5 บทเรียนชีวิต ช่วยสร้างความมั่นคง มั่นใจ ภายใต้ความไม่แน่นอน

1394
1920-uncertain mission to the moon x CP

Mission To The Moon x CP

หากให้แต่ละคนบรรยายความรู้สึกต่อปีนี้ เชื่อว่าหลายๆ คนก็คงรู้สึกแบบเดียวกันว่าเป็นปีที่ไม่ง่ายและเป็นปีที่ท้าทายมากๆ สำหรับทุกคน

ทั้งเรื่องของการระบาดครั้งใหม่ วิกฤตเศรษฐกิจ หน้าที่การงานที่ไม่มั่นคง การล็อกดาวน์ และความกังวลเรื่องสุขภาพของทั้งตัวเราเอง และของคนในครอบครัว

Advertisements

สิ่งที่อยากจะให้ทุกคนบอกกับตัวเองในต้นปี 2022 นี้คือ ถึงแม้ว่าปีที่ผ่านมาจะยากลำบากแค่ไหน แต่ก็อย่าลืมที่บอกตัวเองว่าเราเก่งมาก และเยี่ยมมากที่ผ่านปีที่แสนสาหัสนี้มาได้ ขอบคุณตัวเองที่อดทนและไม่เคยหยุดพยายาม

สถานการณ์ที่เกิดขึ้นเป็นเวลาเกือบสองปีมานี้ ได้สอนบทเรียนชีวิตให้กับเรามากมาย ไม่ว่าจะเป็นบทเรียนทางด้านชีวิต ทางด้านการเงิน ทางด้านความสัมพันธ์ และทางด้านสุขภาพ สิ่งที่เราควรจดจำคือ จำไว้ว่าเราเจออะไร เตรียมพร้อมและปรับตัวให้เป็น เพราะแน่นอนว่าเราก็จะยังคงอยู่กับความ “ไม่แน่นอน” นี้ไปอีกนาน ไม่ว่าจะเป็นไม่แน่นอนจากการระบาด หรือจะเป็นความไม่แน่นอนจากการที่โลกและสภาพสังคมเปลี่ยนไปอย่างรวดเร็ว

ทำให้วันนี้เราก็จะพาไปดู 5 วิธีที่จะช่วยให้เรา “อยู่กับความไม่แน่นอน” ที่จะเกิดขึ้นในอนาคตกัน

1. อย่ามัวแต่คาดหวัง แต่ให้วางแผนและลงมือทำ

แน่นอนว่าในปีที่ผ่านมานั้น เชื่อว่าหลาย ๆ คนคงมีเป้าหมายที่จะทำให้สำเร็จ มีความคาดหวังที่อยากจะคว้ามาให้ได้ เพื่อที่จะสร้างความแน่นอน ความมั่นคง หรือแม้กระทั่งความสุขให้กับตัวเองบนความไม่แน่นอนที่เกิดขึ้น แต่สุดท้ายสิ่งที่เราคิดไว้ อาจเป็นแค่ความคาดหวังของเราเท่านั้น ไม่ได้กลายเป็นความจริง เพราะเรา “ไม่ยอมลงมือทำ”

อย่างที่หลาย ๆ คนพูดกันว่าให้คิด 20% และให้ทำ 80% เพราะแน่นอนว่าถึงแม้ว่าเราจะวางแผนดีสักแค่ไหน คิดมาดีสักแค่ไหน แต่หากขาดการลงมือทำ ก็ย่อมไม่มีทางไปถึงเป้าหมายได้ ดังนั้นถ้าหากในปีที่ผ่านมาใครที่ปล่อยให้โอกาสหลุดลอยไป ในปีนี้ ก็อย่ามัวแต่ลังเล ลองทำอะไรที่เป็นชิ้นเป็นอันดูบ้าง เพื่อที่จะไปถึงความคาดหวังที่เราได้ตั้งไว้กัน

