*สามารถเปิดฟังโดยปิดหน้าจอได้
“เรากำลังทำอะไรอยู่?”
“งานนี้ใช่กับเราจริงหรือเปล่า?”
เมื่อเริ่มทำงานไปสักพัก เชื่อว่ามนุษย์เงินเดือนหลายคนต้องเคยเผชิญกับปัญหาหรือสถานการณ์ที่น่าอึดอัดและสับสนกับหน้าที่การงานที่ทำอยู่ และตั้งคำถามเหล่านี้กับตัวเองอยู่บ่อยๆ หรือเกิดความรู้สึกที่ว่า… อยากลาออกแต่กลัวไม่มีงานรองรับ เบื่อกับรูปแบบงานเดิมๆ ที่ไม่ส่งเสริมการพัฒนา และเมื่อใดก็ตามที่มองไปที่ปฏิทินที่เต็มด้วยตารางงานและนัดลูกค้าก็ยิ่งรู้สึกอึดอัดและหดหู่มากขึ้นเรื่อยๆ แต่กลับไม่หาทางออกหรือวางแผนใหม่สักที
แล้วทำไมหลายคนถึงเลือกที่จะปล่อยให้ปัญหาเหล่านี้ดำเนินต่อไป?
ทำไมถึงยอมให้จิตใจ พลังชีวิต และความฝันค่อยๆ โดยกลืนไปเรื่อยๆ?
หรือเพราะคิดว่ายิ่งเปลี่ยนจะยิ่งวุ่นวายกว่าเดิม อดทนไปก่อน เดี๋ยวก็คงดีขึ้นเอง
ซึ่งสัญญาณเหล่านี้อันตรายมากๆ เพราะหากเรายังใช้ชีวิตเสมือนคนที่ ‘หลงทาง’ ต่อไป ทนทำงานที่ไม่ใช่ ไม่ทำสิ่งที่ชอบ ไม่ใช่เพียงแค่จะไม่มีความสุข แต่เราจะไม่มีโอกาสพัฒนาทักษะความรู้ หรือเจอกับความท้าทายใหม่ๆ มิหนำซ้ำเราจะต้องอยู่กับสิ่งที่ ‘ไม่ใช่’ ไปตลอดชีวิตการทำงานอีกด้วย
ในบทความนี้ Mission To The Moon อยากชวนทุกคนมาตั้งคำถามและหาคำตอบเกี่ยวกับงานที่ทำอยู่กันว่าเป็นงานที่ “ใช่” หรือ “ไม่ใช่” เพื่อตีกรอบเส้นทางอาชีพให้ตัวเอง ก่อนจะสายเกินไป จนต้องทิ้งโอกาสดีๆ และความฝันที่แท้จริงไปอย่างน่าเสียดาย
ทำไมการเข้าใจตัวเอง (Self-Awareness) จึงสำคัญ?
ก่อนจะตอบคำถามต่อไปนี้ได้จำเป็นต้องเข้าใจตัวเอง (Self-Awareness) ก่อนเป็นอันดับแรก เพราะการรู้จักหรือเข้าใจตัวเองจะช่วยให้มองเห็น เข้าใจความเป็นตัวตน ความคิด ความต้องการ และรู้ว่าชอบหรือไม่ชอบอะไรได้ หากเราไม่รู้ความต้องการของตัวเองก็จะเป็นปัญหาต่อชีวิตและการทำงานอย่างมาก เพราะทำให้เราเป็นคนหลงทาง ไม่รู้จะทำอะไรต่อ ไม่รู้สิ่งที่ชอบหรือไม่ชอบ และไม่รู้ว่าทำไปเพื่ออะไร
เมื่อเรารู้จักและเข้าใจสิ่งที่ตัวเองต้องการมากขึ้นแล้ว ลองมาตอบคำถามเหล่านี้กับตัวเองกัน!
1. สิ่งที่เราต้องการคืออะไร?
