“พรุ่งนี้วันจันทร์”
ประโยคต้องห้ามที่แค่ได้ยินก็ไม่ชอบแล้ว เพราะมันมาพร้อมกับความรู้สึกเบื่อหน่าย งานกองโต เพื่อนร่วมงานหรือเจ้านายที่ชวนปวดหัวและหมดไฟง่ายๆ จนอยากจะหนีไปให้พ้นๆ และทำให้เราเอาแต่นับวันรอว่าเมื่อไรจะถึงวันหยุดเสียที
เชื่อว่ามีคนทำงานจำนวนไม่น้อยที่ตกอยู่ในสถานการณ์แบบนี้ และคงจะไม่ดีแน่ถ้าปล่อยให้ทุกเช้าวันจันทร์ วันเริ่มต้นสัปดาห์ใหม่ เต็มไปด้วยอารมณ์และความคิดเชิงลบ เพราะหากเราเริ่มต้นด้วยความเบื่อหน่ายและหมดไฟตั้งแต่ต้นสัปดาห์ ก็จะส่งผลให้ทั้งสัปดาห์ของเราเป็นแบบนั้นตามไปด้วย
หรือถ้าหากเริ่มต้นได้ดี ก็มีแนวโน้มว่าจะดีไปทั้งสัปดาห์ เหมือนที่เขาพูดกันว่า “Well begun is half done.” หรือ เริ่มต้นดีมีชัยไปกว่าครึ่ง!
เมื่อรู้แบบนี้แล้วมาลองเปลี่ยนสิ่งเล็กๆ เพื่อเปลี่ยน “วันจันทร์ที่น่าเบื่อ” ให้กลายเป็น “วันสุข” กัน!
1. เปลี่ยนทัศนคติต่อวันจันทร์ใหม่
หากเรามัวแต่ “เกลียดวันจันทร์” ก็จะยิ่งทำให้มีแต่ความคิดเชิงลบเต็มไปหมด สุดท้ายการเริ่มต้นสัปดาห์ใหม่ก็จะมีแต่พลังลบมาครอบงำ ดังนั้น การเปลี่ยนมุมมองจึงเป็นสิ่งสำคัญอันดับต้นๆ ที่ควรเริ่มทำก่อน โดยอาจคิดเสียว่าเป็นวันแห่งการเริ่มต้นใหม่อีกครั้ง เรื่องที่ไม่ดีก็ปล่อยให้ผ่านไป อยู่กับปัจจุบันเข้าไว้ เราทำได้!
2. หากิจกรรมเพิ่มพลังยามเช้า
เมื่อเริ่มเปลี่ยนมุมมองใหม่แล้ว ก็ถึงเวลาเพิ่มพลังกายและใจให้พร้อมก่อนการทำงาน ด้วยการทำกิจกรรมเล็กๆ ที่ช่วยให้อารมณ์ดี กระตุ้นความกระฉับกระเฉง และปลุกไฟให้พร้อมรับมือกับเรื่องต่างๆ อย่างการทานอาหารเช้าอร่อยๆ การดื่มกาแฟ อาบน้ำอุ่น วิ่งจ็อกกิง หรือการพูดคุยกับเพื่อนร่วมงาน
ทำไมต้องทำอะไรที่ดีต่อใจก่อน? เพราะการตื่นแล้วรีบทำงานเลยส่งผลให้สมองไม่แล่นและพลังลดลงเร็วมากๆ สำหรับคนที่ทำงานที่บ้าน ลองตื่นให้เร็วกว่าเดิมอีกนิดจะได้มีเวลาทำสิ่งเล็กๆ ที่ดีต่อใจก่อนเริ่มทำงาน ส่วนคนที่ต้องเดินทางฝ่ารถติดหรือเบียดกับผู้คนบนรถไฟฟ้าไปทำงาน หากตื่นเร็วขึ้นอีกนิด ก็ทำให้เราไม่ต้องใช้ชีวิตรีบเร่งตลอดๆ
3. วางแผนทั้งสัปดาห์ล่วงหน้าไว้ก่อน