2. เตรียมตัวให้พร้อมรับสถานการณ์ต่าง ๆ

ปฏิเสธไม่ได้ว่าเมื่อเราอยู่ภายใต้สถานการณ์ที่ไม่แน่นอน ความยากของมันก็คือการที่เราไม่สามารถที่จะควบคุมสิ่งต่าง ๆ ไม่ให้เกิดขึ้นได้ หรือไม่สามารถเตรียมรับมือได้ล่วงหน้า
แต่ก็ใช่ว่าจะไม่มีทางรับมือกับความไม่แน่นอน เพราะเราสามารถที่จะ “วางแผนและเตรียมพร้อม” ผ่านการเรียนรู้จากประสบการณ์ของคนอื่น นำมาปรับใช้กับสถานการณ์ที่เราเจอ

และสิ่งที่สำคัญที่สุดที่จะช่วยให้เราผ่านสถานการณ์ที่ไม่แน่นอนเหล่านี้ไปได้คือ การที่ตัวเราเองจะต้องมี “ทักษะแห่งความยืดหยุ่น” หนึ่งในทักษะที่สำคัญในยุคนี้ ที่จะช่วยให้เราสามารถที่จะล้ม ลุก เรียนรู้ และปรับตัวได้อย่างรวดเร็ว เมื่อเจอสถานการณ์ใหม่ ๆ

อย่างสถานการณ์การระบาดของโควิด-19 ก็เป็นอีกสถานการณ์ที่เราต่างก็ไม่มีใครเคยคาดคิดมาก่อนว่าจะเกิดขึ้น แต่ตอนนี้เชื่อว่าทุกคนก็ได้รับบทเรียนเอง หรือได้เห็นบทเรียนที่คนอื่น ๆ ได้พบเจอ ไม่ว่าจะเป็นปัญหาทางธุรกิจ จากการหยุดชะงักทางเศรษฐกิจ ทำให้ใครหลาย ๆ คนเตรียมแผนทางธุรกิจ รวมถึงแผนทางการเงินที่รัดกุมมากขึ้น เพิ่มสายป่านให้ยาวขึ้น เพื่อเตรียมรับกับความเสี่ยงในอนาคตที่ยังมาไม่ถึงนั่นเอง

3. นึกถึงสถานการณ์ที่เลวร้ายที่สุดไว้ก่อน

ต่อยอดจากข้อที่ 2 ที่เราได้พูดถึงการเตรียมตัวไป ในข้อนี้เราก็จะพูดถึงหนึ่งในกระบวนการคิดที่หลายๆ คนนำมาใช้ในการรับมือกับสถานการณ์ต่าง ๆ กัน ซึ่งก็คือสิ่งที่เรียกว่า “Defensive Pessimism” หรือ “การมองโลกในแง่ร้ายเชิงป้องกัน”

ถึงแม้ว่าชื่อของมันจะดูไม่เป็นมิตรต่อความคิดของเราสักเท่าไหร่ แต่การมีมุมมองกลยุทธ์เช่นนี้ก็มีประโยชน์อยู่บ้าง ซึ่งการมองโลกแบบนี้เป็นการมีมุมมองต่อเรื่องหนึ่งในแง่ลบไว้ก่อน หรือในทางหนึ่งอาจหมายความว่า เป็นการนึกถึงสถานการณ์ที่แย่ที่สุดที่อาจเกิดขึ้นเอาไว้ก่อน อย่างที่เราเรียกกันแบบติดปากว่า “Worst-Case Scenario” นั่นเอง

แล้วการคิดแบบนี้ดีอย่างไรภายใต้สถานการณ์ที่ไม่แน่นอน?

Advertisements

การคิดแบบนี้จะทำให้เรานั้นคิดและวางแผนล่วงหน้าถ้าหากเหตุการณ์ที่เลวร้ายที่สุดจะเกิดขึ้น หาทางออกของปัญหาที่รัดกุมที่สุด และเตรียมพร้อมตัวเองให้พร้อมที่สุดเอาไว้ก่อน เพื่อที่ถ้าหากสถานการณ์นี้เกิดขึ้นจริง ในระดับความรุนแรงที่เราคาดไว้หรือระดับที่น้อยกว่า เราก็จะสามารถรับมือกับมันได้อย่างง่ายดายมากยิ่งขึ้น และไม่ตื่นตระหนกมากเท่าไหร่

