Active Listening
ในบรรดาทักษะในการสื่อสารทั้งหมด ไม่ว่าจะเป็นการฟัง พูด อ่าน หรือเขียน ‘ทักษะการฟัง’ เป็นการกระทำที่ดูเหมือนจะเป็นสิ่งที่ ‘ไม่ต้องทำอะไร’ (Passive) ที่สุด คนส่วนใหญ่อาจคิดว่าเพียงแค่ฟังอีกฝ่ายพูดเฉยๆ ก็พอแล้ว แต่แท้จริงแล้ว การฟังที่ดี’ไม่ใช่แค่การนั่งฟังเฉยๆ แต่มันคือการทำให้การฟังนั้นกลายเป็น ‘การกระทำ’ หรือเกิดการ Active ขึ้นมา
การฟังแบบแอคทีฟ หรือ Active Listening คือการฟังโดยทำความเข้าใจสิ่งที่อีกฝ่ายต้องการนำเสนอออกมาจริงๆ ประกอบไปด้วยหลักการ 3A คือ
Attitude (ทัศนคติ)
สิ่งแรกที่สำคัญในการฟัง คือ การยอมเปิดใจรับฟังโดยปราศจากอคติ ถ้าเริ่มต้นมาด้วยการมีอคติในใจ อย่างเช่น ไม่ชอบสิ่งนี้อยู่แล้ว หรือคิดมาก่อนแล้วว่าสิ่งนั้นเป็นสิ่งที่ผิด ก็จะทำให้ไม่สามารถรับฟังเรื่องราวทั้งหมดจนจบได้อย่างเข้าใจจริงๆ
Attention (ความสนใจ)
ต่อมา ให้ความใส่ใจเสียงของอีกฝ่าย ตั้งใจฟังสิ่งที่อีกฝ่ายพูด โดยไม่เอาความคิดตัวเองเป็นใหญ่ รอฟังเหตุผลและเรื่องราวทั้งหมดของอีกฝ่ายให้จบก่อนนำมาคิดและประมวลผลตาม
Adjustment (การปรับตัว)
หลังจากรับฟังทุกอย่างเรียบร้อยแล้ว ควรมีการปรับอารมณ์และความคิดให้เหมาะสม ในการเลือกวิธีการตอบกลับหรือแสดงความคิดเห็นเพิ่มเติม ผ่านการพิจารณาจากการประเมินสิ่งที่ได้รับฟัง นำไปสู่การเรียนรู้ หรือเปลี่ยนแปลงใดๆ ตามมา
ในด้านการทำงาน การมีทักษะ Active Listening คือจุดเริ่มต้นสำคัญในการนำไปพัฒนาทักษะอื่นๆ ต่อไป เพราะการมองเห็นแง่มุมใหม่ๆ ของคนอื่นๆ ก็เป็นการช่วยเสริมสร้างทั้งความคิดสร้างสรรค์ การแก้ไขปัญหา และปรับใช้ในการจัดการสิ่งต่างๆ เพื่อพัฒนาตนเองต่อไปได้อีกด้วย อีกทั้งการเป็นผู้ฟังที่ดียังเป็นสิ่งสำคัญในการทำงานร่วมกับผู้อื่น เมื่อต้องทำการตัดสินใจหรือระดมความคิดในการวางแผนงานบางสิ่งบางอย่างร่วมกัน เพื่อให้ได้ไอเดียอื่นๆ ที่กว้างไกลไปกว่านำไอเดียมาจากแค่คนใดคนหนึ่ง
การเป็น Active Listener นอกจากจะมีประโยชน์ในการทำงานแล้ว การเป็นผู้ฟังที่แอคทีฟ ยังเป็นประโยชน์ในการสร้างความสัมพันธ์อันดีกับผู้อื่นอีกด้วย โดยเฉพาะอย่างยิ่งในช่วงนี้ที่ผู้คนเต็มไปด้วยความเครียด ความกังวล และความกดดันจากหลากหลายสาเหตุ กำลังใจที่ดีที่ได้จากการพูดคุย หรือการระบายความคิดความรู้สึกให้ใครสักคนฟังได้อย่างสบายใจ ก็เป็นสิ่งที่คนที่กำลังเผชิญปัญหาต่างๆ อยู่อาจต้องการที่สุด ไม่ว่าจะอยู่ในความสัมพันธ์ในรูปแบบใด ตั้งแต่คนร่วมงาน เพื่อน หรือคนรักก็ตาม
อย่างการจะเลือกคนรักเพื่ออยู่เคียงข้างสักคน คงไม่มีใครอยากมีแฟนที่พูดไป เขาก็ไม่เคยตั้งใจฟัง จำไม่ได้แม้แต่ว่าเราเคยเล่าอะไรให้ฟังไปตอนไหน หรือถ้าเป็นแฟนกันแล้วไม่ฟังกัน ต่างคนต่างเอาชนะ เอาความเห็นตัวเองเป็นใหญ่ มีแต่ผู้พูด ไม่มีผู้ฟัง ไม่มีใครเปิดใจยอมรับหรือปรับเปลี่ยนเพื่อทำความเข้าใจกันและกัน นี่ก็คงจะมีแต่ทำให้ความสัมพันธ์นั้นบั่นทอนลงไปไม่น้อยเลยทีเดียว
เพราะนอกจากการเป็นผู้พูดที่ดีแล้ว การเป็นผู้ฟังที่ดีก็สำคัญไม่แพ้กัน
Active Listening จึงไม่ใช่แค่การ ‘ได้ยิน’ เสียงที่เพียงแค่ผ่านมาแล้วก็ผ่านไป แต่คือการ ‘ได้ฟัง’ เสียงที่ถ่ายทอดออกมาจากความรู้สึกก้นบึ้งของจิตใจจริงๆ
หลังจากนี้ เราลองหันมา ‘ตั้งใจ’ รับฟังเสียงของคนรอบข้างกันให้มากขึ้น เพราะถ้าเราทุกคนตั้งใจฟังเสียงของกันและกันมากกว่านี้ เราก็คงจะมีความเข้าใจกันมากยิ่งขึ้นไปอีกในทุกๆ วัน
วันนี้คุณได้ฟังเสียงของคนข้างๆ คุณบ้างแล้วหรือยัง?
แปลและเรียบเรียง:
https://bit.ly/2U1pByO
https://bit.ly/3hzADnE
#missiontothemoon
#missiontothemoonpodcast
#selfimprovement
#softskill