SOCIETY“ที่นี่เราสบายๆ ค่ะน้อง” รู้จัก Flex Washing เมื่อบริษัทขายฝันด้วยคำว่า “ยืดหยุ่น”

“ที่นี่เราสบายๆ ค่ะน้อง” รู้จัก Flex Washing เมื่อบริษัทขายฝันด้วยคำว่า “ยืดหยุ่น”

ทำงานแบบ Flexible ไม่ต้องยึดตามเวลาปกติ
เลือกเวลาทำงานได้เอง
WFH 80% ไม่จำเป็นต้องเข้าออฟฟิศ

ประมาณ 2-3 ปีที่ผ่านมา หากใครที่อยู่ในตลาดหางาน หรือบังเอิญได้เห็นโพสต์ประกาศหางานของบริษัทต่างๆ เชื่อว่าทุกคนต้องเคยเห็นสวัสดิการที่แสดงให้เห็นถึง “ความยืดหยุ่น” เหล่านี้มาบ้างอย่างแน่นอน

โดยมีสถิติจาก ​​FlexJobs บอกว่า กว่า 77% ของคนทำงานบอกว่าพวกเขาจะเลือกอยู่กับบริษัทต่อถ้าหากว่าพวกเขาได้ทำงานในเวลาที่ยืดหยุ่นขึ้น นอกจากนี้ มีผลสำรวจจาก IWG (International Workplace Group) ในปี 2019 ที่บอกว่า 80% ของคนทำงานทั่วโลกปฏิเสธที่จะเข้าทำงานในบริษัทที่ไม่มีความยืดหยุ่นในกับพวกเขา ซึ่งดูเหมือนว่า “ความยืดหยุ่น” จะเป็นสิ่งสำคัญที่แรงงานในยุคนี้ให้ความสำคัญที่สุด

ไม่ว่าจะเป็น​​การทำงานแบบ Hybrid Work, Remote Work หรือ Flexible Hour บริษัทต่างๆ เองก็พยายามปรับตัวกันอย่างต่อเนื่องเพื่อที่จะรองรับความต้องการของเหล่าคนทำงานยุคใหม่ ดึงดูดพนักงานใหม่ๆ เข้ามา รวมถึงรักษาคนให้อยู่กับบริษัทต่อ แต่คำถามสำคัญคือสวัสดิการเหล่านั้นจะสามารถทำได้จริง หรือเป็นเพียงแค่การขายฝันกันแน่

Flex Washing เมื่อบริษัทขายฝันด้วยคำว่า “ยืดหยุ่น”

Flex Washing คือการที่บริษัทนั้นพยายามย้อมแมวภาพลักษณ์ของบริษัทตัวเอง ด้วยการพยายามสื่อสารกับคนภายนอกว่าบริษัทนี้มีความ “ยืดหยุ่น” ในการทำงานมากมาย ด้วยการตั้งนโยบายการทำงานใหม่ๆ ที่มีความยืดหยุ่นสูงเช่น Hybrid หรือ Work From Anywhere ไปจนถึง Flexible Hour แต่ในความเป็นจริงนั้นพนักงานกลับไม่มีความยืดหยุ่นในการทำงานเอาเสียเลย ยังต้องตื่นมาทำงานตั้งแต่เช้า ยังต้องฝ่ารถติดเข้าออฟฟิศทุกวัน แถมซ้ำร้าย โดนคำว่า Flexible ย้อนกลับมาทำร้ายตัวเองด้วยการต้องทำงานนอกเวลาอย่างไม่มีค่าตอบแทนอีกต่างหาก

Holger Reisinger เป็นรองประธานอาวุโสของ Jabra บอกว่า Flex Washing นั้นคล้ายคลึงกับการ “ย้อม” อื่นๆ ของบริษัทต่างๆ ทั่วโลกอย่าง Rainbow Washing ที่บริษัทพยายามเปลี่ยนโลโก้บริษัทหรือมีโปรโมชันออกมาเพื่อแสดงถึงการสนับสนุนกลุ่มคน LGBT หรือ Green Washing ที่หลายบริษัทชอบออกนโยบายหรือมีการ Storytelling ว่าบริษัทของตัวเองนั้นมีความใส่ใจต่อสิ่งแวดล้อมมากแค่ไหน ซึ่ง Flex Washing เองก็ไม่ต่างกัน เพราะว่าบริษัทในปัจจุบันมักเคลมว่าตัวเองนั้นสามารถมอบความยืดหยุ่นในการทำงานให้กับพนักงานได้ แต่พอถึงเวลางานจริงๆ แล้วกลับทำไม่ได้อย่างที่พูดนั่นเอง

