The Third Way ทางเลือกที่สาม

โพสนี้แม้เป็น sponsor โพส แต่รับรองว่าไม่ผิดหวังครับ เพราะเนื้อหาสาระแน่นเช่นเคย กรุงเทพฯ เป็นเมืองที่รถติดลำดับต้นๆของโลก ซึ่งถ้าคิดเป็นความเสียหายทางเศรษฐกิจ ต้นเหตุของความเครียดและปัญหาสุขภาพ จะเป็นมูลค่ามหาศาลอย่าง

ถ้าหากคุณสามารถเลือกที่ทำงานอยู่ใกล้บ้านได้ อันนี้ก็จะช่วยลดภาระเรื่องรถติดไปได้เยอะ แต่แน่นอนว่าคนส่วนใหญ่ไม่สามารถทำแบบนั้นได้ เราจึงต้องหาทางเลือกอื่น รถขนส่งสาธารณะโดยเฉพาะระบบรางก็สามารถช่วยลดติดได้ประมาณนึง

เรื่องรถติดนี่มีมิติที่สำคัญ ของสิ่งที่น่าเสียดายที่สุด คือ “เวลา”

โดยเฉพาะคนที่ต้องขับรถเอง เพราะทำอะไรไม่ได้มาก การแก้ปัญหารถติดถ้าเอาแบบระยะยาวนั้นต้องแก้ปัญหาเชิงโครงสร้าง ที่มีองค์ประกอบหลายอย่างทั้ง การผังเมือง ระบบขนส่งมวลชน รวมถึงการเปลี่ยนแปลงนโยบายมหภาค อย่างการเก็บค่าทำเนียบรถยนต์ การควบคุมปริมาณรถเกิดใหม่

เพราะเรามีเวลาอยู่บนโลกนี้จำกัด และถ้าหากเราต้องเสียเวลา 2-3 ชั่วโมงอยู่บนรถทุกวัน (รวมเวลาหาที่จอดรถในแต่ละจุดหมายที่ต้องไปด้วย) หมายถึง ในปีๆนึง นับเฉพาะวันทำงาน เราสูญเสียเวลา 500-750 ชั่วโมงบนรถเพียงอย่างเดียว หมายถึงว่าชีวิตของคนที่อยู่ในเมืองอย่างกรุงเทพฯ มีโอกาสที่จะเสียเวลา 1 เดือน ต่อ ปี เฉพาะอยู่บนรถ!

ลองคิดดูซิครับว่า ถ้าเราไม่ต้องขับรถแต่สามารถเอาหนึ่งเดือนนั้นกลับมาทำประโยชน์อื่นได้ จะเกิดอะไรขึ้น หนึ่งเดือนในหนึ่งปีเอามาทำอะไรได้เยอะมากครับ อาจจะเขียนหนังสือจบได้หนึ่งเล่ม อาจจะอ่านหนังสือได้ 20 เล่ม เช็คอีเมลล์ 100 เมลล์ หรือเอามานอนเพื่อสุขภาพยังคุ้มแสนคุ้ม

ถ้าหากคุณยังต้องการใช้รถยนต์ส่วนตัวอยู่ สิ่งที่จะพอจะทำได้คือ

1.จ้างคนขับรถ:

ซึ่งต้องบอกเลยครับว่าคนขับรถดีๆหายากมาก และค่าใช้จ่ายสูงมากๆ ซึ่งเหมาะกับคนที่สามารถจ่ายได้ และบริษัทที่ต้องการเซฟเวลาของพนักงาน แต่หากมองในความคุ้มค่า ก็อาจจะไม่ได้สูงนะครับ เพราะว่าความเป็นจริงคือผู้บริหารที่มีคนขับรถประจำตัวก็ไม่ได้ใช้ตลอด บางทีคนขับรถนั่งอยู่ที่บริษัทตั้งแต่เช้าจนเย็นก็มี

2.รอรถยนต์ขับเองได้ (Autonomous Vehicle):

ขอขยายความเรื่องนี้นิดนึงครับ Autonomous Vehicle ถูกพูดถึงมานานแล้ว และเราก็เริ่มเห็นว่าโอกาสที่มันจะถูกนำมาวิ่งจริงบนถนนทั่วโลกเยอะขึ้นเรื่อยๆ ปี 2017 เป็นปีที่ Autonomous Vehicle ใช้จริงแล้วบนถนนในรัฐ Arizona (ผู้ว่าการรัฐนี้ออกมาสนับสนุนเรื่องนี้โดยตลอด) โดยบริษัทลูกของ Google ชื่อ Waymo ซึ่งเป็นผู้นำในอุตสาหกรรมนี้ของโลก