4. สังเกตความรู้สึกของตัวเองให้ดี

แน่นอนว่าในสถานการณ์ที่ไม่แน่นอน โดยเฉพาะในปัจจุบันที่การระบาดยังคงเกิดขึ้นทั่วโลก อีกสิ่งสำคัญที่ไม่ควรละเลย แต่หลายๆ คนกลับมองข้ามก็คือ เรื่องของ “ตัวเอง” เพราะในช่วงเวลาเช่นนี้ ความกดดัน ความเครียด ก็มักจะถาโถมเข้ามา จนอาจก่อเป็นความรู้สึกที่ส่งผลเสียต่อสุขภาพจิตของเราในระยะยาวได้ และอาจทำให้เรารับมือกับเรื่องต่าง ๆ ได้แย่ลง

ดังนั้นสิ่งที่ควรทำคือ การลองหันกลับมาสังเกตความรู้สึก ความนึกคิดของตัวเองเป็นช่วงๆ แล้วค่อย ๆ หาทางรับมือกับความรู้สึกเหล่านั้น อย่าปล่อยความรู้สึกไม่ดีอยู่กับเรานาน และถ้าหากเราสามารถที่จะก้าวข้ามผ่านความรู้สึกแย่ ๆ เหล่านั้นมาได้ ลองนั่งลง ประเมินว่าตัวเราผ่านมาได้อย่างไร และเรียนรู้ที่จะปรับใช้มันกับครั้งหน้า

การที่เราทำกระบวนการเหล่านี้จะช่วยให้เรานั้นมี “ภาวะทางอารมณ์และความรู้สึกที่แข็งแกร่งขึ้น” และเมื่อเรามีความแข็งแกร่งทางความรู้สึก และมีความมั่นใจที่มากขึ้น แน่นอนว่าก็จะส่งผลทางใดทางหนึ่งให้เราสามารถรับมือกับสถานการณ์ต่างๆ ที่อาจถาโถมเข้ามาในอนาคตได้ดีขึ้นเช่นกัน

5. โฟกัสในสิ่งที่เราควบคุมได้

หลายครั้งหลายคราที่เรามักจะมองข้ามสิ่งที่เราสามารถทำได้หรือสิ่งที่เราควบคุมได้ ที่จะทำให้เรื่องต่าง ๆ ง่ายขึ้น แต่เรากลับไปโฟกัสที่สิ่งใหญ่ ๆ ที่เราไม่สามารถที่จะทำอะไรกับมันได้เลย แต่รู้ไหมว่าบางที สิ่งเล็ก ๆ ที่เราละเลยอาจมีพลังมหาศาลและสร้างความเปลี่ยนแปลงได้อย่างมาก

ซึ่งคล้ายๆ กับแนวคิดจากหนังสือเรื่อง Atomic Habits ที่พูดในทำนองเดียวกันถึงการกระทำเล็กๆ ที่ทำอย่างสม่ำเสมอ จนสามารถสร้างผลลัพธ์อันยิ่งใหญ่ในท้ายที่สุด ที่สามารถนำไปปรับใช้ได้กับแทบจะทุกมิติของชีวิต ไม่ว่าจะเป็นการทำงาน การลงทุน การก้าวไปถึงเป้าหมาย หรือแม้แต่การเปลี่ยนนิสัยของตัวเราเอง

ดังนั้นในปีที่จะถึงนี้และในอนาคตอันใกล้ เราลองหันกลับมาให้ความสำคัญกับการกระทำเล็ก ๆ ที่เราอาจจะคิดว่ามันไม่สำคัญสักเท่าไหร่ แต่เมื่อเราเก็บสะสมมันไปเรื่อย ๆ โฟกัสกับมันมากขึ้น การกระทำเล็ก ๆ เหล่านี้อาจจะกลายเป็นความสำเร็จอันยิ่งใหญ่ก็ได้

