแบรนด์ไทยให้ไปไกลระดับโลกให้ได้
นอกจากโรงแรมแล้ว ดุสิตยังมีเรื่องของการศึกษาด้วย โรงเรียนการโรงแรมของดุสิตมีนักเรียนกว่า 4,000 คน นอกจากนี้ยังมีเลอกอร์ดองเบลอ (Le Cordon Bleu) ที่มีเชฟจบการศึกษาประมาณ 1,200 คนในแต่ละปี
คุณแต๋มมีประสบการณ์ที่น่าทึ่งตั้งแต่เป็นกรรมการผู้จัดการผู้หญิงไทยคนแรกของไอบีเอ็มประเทศไทย (IBM: International Business Machines) จนค่อยเลื่อนตำแหน่งเป็นผู้ช่วยประธานบริษัทไอบีเอ็มโกลบอล (IBM Global) ซึ่งเป็นตำแหน่งที่แทบไม่มีคนเอเชียเคยไปถึงเลย
แต่เรื่องราวที่ผมสนใจคือเรื่องของการเปลี่ยนแปลงบริษัทไทยคม คุณแต๋มเข้ามาไทยคมในช่วงที่บริษัทกำลังมีปัญหาอย่างหนัก ขาดทุนติดต่อกันมา 7 ปี และยังมีปัญหากระทบกระทั่งจากเรื่องการเมือง
คุณแต๋มเข้ามาเปลี่ยนแปลงองค์กรแห่งนี้โดยใช้เวลาเพียง 3 เดือนก็กลับมามีกำไร และภายใน 3 ปีหลังจากคุณแต๋มเข้ามา มูลค่าตามตลาด (Market Capitalization) ของไทยคมก็ใหญ่ขึ้นถึง 5 เท่า
จากที่เคยขาดทุนสูงสุดกว่า 2,000 ล้านบาท ไทยคมพลิกกลับมาได้กำไรกว่า 1,800 ล้านบาท ตอนคุณแต๋มเข้าทำงานที่ไทยคม หุ้นไทยคมราคาอยู่แค่ 7 บาท แต่ในยุคคุณแต๋มนั้นราคาพีคสุดถึง 45 บาท ไทยคมจ่ายปันผลครั้งแรกในปี 2012 ซึ่งเป็นครั้งแรกในรอบ 9 ปี และทำให้ดาวเทียมไทยคมมีประสิทธิภาพสูงสุดในเอเชีย และเป็นอันดับสามของโลก
คุณแต๋มได้รางวัล BEST CEO และ Best Mid-Cap CEO จากไฟแนนเชียลเอเชีย (FinancialAsia)
อันดับของไทยคมขยับมา 3 ขั้นจนได้ A- จากทริสเรทติ้ง (TRIS) ในปี 2014 น่าทึ่งใช่ไหมครับ
จบภารกิจใหญ่ที่ไทยคม คุณแต๋มก็ย้ายมาที่กลุ่มดุสิต
ปัจจุบัน นอกจากคุณแต๋มจะเป็นกลุ่มประธานบริหารของดุสิตแล้ว ยังเป็นกรรมการมหาวิทยาลัย 3 แห่ง เป็นอนุกรรมการจัดตั้งซุปเปอร์โฮลดิ้ง (Super Holding) ดูแลรัฐวิสาหกิจ 12 แห่งที่อยู่ในตลาดหลักทรัพย์แห่งประเทศไทย และเป็นกรรมการบริษัทต่างๆอีกมากมาย
รวมทั้งสิ้น 23 ตำแหน่ง!
ยังครับ ยังไม่หมด เธอยังเป็นโค้ชผู้บริหารที่ได้รับการรับรอง (Certified Executive Coach) จากมหาวิทยาลัยแคลิฟอร์เนีย เบิร์กลีย์ (University of California, Berkeley) ด้วยอีกต่างหาก เพราะเธออยากให้ผู้บริหารระดับสูงมีโค้ชที่เข้าใจผู้บริหารด้วยกันเอง ดังนั้นก็ควรต้องมีผู้บริหารมาโค้ชกันเอง แต่แอบกระซิบนิดหนึ่งว่า ค่าตัวพี่แต๋มแพงมากๆ
สิ่งที่ทุกคนน่าจะสงสัยเหมือนผมคือ คุณแต๋มบริหารเวลาได้อย่างไร? มีคนถามถึงสมดุลชีวิตการทำงาน (work life balance)
เธอตอบว่าเธอใช้บูรณาการชีวิตและการทำงาน (work life integration) มากกว่า โดยมีหลักการง่ายๆ อยู่ 3 อย่างคือ
1. ใช้หลายบทบาท (multiple role) อย่างฉลาด
ด้วยเทคโนโลยีสมัยนี้ เวลาอยู่ที่ทำงาน เราก็สามารถทำเรื่องส่วนตัวได้ เวลาอยู่ที่บ้านก็สามารถทำงานได้ รู้จักใช้เทคโนโลยีเพื่อเพิ่มประสิทธิภาพสูงสุด (maximize performance) ของเราให้ได้ อันนี้ผมขอเพิ่มความเห็นส่วนตัวอีกนิดหนึ่งคือ ถ้าคุณสามารถทำได้ ผมแนะนำว่าคุณไม่ควรขับรถเอง เพราะการขับรถในกรุงเทพเป็นเรื่องเสียเวลามาก เวลานั่งบนรถเป็นเวลาที่ผมทำงานได้มีประสิทธิภาพที่สุดเวลาหนึ่ง
2. มีสติรู้ว่าเรากำลังทำบทบาทอะไรอยู่
การทำตัวเป็นผู้บริหารตอนอยู่กับครอบครัวคงไม่เหมาะ การตัวตัวน่ารักคิขุตอนอยู่กับลูกน้องก็คงไม่เหมาะเช่นกัน
3. สัญญาแล้วต้องทำให้ได้ (Always deliver what you promise)
มีช่วงที่ลูกคุณแต๋มอยู่สิงคโปร์ คุณแต๋มอยู่กรุงเทพ คุณแต๋มสัญญากับลูกว่าจะบินไปหาทุกศุกร์ และกลับวันอาทิตย์ คุณแต๋มทำแบบนี้อยู่สองปีไม่เคยขาดแม้แต่สัปดาห์เดียว นี่คือการทำตามสัญญาที่สุดยอดมากครับ
คุณแต๋มมีงานที่ต้องรับผิดชอบถึง 23 อย่าง แต่เธอยังมีเวลาออกกำลังกายทุกวัน เพราะเธอเข้าใจบทบาทของตัวเองตลอดเวลา เธอเคยเล่าว่าครั้งหนึ่งไปต่อเครื่องที่สนามบินแฟรงก์เฟิร์ต (Frankfurt) แล้วนึกขึ้นได้ว่าวันนี้ยังไม่ได้ออกกำลังกายเลย เธอจึงวิ่งอยู่รอบๆ สนามบินนั้นนั่นแหละ
นี่คือคนที่ให้สัญญากับเป้าหมายอย่างแท้จริงเลยครับ คุณแต๋มบอกว่าถ้าพี่ทำได้ คุณก็ต้องทำได้
เพราะฉะนั้นอย่ามาบ่นว่าไม่มีเวลา เพราะไม่มีใครไม่มีเวลา
เหมือนที่ไมเคิล อัลท์ชูเลอร์ (Michael Altshuler) เคยกล่าวไว้ว่า
the good new is you are the pilot
ข่าวร้ายคือเวลาไม่เคยคอยใคร
แต่ข่าวดีก็คือคุณเป็นผู้ควบคุมมันMicheal Altshuler