รถยนต์ Waymo ถูกออกแบบมาเพื่อเป็น “รถยนต์ขับขี่อัตโนมัติเต็มรูปแบบ” (Full Autonomy Car) ตั้งแต่ AI, ระบบ sensor ต่างๆ, ระบบ laser ที่สามารถมองเห็นสิ่งของได้ 300 เมตร, รวมถึง radar ที่สามารถติดตามสิ่งของที่เคลื่อนไหวที่อาจจะเล็ดลอดสายตาของมนุษย์ไปได้ ฯลฯ ระบบต่างๆมีทั้ง primary และ secondary system เพื่อป้องกันทุกความผิดพลาดที่อาจเกิดขึ้นได้ ราคาของอุปกรณ์ต่างๆในรถยนต์ขับเองก็ลดลงอย่างมากแล้ว โดยเฉพาะ LIDAR ซึ่งเป็นเหมือนดวงตาของรถยนต์ขับเองราคาลดมาเป็น 100 เท่าตัวในเวลาไม่กี่ปี

การมี เทคโนโลยีขับขี่อัตโนมัติเต็มรูปแบบ (Fully Self Driving Technology) เข้ามาจะเปลี่ยนความสัมพันธ์ของเรากับรถยนต์ไปด้วยเช่นกัน เพราะปัจจุบันเราซื้อรถมา เราก็ต้องอยู่กับรถคันนี้ไปหลายปี เช่นเราซื้อ SUV มาเพราะเราอาจจะอยากพาครอบครัวไปเที่ยวป่าเที่ยวเขา แต่เอาจริงๆได้ไปปีละสามวัน ที่เหลือเราต้องเอารถที่สุดแสนกินน้ำมันนี้วิ่งรถติดอยู่บนทางด่วน และขับอยู่คนเดียวอีกต่างหาก นอกจากจะใช้ประสิทธิภาพของรถอย่างไม่เต็มที่แล้ว ยังเป็นการทำลายสิ่งแวดล้อมอีกด้วย

แถมอัตราการใช้ประโยชน์ ของรถยนต์ที่เราซื้อมานั้นยังต่ำมาก เพราะเราใช้มันวิ่ง 5-10% และที่เหลือจอดไว้เฉยๆ นั่นหมายความว่าเราใช้ของที่เราซื้อด้วยราคาแพงรองจากบ้านอย่างไม่คุ้มค่าเลย

รถยนต์ปัจจุบันสำหรับคนส่วนใหญ่ (เน้นสำหรับคนส่วนใหญ่) จึงเป็นของที่ใช้ไม่คุ้ม แถมต้องอยู่กับตัวเลือกที่เลือกมาแล้วไปนานๆ เปลี่ยนฟังก์ชั่นบ่อยๆ ตามความต้องการไม่ได้อีกต่างหาก ดังนั้นเราจะพอมีตัวเลือกอะไรบ้าง?

ถ้าหากคุณยังไม่อยากลงทุนกับการจ้างคนขับรถ และรถยนต์ขับเองก็ยังดูไกลเกินฝันที่จะมาใช้ในกรุงเทพฯ

ยังมีทางเลือกที่สามที่ทำให้ไม่ต้องขับรถเอง สามารถเอาเวลามาทำอย่างอื่นได้ และที่สำคัญประสิทธิภาพเพิ่มขึ้นด้วย เพราะคุณไม่ต้องจ้างคนขับรถมาในวันที่ไม่ต้องการ ไม่ว่าคุณจะใช้คนขับรถในฐานะส่วนตัวหรือใช้ในฐานะองค์กรเพื่อช่วยให้เวลาที่อยู่บนท้องถนนของผู้บริหารมีประสิทธิภาพมากขึ้น

ทางเลือกที่สามคือ รถยนต์ + คนขับตามความต้องการใช้จริง (Car + On Demand Driver)

หรือรถยนต์ที่มาพร้อมคนขับที่ให้คุณจ่ายเท่าที่คุณใช้ และในระหว่างที่คุณจ้างจะอยู่คนขับรถจะอยู่กับคุณตลอดเวลาไม่ว่าจะไปไหนกี่จุดหมายก็ตาม นั่นหมายความว่า ถ้าวันนี้คุณต้องไปทำธุระ 5 ที่ คุณก็เรียกใช้บริการเพียงแค่ทีเดียว และคนขับรถจะรอพร้อมรับคุณอยู่ทุกที่ที่คุณไป

