The Rock ชีวิตจริงยิ่งกว่าละคร จากอาชญากร สู่นักมวยปล้ำผู้ยิ่งใหญ่

2852
ชีวิตที่กว่าจะมีวันนี้ของ ดเวย์น จอห์นสัน หรือ เดอะร็อก ที่กว่าจะมาเป็นนักมวยปล้ำระดับซูเปอร์สตาร์ จนกลายมาเป็นนักแสดงแถวหน้าของฮอลลีวูด ต้องผ่านอะไรมาบ้าง
 
ดเวย์น จอห์นสัน หรือชื่อเต็มๆ ดเวยน์ ดักกลาส จอห์นสัน เกิดเมื่อวันที่ 2 พฤษภาคม 1972 ลูกครึ่งแคนาดา อเมริกันที่มีเชื้อสายของชาว ซามัว คุณพ่อมีอาชีพเป็นนักมวยปล้ำดีกรีแชมป์ “รอกกี้ จอห์นสัน” ฉายา Soul Man
 
เพราะชื่อเสียงของครอบครัวของเขาในฐานะนักมวยปล้ำ เลยทำให้มักจะมีเด็กหรือรุ่นพี่อยากจะมาลองดี ท้าสู้กับ ดเวยน์ อยู่บ่อยครั้ง ทำให้หลีกเลี่ยงไม่ได้ที่จะมีเรื่องชกตีอยู่เป็นประจำ แถมคุณพ่อยังสอนวิชาไว้ป้องกันตัวตั้งแต่ยังเด็ก ทำให้ดเวยน์เองก็ไม่กลัวใครเช่นกัน
 
ด้วยความที่พ่อเป็นนักมวยปล้ำ แถมปู่ยังเป็นโปรโมเตอร์อีก ทำให้เขาต้องย้ายโรงเรียนตามคุณพ่อไปอยู่บ่อยๆ แถมยังมีช่วงที่ทางบ้านประสบปัญหาด้านการเงิน จนสุดท้ายไม่มีเงินจ่ายค่าเช่าอพาตเมนต์ ต้องถูกไล่ออกมาจนต้องไปอยู่ข้างถนน
 
เดอะร็อกในวัย 14 ปี ในช่วงหัวเลี้ยวหัวต่อ กำลังเริ่มที่จะโตเป็นหนุ่ม ร่างสูงใหญ่ เขาเปรียบเสมือนพี่ใหญ่หรือหัวหน้าแก๊งในโรงเรียน ครั้งหนึ่งครับเขาเคยรวมกลุ่มกับเพื่อนออกตระเวนวิ่งราวทรัพย์สิน เพราะด้วยวัยที่กำลังซ่า บวกกับชีวิตที่ยากจนในตอนนั้น ไม่มีเงินที่จะซื้อของกิน ถึงขนาดตระเวนวิ่งราวทรัพย์สิน ในย่านสถานที่ท่องเที่ยว ที่เต็มไปด้วยผู้คนท่ีตั้งใจจะมาชอปปิ้ง
 
เขาได้ขโมยกระเป๋าสตางค์ แล้วนำเงินมาใช้ รวมถึงบางครั้งก็เอาของที่ขโมยมาได้ไปขายเพื่อเป็นเงิน มาซื้อของใช้ต่างๆ ให้กับตัวเขาเอง แต่ทว่าท้ายที่สุดเขาก็ถูกจับดำเนินคดี ขึ้นศาลในวัยเด็ก และถูกจับหรือควบคุมตัวมากกว่า 9 ครั้งด้วยกัน เป็นจำนวนที่เยอะมากๆ แต่เขาก็มักจะถูกกักตัวชั่วคราว และถูกปล่อยออกมาทุกครั้งเสมอ
 
เขาให้เหตุผลหลังจากผ่านมาว่า เขาเคยเห็นแม่ของเขาแอบนั่งร้องไห้คนเดียวอยู่ในบ้าน เพราะไม่มีเงินมาเลี้ยงครอบครัว เขาจึงจำใจทำแบบนั้น ด้วยความที่เป็นเด็ก คิดน้อย เลยทำอะไรโดยที่ไม่ได้คิดอย่างรอบคอบ มาวันนี้เขารู้สึกเสียใจและผิดหวังกับการกระทำของตัวเองในวัยเด็กมาก
 