โดยทาง Holger Reisinger เล่าต่อว่า นโยบายการทำงานแบบยืดหยุ่นหรือไฮบริดของหลายบริษัทนั้นยังคงมาพร้อมกับข้อผูกมัดบางอย่างอยู่ เช่น ต้องเข้าออฟฟิศ 1-2 วันต่อสัปดาห์ หรือต้องแสดงให้เห็นว่าตัวเองออนไลน์อยู่ในเวลางานแบบปกติ (9.00 – 17.00) ซึ่งทาง Reisinger บอกว่า นโยบายเหล่านี้ไม่ใช่นโยบายที่ยืดหยุ่นอย่างแท้จริง

ซึ่งคนทำงานจำนวนมากต้องประสบกับปัญหาดังกล่าวนี้ เนื่องจากว่าพวกเขาหลายคนเข้าใจว่าตัวเองนั้นจะเป็นผู้เลือกเวลาทำงานเอง แต่กลับกลายเป็นแท้จริงแล้วมันเป็นเพียงแค่ ตัวเลือกให้พนักงานสามารถทำงานจากที่บ้านแค่หนึ่งถึงสองครั้งต่อสัปดาห์เท่านั้น

จากรายงานของ Hybrid Ways of Working Report 2022 ของ Jabra นั้นบอกว่า มีพนักงานเพียง 20% จากทั่วโลกเท่านั้นที่มีอิสรภาพและความยืดหยุ่นในการเลือกเวลาการทำงานของตัวเองอย่างแท้จริง ซึ่งในบริษัทส่วนมาก เพียงเพราะมีนโยบาย “อนุญาต” ให้สามารถทำงานแบบ Work From Home หรือ Work From Anywhere นิดหน่อยไม่ได้สร้างความแตกต่างให้พนักงานรู้สึกดี รู้สึกว่าตัวเองมีความยืดหยุ่นในการทำงาน หรือมี Work-Life Balance เพิ่มขึ้นแต่อย่างใด มันแค่ “มีหน้าตาคล้ายกับความยืดหยุ่น” เฉยๆ เพียงเท่านั้น

เช็กให้ดีก่อนเข้าทำงานว่าบริษัทนี้กำลัง Flex Washing อยู่หรือไม่

หนึ่งในความน่ากลัวของ Flex Washing ก็คือการที่คนภายนอกนั้นจะไม่สามารถรับรู้ได้เลยว่าที่บริษัทที่เคลมตัวเองว่ามีการทำงานแบบ Flexible หรือ Hybrid นั้นจะมีระบบการทำงานที่เอื้อให้คนทำงานมีความยืดหยุ่นอย่างที่พูดไว้จริงไหม เพราะฉะนั้นก่อนที่เราจะตัดสินใจเข้าทำงานกับบริษัทที่บอกว่าตัวเองมีความ Flexible 3 คำถามเหล่านี้สามารถช่วยให้คุณนำมาใช้พิจารณาดูได้ว่าบริษัทนี้มีความยืดหยุ่นเพียงพอต่อความต้องการของเราหรือเปล่า

Advertisements

1. พนักงานสามารถเลือกเวลาและสถานที่ที่จะทำงานได้ดีที่สุด แม้ว่าจะไม่สอดคล้องกับธรรมเนียมการทำงาน 9 โมงเช้า ถึง 5 โมงเย็นแบบดั้งเดิมก็ตามหรือเปล่า?

เมื่อมีโอกาส เราควรถามบริษัทให้ชัดเจนไปเลยว่าอำนาจการตัดสินใจของเวลาทำงานนั้นอยู่ที่ใคร อยู่ที่เรา อยู่ที่ทีม หรืออยู่ที่นโยบายของบริษัท เพราะถ้าหากเราไม่พิจารณาจุดนี้ให้เคลียร์ดีก่อน มันก็อาจนำไปสู่ปัญหาที่ใหญ่กว่านี้ได้เช่น ไม่มี Work-Life Balance หรืออาการ Burnout

Advertisements

2. บริษัทใช้ช่องทางไหนในการสื่อสารและมีต้องสื่อสารกันถี่มากน้อยแค่ไหน

อีกหนึ่งปัญหาเรื้อรังของกลุ่มคนทำงานที่มีมานานก็คือ ชีวิตการทำงานนั้นเริ่มรุกล้ำเข้ามาในชีวิตส่วนตัวของเราโดยเฉพาะอย่างยิ่งหากเราต้องทำงานที่บ้าน ซึ่งก็ยิ่งทำให้เราต้องอาศัยการสื่อสารกับที่ทำงานผ่านอินเทอร์เน็ตเป็นหลัก เพราะฉะนั้นเราควรถามบริษัทให้ชัดเจนเลยว่าที่นี่มีช่องทางการสื่อสารอย่างไร มันใกล้เคียงกับชีวิตส่วนตัวของเรามากแค่ไหน หรือว่าที่องค์กรมีแพลตฟอร์มการสื่อสารสำหรับการทำงานโดยเฉพาะเช่น Slack, Lark หรือ Asana ซึ่งแสดงออกได้ดีถึงความเคารพที่บริษัทมีต่อการแบ่งชีวิตส่วนตัวและชีวิตที่ทำงานของพนักงานอีกด้วย