เนื่องจากทางเลือกที่สามนี้เป็น บริการตามการใช้งานจริง จึงไม่มีต้นทุนตายตัว ไม่มีต้องดูแลรถเอง ไม่ต้องดูแลคนเองและเอาจริงๆ ถ้าคุณไม่ได้ต้องใช้รถทุกวัน คุณไม่จำเป็นต้องซื้อรถเลยยังได้ครับ ลองคิดดูซิครับว่า มีคนขับรถส่วนตัว มีรถสบายให้นั่ง แต่คุณไม่ต้องจ่ายค่ารถและค่าคนขับรถเกินกว่าที่คุณจำเป็นต้องใช้

เรียกว่า การใช้ประโยชน์และความคุ้มค่า เพิ่มจาก 5-10% กลายเป็นเกิน 50% กันเลยทีเดียว

ผมลองใช้บริการมาแล้วต้องบอกว่าประทับใจมาก นี่คือการมีคนขับรถส่วนตัว “ในวันที่เราต้องการ” โดยที่เราไม่ต้องดูแลมีค่าใช้จ่ายอะไรเพิ่ม อยากให้มีคนทำแบบนี้มานานแล้ว เริ่มจากการที่ไม่ต้องจองล่วงหน้าครับ อยากเรียกก็เรียกได้เลย ซึ่งเหมาะมากถ้าเรามีธุระด่วน

ทุกอย่างตรงไปตรงมา แจ้งราคาล่วงหน้าก่อนเรียก ไม่มีราคาอะไรให้ตกใจ ให้บริการด้วยราคามาตรฐานที่แจ้งให้ทราบล่วงหน้า ราคาดังกล่าวรวมค่าน้ำมันและค่าบริการคนขับไว้แล้ว (โดยยังไม่รวมค่าผ่านทางพิเศษ และค่าจอดรถที่อาจเกิดขึ้นจากการเดินทาง)

มาพร้อมแพ็คเกจเวลาที่หลากหลาย ตอบทุกการใช้งาน ด้วยแพ็คเกจเวลาหลากหลายรูปแบบให้คุณได้เลือกตามความต้องการ ไม่ต้องเหมาเป็นรายวัน โดยเรามีเวลาให้เลือกตั้งแต่ 2, 4, 6, 8 และ 10 ชั่วโมง

ราคาก็คุ้มครับ ผมขอยกตัวอย่างว่า ถ้าคุณเช่ารถ D segment 1 วันจากบริษัทเช่ารถทั่วไป ราคาจะอยู่ประมาณ 2,500 บาทต่อวัน อันนั้นคือคุณต้องขับเอง

บริการนี้มีคนขับให้ ซึ่งมันเจ๋งมากครับ

1. คุณสามารถทำงานในรถได้ ประหยัดเวลาชีวิตไปได้เยอะ ผมเขียนหนังสือจบทั้งเล่ม ก็ใช้เวลาส่วนใหญ่ตอนรถติดนี่แหละครับ (ตอนที่เขียนบทความนี้ก็รถติดอยู่)

2. เวลาไปสถานที่ต่างๆไม่ต้องหาที่จอดรถ และไม่ต้องรถติดอยู่ในอาคารจอดรถ ผมยกตัวอย่างห้างดังๆกลางเมือง เวลาหาที่จอดรถขาไป และติดในอาคารจอดรถขากลับ ถ้าเวลาพีค รวมกันมีเป็นชั่วโมงก็มี

3. ถ้าหากคุณต้องไปทานข้าวหรือสังสรรค์กับเพื่อนในช่วงเย็น และต้องดื่มเครื่องที่มีแอลกอฮอล์ การมีคนขับรถจะทำให้คุณดื่มได้อย่างสบายใจครับ อย่างที่บอกครับว่าเราคงไม่สามารถแก้ปัญหารถติดได้เร็วๆนี้ แต่เราสามารถเอาเวลาที่รถติดมาเพิ่มประสิทธิภาพให้ชีวิต ช่วยทั้งสุขภาพกายและสุขภาพจิตของคุณแน่นอนครับ

“บริการเช่ารถพร้อมคนขับ” (Rent) ที่เป็นบริการใหม่จาก Grab จึงเป็นทางออกของการแก้ปัญหาเรื่องรถติดที่ลงตัวสุดๆครับ

ซึ่งผมเคยคุยกับคนในบริษัท Grab มา ภายในปลายปีนี้ จะขยายบริการนี้ จากตอนนี้ที่เรียกใช้ไปได้แค่ในจังหวัดที่เรียก เป็นเรียกจากกรุงเทพ ไปต่างจังหวัดได้ด้วย