เวลาผ่านไปจนอายุ 16 ปี เขาสูงถึง 193 เซนติเมตรและน้ำหนัก 102 กิโลกรัม ในตอนนั้นเดอะร็อกย้ายโรงเรียนอีกครั้ง มาที่ Freedom Highschool ในเมืองเบธเลเฮม รัฐเพนซิลเวเนีย ด้วยความที่ห้องน้ำโรงเรียนสกปรกมาก ดเวย์นจึงแอบไปเข้าห้องน้ำครูจนโดนจับได้ ทั้งคู่มีปากเสียงกัน
 
จนเมื่อดเวย์นพ่อหนุ่มเลือดร้อนได้ใจเย็นลงแล้วเข้าไปขอโทษครูคนนั้น ซึ่งเขาไม่รู้เลยว่าครูคนนั้นจะเป็นผู้เปลี่ยนชีวิตเขาไปตลอดกาล ครูคนนั้นชื่อว่า “โจดี ชวิค” ที่ชวนเขามาเล่นอเมริกันฟุตบอลจากรูปร่างที่สูงใหญ่
 
ดเวย์นฉายแววจนได้ทุนเรียนต่อมหาวิทยาลัย แต่โชคก็ไม่เข้าข้างเมื่อเขาบาดเจ็บจนไม่มีทีมจาก NFL ทีมไหนเลยมาเลือกตัวเขาไป จนมีทีมจากแคนาดาติดต่อไป แต่ด้วยอาการบาดเจ็บเรื้อรังที่ไม่หายสักที ทำให้เขาโดนเลิกจ้างและปลดออกจากทีมหลังจากร่วมทีมมาได้แค่ 2 เดือนเท่านั้นเอง ดเวย์น เดินทางกลับมาอเมริกาเหลือเงินอยู่แค่ 7 ดอลล่าสหรัฐเท่านั้นเอง
 
เป็นช่วงเวลาที่เขารู้สึกมืดแปดด้าน จนกระทั่งพ่อของเขาประกาศยุติบทบาทมวยปล้ำ และอยากให้ลูกชายมาสานต่อ เขาจึงเริ่มเข้าสู่วงการมวยปล้ำในปี 1996 โดยเดบิวต์ในชื่อ ‘ร็อกกี้ มายเวีย’ ก่อนที่จะเปลี่ยนมาใช้ชื่อเดอะร็อก และการเป็นแชมป์ WWE ทำลายสถิติอายุน้อยที่สุดที่เป็นแชมป์ในวัย 26 ปี
 
ด้วยความที่มวยปล้ำเป็นกีฬา Sport Entertainment หรือเพื่อความสนุก เดอะร็อกที่มีทั้งฝีมือในการปล้ำ และการแสดงทำให้ตัวเขาเหมือนเสือติดปีกที่มีผู้คนชื่นชอบมากมาย ตลอดระยะเวลา 9 ปีในอาชีพมวยปล้ำของดเวย์น เขาเคยเป็นแชมป์โลก 9 สมัย โดยคว้าแชมป์โลกของ WWE มาได้ 7 สมัย และคว้าแชมป์โลก WCW (World Championship Wrestling) มาได้ 2 สมัย
 
ความโด่งดังของเขาในสังเวียนนั้น กรุยทางไปสู่เส้นทางฮอลลีวูด เขาได้รับเกียรติให้ไปเป็นพิธีกรในรายการ “Saturday Night Live” และก็เริ่มสร้างชื่อเสียง จนในปี 2001 ปีแจ้งเกิดอย่างเต็มตัวกับ The Mummy Returns หนังเรื่องแรกของเดอะร็อก และมีหนังออกตามกันมาอย่างที่เราเห็นกันในทุกวันนี้
 
นิตยสาร Forbes ก็ได้ยกให้เขาเป็นนักแสดงนำชายที่มีรายได้มากที่สุดในโลกกับจำนวนเงิน 64.5 ล้านเหรียญสหรัฐ และยังเป็นนักแสดงที่มีค่าตัวแพงที่สุดในโลกอีกด้วย
 
สิ่งที่เรื่องราวของเดอะร็อกบอกกับเราก็คือ ชีวิตที่ไม่ได้โรยด้วยกลีบกุหลาบ ต้นทุนที่ไม่ได้ดีเท่ากับคนอื่น อาจจะล้มเหลว แต่สุดท้าย ถ้าเราไม่ยอมแพ้ และสู้ต่อไป ลองเปลี่ยนเส้นทาง เปลี่ยนวิธีการ แต่ยังคงต่อสู้ด้วยหัวใจที่แข็งแกร่ง และไม่ย่อท้อต่ออุปสรรค ความสำเร็จก็จะเป็นของเราในวันหนึ่ง
 
 
รับฟังเวอร์ชั่น Podcast ได้ที่ https://youtu.be/iiJzePGDq0E
 
 
Advertisements