เชื่อว่าส่วนใหญ่คงรู้งานที่ได้รับมอบหมายคร่าวๆ ในแต่ละสัปดาห์แล้ว จึงอยากแนะนำให้จัดระเบียบและวางตารางงานทั้งสัปดาห์ให้เรียบร้อยในคืนวันอาทิตย์หรือวันจันทร์ เพราะจะช่วยจัดลำดับความสำคัญของงานแต่ละงาน ทำให้รู้ว่ามีเรื่องอะไรบ้างที่ต้องทำ เรื่องไหนจำเป็น เรื่องไหนเลี่ยงได้ รวมถึงช่วยให้เห็นความคืบหน้าในการทำงานอีกด้วย
4. กำหนดเป้าหมายในแต่ละวัน
การกำหนดเป้าหมายในที่นี้ไม่จำเป็นต้องเป็นเป้าหมายที่ใหญ่เสมอไป อาจเป็นสิ่งเล็กๆ ที่สามารถทำสำเร็จได้ภายในหนึ่งวัน ก็นับเป็นการเริ่มต้นที่ดี ช่วยให้เห็นความก้าวหน้าในแต่ละวัน และสร้างแรงจูงใจให้วันต่อๆ ไปอีกด้วย
โดยหลังจากวางแผนทั้งสัปดาห์แล้ว ก็จะรู้ว่าแต่ละวันนั้นมีอะไรต้องทำบ้าง เราอาจแบ่งงานและกำหนดระยะเวลาให้ชัดเจน เช่น
9.00 – 10.00 น. ทำงาน A
10.15 – 11.15 น. ประชุม
11.15 – 12.00 น. ทำงาน B
5. ไตร่ตรองถึงสัปดาห์ที่ผ่านมา
คิดถึงเรื่องราวต่างๆ ที่เกิดขึ้นในสัปดาห์ที่ผ่านมา เช่น เรื่องไหนที่ทำได้ดี เรื่องไหนที่ควรปรับปรุง และเรื่องไหนที่ทำผิดพลาด โดยการไตร่ตรองนี้ทำเพื่อนำข้อผิดพลาดมาเป็นบทเรียนเท่านั้น ไม่ได้มีไว้เพื่อให้เราจมอยู่กับความรู้สึกไม่ดี
เช่น หากพิจารณาแล้วพบว่า รูปแบบการทำงานเหมาะกับเรา แถมยังได้รับคำชมจากหัวหน้า เราก็จะรู้ได้ว่าสิ่งนี้ควรทำต่อไป หรือหากไตร่ตรองแล้วพบว่าการที่เราตอบรับทุกการประชุม ทั้งๆ ที่ไม่ได้เกี่ยวข้องโดยตรงนั้น ส่งผลให้เราทำงานไม่ทัน เราก็จะได้เรียนรู้ว่าครั้งต่อไปต้องตอบรับการประชุมที่จำเป็นเท่านั้น
สุดท้ายหากพบว่าระหว่างวันเครียดหรือกดดันเกินไป ลองหาเวลาผ่อนคลายหรืองีบสัก 10-20 นาที ก็จะช่วยชาร์จพลังกายและใจ ให้พร้อมทำงานต่อและรับมือกับปัญหาต่างๆ ได้อย่างเต็มที่
เราอาจเคยชินกับความรู้สึกเบื่อและเกลียดวันจันทร์กันมาตลอด แต่ก็ใช่ว่าจะเปลี่ยนความรู้สึกเหล่านี้ไม่ได้ เพียงแค่ปรับมุมมอง หาแนวทางที่ใช่ และแก้ปัญหาให้เหมาะสม อาจทำให้เราในคืนวันอาทิตย์ได้พักผ่อนเต็มที่ ไม่เป็นแบบเดิมที่เพียงแค่คิดถึงวันจันทร์ก็อยากจะร้องไห้อีกต่อไป
เนื้อหาอื่นๆ ที่น่าสนใจ :
5 วิธีหนี “Downward Spiral” เพราะวันดีๆ เริ่มต้นที่อารมณ์แรกของวัน: https://bit.ly/3zfbU1i
ชีวิตดีตลอดวันได้ ถ้าทำให้ “ชั่วโมงแรก” ของวันดีที่สุด: https://bit.ly/3G0DoJq
อ้างอิง :
https://bit.ly/3NWjzpe
https://bit.ly/3ziVR2A
https://bit.ly/3Q1BcG8
#missiontothemoon
#missiontothemoonpodcast
#softskill