เชื่อว่าทุกคนต่างมีสิ่งที่อยากเรียนรู้และทักษะที่อยากพัฒนากันอยู่แล้ว และคงจะเป็นเรื่องที่น่ายินดีมากๆ หากเราได้ทำในสิ่งที่ชอบพร้อมกับได้พัฒนาความรู้หรือทักษะที่สนใจ แต่หากยังลังเลกับสิ่งที่กำลังทำอยู่นั้น ลองถามตัวเองว่า… “สิ่งที่ต้องการเรียนรู้และมีส่วนร่วมมีอยู่ในอาชีพที่ทำหรือไม่?” และ “อาชีพที่ทำอยู่ มีสิ่งที่อยากทำให้สำเร็จหรือไม่?”
และหากเราพบคำตอบว่า งานที่ทำอยู่ไม่ตอบโจทย์ความต้องการเท่าที่ควร ไม่เห็นภาพการเติบโตในอนาคตที่ชัดเจน รวมถึงงานไม่ส่งเสริมทักษะความรู้เพื่อไปต่อยอดกับความฝันที่วาดไว้ได้ ก็อาจต้องพิจารณาอีกทีว่างานนี้เหมาะกับเราจริงๆ ไหม หรือถึงเวลาแล้วที่ต้องออกจาก Safe Zone เพื่อหางานที่ตอบโจทย์ได้มากกว่า
2. เป้าหมายของเราคืออะไร?
อย่างที่ทราบกันว่าการมีเป้าหมายจะช่วยให้มีภาพและทิศทางในอนาคตชัดเจนมากขึ้น ในแง่ของการทำงานก็เช่นกัน เพราะการมีเป้าหมายยิ่งช่วยส่งเสริมให้เรามีความเป็นมืออาชีพมากกว่าเดิม และสามารถยืนในองค์กรได้อย่างมั่นคงและยาวนาน ซึ่งเป้าหมายก็ต้องยิ่งใหญ่และชัดเจนด้วยเช่นกัน
แล้วงานที่ทำอยู่ช่วยส่งเสริมเป้าหมายที่เราตั้งไว้หรือเปล่า? ลองตอบคำถามนี้กัน “ทักษะที่คุณได้มาในอาชีพของคุณเป็นสิ่งที่ล้ำค่าของคุณหรือไม่?” โดยบางคนอาจตอบว่าทักษะที่ได้มามีค่ามากๆ เพราะสามารถนำไปประกอบอาชีพได้ตลอดชีวิต ซึ่งเป็นสัญญาณที่ดีไม่น้อยและแสดงว่า “เรามาถูกทางแล้ว” แต่หากใครที่รู้สึกว่าทักษะที่ได้มาไม่ค่อยมีความหมายและไม่ช่วยส่งเสริมอะไรเรา หรือยังตอบคำถามนี้ไม่ได้ อาจเป็นสัญญาณว่าเรากำลังอยู่ผิดที่ผิดทางก็เป็นได้
3. บุคคลต้นแบบของเราคือใคร?
เชื่อไหมว่าหนึ่งในเหตุผลอันดับต้นๆ ที่หลายคนตัดสินใจ ‘ลาออก’ นั้นเกิดจากสังคมในที่ทำงานที่ไม่ช่วยส่งเสริมและมีแต่ทำให้อะไรหลายอย่างแย่ลง ซึ่งการมีสิ่งแวดล้อมที่ดีในที่ทำงานนั้นสำคัญมากๆ เพราะหากทำงานในองค์กรที่เต็มไปด้วยคนเก่ง มีความรู้ความสามารถ ทุกคนสนับสนุนซึ่งกันและกัน และไม่สร้างความลำบากใจให้คนในทีม จะยิ่งทำให้ทั้งตัวเรา เพื่อนร่วมงาน รวมไปถึงองค์กรพัฒนาไปได้อย่างไม่ติดขัด
แล้วเรามีบุคคลที่เป็นแรงบันดาลใจหรือเป็นต้นแบบในการทำงานหรือไม่?
และเคยได้รับคำชมจากการทำงานโดยเพื่อนร่วมงานหรือไม่?