3. บริษัทนี้เริ่มทำงานแบบ Flexible หรือ Hybrid มานานแล้ว หรือเพิ่งมาริเริ่มมีนโยบายเร็วๆ นี้

สิ่งนี้จะช่วยให้เราพิจารณาได้ดีเป็นอย่างมากว่าบริษัทที่เรากำลังดูอยู่นั้นมีความยืดหยุ่นมากแค่ไหน โดยถ้าเกิดว่าบริษัทนี้ได้มีนโยบายการทำงานแบบยืดหยุ่นมานานแล้ว ก็มีความเป็นไปได้สูงที่จะมีการจัดการและรูปแบบการทำงานที่เอื้อให้พนักงานสามารถมีความยืดหยุ่นได้จริงๆ แต่ถ้าเป็นบริษัทที่เพิ่งมาเริ่มทำงานแบบ Flexible หรือ Hybrid เพียงแค่ไม่กี่เดือนเท่านั้น มันก็มีโอกาสสูงที่บริษัทนี้ยังไม่ได้มีโครงสร้างหรือระบบการทำงานที่ดีพอจะรองรับการทำงานที่ยืดหยุ่น

ท้ายที่สุดนี้ การที่บริษัท “อนุญาต” ให้พนักงานมีความยืดหยุ่นได้นั้นถือเป็นเรื่องที่ดี แต่อีกเรื่องที่สำคัญไม่แพ้กันเลยก็คือปัจจัยต่างๆ ที่จะช่วยให้พนักงานภายในบริษัทมีความยืดหยุ่นได้ ไม่ว่าจะเป็นเทคโนโลยี หรือระบบการทำงานก็ตาม เพราะว่าถึงแม้จะบอกว่าบริษัทมีความยืดหยุ่นมากแค่ไหน มันจะไปมีประโยชน์อะไรถ้าเกิดพนักงานต้องถูกตอกตะปูติดกับหน้าคอมพิวเตอร์ตลอดเวลาอยู่ดี

ที่มา:
https://bit.ly/3e3Hsi4
https://bit.ly/3Kvk1dz
https://bit.ly/3e71s3s
https://bit.ly/3Q4U9qa
https://bit.ly/3KtTuNZ

#missiontothemoon
#missiontothemoonpodcast
#flexwashing

 

Advertisements

LASTEST ARTICLES

LASTEST PODCAST

Mission To The Moon
Mission To The Moon
พื้นที่ที่สร้างขึ้นเพื่อแบ่งบันเรื่องราวเกี่ยวกับการทำธุรกิจ การตลาด แรงบันดาลใจ และข้อคิดในการใช้ชีวิต

POPULAR ARTICLES

เราใช้คุกกี้เพื่อพัฒนาประสิทธิภาพ และประสบการณ์ที่ดีในการใช้เว็บไซต์ของคุณ คุณสามารถศึกษารายละเอียดได้ที่ นโยบายคุกกี้ และสามารถจัดการความเป็นส่วนตัวของคุณได้เองโดยคลิกที่ ตั้งค่า

ตั้งค่าความเป็นส่วนตัว

คุณสามารถเลือกการตั้งค่าคุกกี้โดยเปิด/ปิด คุกกี้ในแต่ละประเภทได้ตามความต้องการ ยกเว้น คุกกี้ที่จำเป็น

ยอมรับทั้งหมด
จัดการความเป็นส่วนตัว
  • คุกกี้ที่มีความจำเป็น (Strictly Necessary Cookies)
    เปิดใช้งานตลอด

    คุกกี้ที่มีความจำเป็นสำหรับการทำงานของเว็บไซต์ เพื่อให้คุณสามารถใช้งานและเข้าชมเว็บไซต์ได้อย่างเป็นปกติ คุณไม่สามารถปิดการทำงานของคุกกี้นี้ในระบบเว็บไซต์ของเราได้ อย่างไรก็ตาม คุณสามารถบล็อคการใช้งานคุกกี้ได้จากเบราว์เซอร์ที่ใช้งาน ซึ่งอาจจะส่งผลกระทบกับการใช้งานเว็บไซต์ได้

  • คุกกี้สำหรับการวิเคราะห์และวัดผลการทำงาน (Performance Cookies)

    คุกกี้ประเภทนี้จะทำการเก็บข้อมูลการใช้งานเว็บไซต์ของคุณ เพื่อเป็นประโยชน์ในการวัดผล ปรับปรุง และพัฒนาประสบการณ์ที่ดีในการใช้งานเว็บไซต์ ถ้าหากคุณไม่ยินยอมให้เราใช้คุกกี้นี้ เราจะไม่สามารถวัดผล ปรับปรุงและพัฒนาเว็บไซต์ได้

บันทึกการตั้งค่า