“ชื่อเสียงและความน่าเชื่อถือ” แน่นอนว่าเป็นเรื่องที่กินไม่ได้ แต่จำเป็นต่อการทำมาหากินและการดำรงชีวิตในสังคมมนุษย์เป็นอย่างมาก
อย่างที่วอร์เรน บัฟเฟตต์ (Warren Buffet) นักลงทุนชื่อดังของโลก เคยกล่าวไว้ว่า “It takes 20 years to build a reputation and five minutes to ruin it. If you think about that, you’ll do things differently.”
“เราใช้เวลากว่า 20 ปีในการสร้างชื่อเสียง และใช้เวลาเพียง 5 นาทีในการทำลายมัน ถ้าคุณคิดในแง่มุมนี้ คุณจะทำเรื่องต่างๆ เปลี่ยนไป”
.
ชื่อเสียงนับว่าเป็นสิ่งที่สร้างได้ยากมากๆ แต่ในขณะเดียวกันก็ถูกทำลายได้ง่ายมากจริงๆ ดังนั้น เพื่อที่เราจะไม่ต้องมาปวดใจกับเรื่องแบบนี้ เราควรจะมีหลักการที่มาปรับใช้กับชีวิตจริงสักหน่อยครับ
ถ้าไม่แน่จริงอย่าตอบตกลง
มีคำกล่าวว่า “คำพูดเป็นสิ่งที่ถ้าเรายังไม่พูดเรายังเป็นนายมัน แต่ถ้าหลุดออกจากปากเราไปแล้วมันจะเป็นนายของเราทันที”
ไม่มีอะไรที่จะทำลายชื่อเสียงและความน่าเชื่อถือของเรา ได้เท่ากับการพูดแล้วทำไม่ได้อย่างเป็นนิสัยอีกแล้ว ดังนั้นถ้าไม่แน่ใจจริงๆ อย่าตอบตกลง ทำให้บางทีการมี Default Mode เป็นการ “ปฏิเสธ” ไว้เสมอ ก็อาจจะเป็นเรื่องที่ทำให้ชีวิตของเราดีกว่าเดิมด้วยซ้ำ
โดยวอร์เรน บัฟเฟตต์ (อีกแล้ว) เคยกล่าวไว้ว่า “The difference between successful people and really successful people is that really successful people say no to almost everything.”
“สิ่งที่แตกต่างระหว่างคนที่ประสบความสำเร็จ กับคนที่ประสบความสำเร็จมากๆ คือคนที่ประสบความสำเร็จมากๆ พูดปฏิเสธกับเกือบทุกๆ เรื่อง”
การปฏิเสธเกือบทุกเรื่อง หรืออีกนัยหนึ่งคือการตกลงเฉพาะเรื่องที่คิดแล้วจริงๆ นอกจากจะทำให้เราโฟกัสมากขึ้นแล้ว ยังทำให้เรามีโอกาสผิดคำพูดน้อยลงด้วย บางทีมันอาจจะมีบ้างที่เราอาจจะทำไม่ได้ตามสัญญาทุกอย่าง แต่อย่างไรก็ตาม ขอให้เหตุการณ์แบบนี้เกิดขึ้น “น้อยที่สุด” และที่สำคัญคือ อย่าให้การ “ไม่รักษาคำพูด” กลายเป็นนิสัยของเราเด็ดขาด ไม่ว่าเรื่องจะเล็กน้อยแค่ไหนก็ตาม
และถ้าตกลงแล้ว ก็ต้องพยายามทำให้ได้เสมอ เพราะนี่คือราคาในการรักษาชื่อเสียงหรือความน่าเชื่อถือของเราไว้ เช่น ถ้ายืมเงินใครมาก็ต้องคืนให้ครบเสมอ เป็นต้น เพราะถือว่านี่คือเรื่องที่เราได้ตกลงรับปากไว้แล้ว ดังนั้น ถ้าเมื่อไรเราคิดจะผิดคำพูด อย่าลืมคิดต้นทุนเรื่องชื่อเสียงไว้ด้วยครับ เพราะมันมีราคาที่แพงมากจริงๆ
เมื่อโพสต์อะไรในโซเชียลมีเดียให้นึกว่าจะมีคนแคปหน้าจอไว้เสมอ