หากเราตอบได้อย่างชัดเจนว่า ‘มี’ แสดงว่างานที่ทำอยู่คือ ‘งานที่ใช่’ สำหรับเรา แต่หากคำตอบคือ ‘ไม่มี’ ทั้งบุคคลต้นแบบหรือคำชมใดๆ จากหัวหน้างานหรือเพื่อนร่วมงาน ทั้งๆ ที่สิ่งที่เราทำนั้นดีและประสบความสำเร็จมากๆ อาจเป็นสัญญาณว่าเรากำลังอยู่ในสังคมที่ไม่ส่งเสริมการเติบโตในหน้าที่การงาน และอาจถึงเวลาที่ต้องหาเส้นทางใหม่ที่เหมาะสมต่อไป
4. งานเข้ากับจังหวะชีวิตของเราไหม?
ทุกคนต่างมี ‘ต้นทุนชีวิต’ และ ‘จังหวะชีวิต’ ที่แตกต่างกันออกไป จึงไม่ผิดและไม่ใช่เรื่องแปลกหากเราทะเยอทะยานและอยากเติบโตในอาชีพอย่างรวดเร็ว เพราะต้องการเงินไปช่วยจุนเจือครอบครัวและลดภาระหน้าที่ต่างๆ
โดยผู้เขียนได้มีโอกาสรับฟังรายการ #อย่าหาว่าน้าสอน ในหัวข้อ “งานที่ดีคืองานที่เข้ากับจังหวะชีวิต” ซึ่งผู้ที่โทรเข้ามาปรึกษามีความกังวลใจระหว่างอาชีพปัจจุบันกับการดูแลคนในครอบครัวที่ป่วย โดยผู้ดำเนินรายการได้อธิบายให้เห็นมุมมองที่น่าสนใจและตั้งคำถามกลับไปว่า “งานกระทบการดูแลครอบครัว” หรือ “การดูแลครอบครัวทำให้กระทบงาน” และชี้ให้เห็นความจริงที่ว่าไม่ควรยึดติดว่างานนี้เป็นงานเดียวของเรา เพราะเราอาจจะโดนไล่ออกเมื่อใดก็ได้ หรือบริษัทอาจจะล้มเลิกกิจการเมื่อใดก็ได้เหมือนกัน และเชื่อว่ายังมี ‘งานที่เข้ากับจังหวะชีวิตของเรา’ อีกมากมายรออยู่
จากคำถามข้างต้น หากใครสามารถตอบได้อย่างชัดเจนทุกข้อก็นับเป็นเรื่องที่น่ายินดีอย่างมาก และเป็นสัญญาณที่ดีว่าเรารู้จักตัวเองและกำลังมาถูกทางแล้ว ได้ทำงานที่ชอบและมีสังคมที่ดีคอยช่วยส่งเสริมชีวิต หน้าที่การงาน และความฝันของเรา อย่างไรก็ตาม หากใครยังตอบคำถามเหล่านี้ได้ไม่ชัดเจนหรือตอบไม่ได้เลย อาจต้องลองพิจารณาว่าสิ่งที่ทำอยู่นั้นช่วยส่งเสริมชีวิต หน้าที่การงาน และความต้องการมากแค่ไหน? และหากคำตอบคือ “ไม่ใช่” แสดงว่าถึงเวลาแล้วที่ต้องหาเส้นทางใหม่ให้เหมาะกับความต้องการ ความฝัน และจังหวะชีวิตของเราต่อไป
เนื้อหาอื่นๆ ที่น่าสนใจ
– เปลี่ยนงานเพื่อชีวิตที่ดีกว่า! รู้จัก The Great Reshuffling เมื่อคนรุ่นใหม่แห่เปลี่ยนงานหลังต้องทนทำงานที่ไม่ใช่ในช่วงโควิด-19
– คุณเป็นหนึ่งในนั้นหรือเปล่า? 5 ปัญหาการทำงานแบบ Matrix Structure ที่ใครๆ ก็เจอ
อ้างอิง:
– เนื้อหาบางส่วนถอดมาจาก Mission To The Moon Remaster EP.61 คุณต้องการอะไรต่อไปในอาชีพการงานของคุณ?
– https://bit.ly/3HXmbAx
– https://bit.ly/3EqatvN
#missiontothemoon
#missiontothemoonpodcast
#softskills