ภายใต้สถานการณ์ที่ยังมีความไม่แน่นอนสูง แต่เราก็อยู่กับมันมาราว ๆ 2 ปีได้แล้ว เชื่อว่าหลายคนคงได้บทเรียนอันล้ำค่าจากเหตุการณ์เหล่านี้ไปไม่น้อย ทำให้เราอาจจะต้องเตรียมพร้อมมากขึ้น ใช้ชีวิตด้วยความระมัดระวังมากขึ้น และหันกลับมาใส่ใจในตัวเองมากขึ้น เพื่อที่จะก้าวไปข้างหน้าสู่ความเป้าหมายได้อย่างมั่นคงและยั่งยืน ที่ไม่ว่าจะเจอกับสถานการณ์ใดก็ตาม ก็สามารถที่จะยืดหยัดและสู้ต่อไปได้

“สู้ให้สุด ไม่หยุดก็ไม่แพ้”

ถึงแม้ในปีที่ผ่านมาจะยากและลำบากสักเพียงใด ก็ขอให้ทุกคนอย่าหมดหวังและสู้ต่อไป อย่างทาง CP ก็ได้มีแคมเปญ “สู้ให้สุด ไม่หยุดก็ไม่แพ้” ออกมา เพื่อเป็นกำลังใจให้กับทุกคนที่จะยึดมั่น ฮึดสู้ เรียนรู้จากบทเรียนที่เราได้เผชิญกันมา และเตรียมตัวรับกับสถานการณ์ที่ไม่แน่นอน เพื่อที่จะก้าวไปสู่ความสำเร็จให้ได้ในวันหนึ่ง

โดยภายใต้แคมเปญนี้ได้ยกเรื่องราวของ “เทนนิส” นักกีฬาเทควันโด เหรียญทองโอลิมปิก มาเป็นแรงบันดาลใจให้ทุกคนสู้ต่อไป เพราะภายใต้ความสำเร็จที่ยิ่งใหญ่ ก็เกิดมาจากก้าวเดินเล็ก ๆ ในแต่ละวัน ที่ได้อดทน ทำการฝึกซ้อม เตรียมตัว ผ่านความล้มเหลว ความกดดัน และความเจ็บปวดมานับไม่ถ้วน จนวันหนึ่งความพยายามและไม่ย่อท้อเหล่านี้ ก็ได้กลายมาเป็นความสำเร็จอันยิ่งใหญ่ในที่สุด

เปรียบเสมือนการเดินทางของเราหลาย ๆ คน ที่แม้จะเจอกับสถานการณ์ที่ไม่เป็นใจ ก็อย่าท้อถอย ขอแค่ตั้งหลักให้ดี มองคิดวิธีแก้ไขปัญหา สร้างกำลังใจให้ตัวเองเตรียมพร้อมที่จะสู้ต่อ เพื่อให้ฝ่าฟันปัญหาต่าง ๆ และผ่านพ้นอุปสรรคที่เกิดขึ้นได้ในที่สุด

ซึ่งในช่วงสถานการณ์โควิด-19 ที่เกิดขึ้น เรื่องของ “คุณภาพอาหาร” และ “ความปลอดภัย” ก็เป็นอีกส่วนสำคัญที่สุดของชีวิตคนเรา ทำให้ทาง CP ยังคงมุ่งมั่นตั้งใจที่พัฒนาการผลิตอาหาร ภายใต้ 3 แกนหลัก “Innovation, People, Planet” เพื่อที่จะส่งต่ออาหารที่ดี ปลอดภัยและมีคุณภาพ เพื่อเป็นพื้นฐานสำคัญในชีวิต ให้คนไทยทุกคนก้าวไปสู่เป้าหมายในการดำเนินชีวิตพร้อมกับการมีชีวิตที่ดีและมีคุณภาพ แม้ว่าจะมีอะไรเกิดขึ้น ทาง CP ก็ขอเป็นกำลังใจ และจะสู้เคียงข้างต่อไปกับคนไทยทุกคน

Advertisements

ทิ้งคำตอบไว้

กรุณาใส่ความคิดเห็นของคุณ!
กรุณาใส่ชื่อของคุณที่นี่