ในสมัยนี้ เรื่อง Digital Footprint (ร่องรอยบนโลกดิจิทัล) ไม่ใช่เรื่องเล่นๆ เพราะว่าหลายครั้งที่เราแสดงความคิดเห็นอะไรออกไปโดยอาจจะไม่ได้คิดให้รอบคอบเสียก่อน เมื่อเวลาผ่านไปความคิดเห็นพวกนั้นจะกลับกลายเป็นหอกกลับมาทิ่มแทงตัวของเราเอง ซึ่งในกรณีแบบนี้มีตัวอย่างให้เราเห็นกันค่อนข้างมาก โดยเฉพาะคนที่มีแผนที่จะเล่นการเมืองในอนาคต
แน่นอนว่าเราสามารถมีความคิดเห็นได้กับทุกเรื่องนะครับ แต่เราก็ต้องเข้าใจผลลัพธ์ของมันเช่นกัน
เมื่ออยู่ในที่สาธารณะให้นึกว่ามีคนถ่ายคลิปไว้เสมอ
หากยกตัวอย่างให้เห็นภาพ คงต้องยกตัวอย่างการขับรถท่ามกลางการจราจรในเมืองไทย โดยเฉพาะในเมืองใหญ่ๆ เรียกได้ว่าการขับรถนั้นไม่ธรรมดาและท้าทายมากที่สุดเมืองหนึ่งของโลกเลยก็ว่าได้
ทำให้เราก็มักจะเห็นการกระทบกระทั่งกันบนท้องถนนอยู่ตลอด แต่หลายครั้งเหตุการณ์มักไม่จบแค่การบีบแตร แต่กลายเป็น Road Rage หรือภาวะโกรธแบบเดือดดาลแบบเต็มรูปแบบบนท้องถนน ทำให้บ่อยครั้งเรามักจะเห็นเรื่องที่ไม่ควรเกิดบนท้องถนนกลายเป็นคลิปไวรัลบนโซเชียลมีเดียอยู่เสมอ
ดังนั้น ถ้าเราไม่ได้อยู่ในพื้นที่ส่วนตัว เราจะต้องระมัดระวังตัวเสมอครับ
ระวังเวลาดื่ม
เรามักจะเห็นคนเสียผู้เสียคนตอนเมากันมาเยอะแล้ว แต่ที่เพิ่มเติมคือ สมัยนี้เรามีการ “ถ่ายคลิป” ดังนั้น ถ้าเรารู้ตัวว่าจะเมา ก็ต้องระมัดระวังตัวเช่นกัน
ระวังอย่างที่หนึ่งคือ “ระวังอย่าจับโทรศัพท์ตอนเมา” เพราะตอนเมา เรามีโอกาสสูงมากที่จะโทรหาคนที่เราไม่น่าโทรหรือปกติก็ไม่อยากโทร หรือพิมพ์อะไรที่ถ้าตอนเรามีสติดี เราก็จะไม่พิมพ์
ระวังที่สองคือ “ระวังอาการ” อย่างที่บอกไปครับว่าที่สาธารณะต้องคิดไว้เสมอว่าอาจจะโดนถ่ายคลิปได้ และในปัจจุบัน อย่างที่เราก็เห็นกันว่าก็มีคนโดนอยู่เรื่อยๆ ซึ่งบางทีก็ร้ายแรงไปถึงขั้นเสียการเสียงานและโดนไล่ออกกันมาแล้ว
ระวังที่สามคือ “ระวังพูดอะไรที่เราจะเสียใจภายหลัง” ดังนั้นเราจะเห็นว่าคนที่ระวังเรื่องชื่อเสียงมากๆ ถ้าดื่มในที่สาธารณะก็จะพยายามรักษาสติเสมอ หรือไม่ก็กลับไปดื่มที่บ้านกับเพื่อนฝูงที่ไว้ใจได้ ที่เวลาเราจะเมาแค่ไหนก็ไม่มีใครว่า
“A reputation once broken may possibly be repaired, but the world will always keep their eyes on the spot where the crack was.”
โจเซฟ ฮอลล์ (Joseph Hall) “การกู้ชื่อเสียงที่พังลงนั้นอาจทำได้ก็จริง แต่โลกจะจับตามองในเรื่องนั้นอยู่ตลอดไป”
#missiontothemoon
#missiontothemoonpodcast
#society
