20 ปี เหตุการณ์วินาศกรรม 9/11 สิ่งที่เกิดขึ้นในเช้าวันนั้น และผลกระทบที่ต่อเนื่องจนถึงวันนี้

2776
9/11

“ไม่มีกลิ่นอะไรที่เหมือนกับกลิ่นในวันนั้น มันเป็นกลิ่นที่ติดอยู่ในความทรงจำ และมันก็พาฉันย้อนกลับไปในเหตุการณ์วันนั้น”

นี่เป็นคำตอบสั้นๆ จากการสัมภาษณ์กับผู้ที่ผ่านประสบการณ์เฉียดตาย จาก ‘เหตุก่อการร้าย 9/11’ ที่เกิดขึ้นเมื่อวันที่ 11 เดือนกันยายน ปี 2001 

‘กลิ่น’ ที่เธอกล่าวนั้นหมายถึงกลิ่นควันที่เกิดจากเศษซากระเบิดที่แตกกระจาย และเกิดการเผาไหม้ของตึกและเครื่องบิน กลิ่นดังกล่าวกระตุ้นความรู้สึกกลัว ที่คอยหลอกหลอนและทำให้เธอหวนนึกถึงเหตุการณ์เลวร้ายที่เกิดขึ้นวันนั้นอย่างแจ่มชัด

Advertisements

ครบรอบ 20 ปีกับเหตุการณ์ 9/11 หนึ่งในการก่อการร้ายครั้งที่โด่งดังและรุนแรงมากที่สุดในประวัติศาสตร์ ที่ได้คร่าชีวิตผู้คนไปมากถึง 2,977 ชีวิต และมีอีกหลายร้อยคนที่เสียชีวิตในเวลาถัดมาเนื่องจากร่างกายได้รับสารพิษเกินค่ามาตรฐาน มี 115 ประเทศสูญเสียประชากรไป และยังต้องใช้เวลามากถึง 3.1 ล้านชั่วโมงเพื่อเก็บเศษ 1.8 ล้านตันจากซากความเสียหาย 

วันนี้เราจะพาไปย้อนเหตุการณ์ช่วงเช้าวันที่ 11 กันยายน 2001 กันแบบนาทีต่อนาทีก่อนเกิดเหตุการณ์ 9/11 ว่าเกิดอะไรขึ้นบ้าง

ในช่วงเช้าของวันที่ 11 กันยายน เวลา 8.14 น. สายการบินยูไนเต็ด แอร์ไลน์ เที่ยวบินที่ 175 เครื่องโบอิ้ง 767 มีผู้โดยสาร 65 คน กำลังเดินทางจากบอสตันไปยังลอสแอนเจลลิส หลังออกเดินทางเพียงไม่กี่นาทีสายการบินพบว่าเครื่องบินถูกจี้ จึงแจ้งข่าวไปยัง FBI  ในเวลาต่อมาอาคารด้านทิศเหนือของตึกเวิลด์เทรด เซนเตอร์ และตึกเพนตากอนได้ถูกโจมตีตามลำดับ

เมื่ออาคารทิศเหนือของตึกเวิลด์เทรด เซนเตอร์ถล่มนับเป็นจุดสิ้นสุดของการก่อการร้ายครั้งนี้ แต่ในขณะเดียวกันก็เป็นจุดเริ่มต้นของผู้ที่ได้รับผลกระทบ รวมถึงเป็นจุดเปลี่ยนที่ทำให้ชีวิตใครบางคนเปลี่ยนไปตลอดกาล จากการสำรวจในปีนี้  75% ของชาวอเมริกันกล่าวว่าเหตุการณ์โจมตีในวันนั้น ส่งผลกระทบต่ออารมณ์ของพวกเขา ชาวอเมริกัน 6 ใน 10 คิดว่าการโจมตีครั้งนี้เปลี่ยนชีวิตคนอเมริกาไปอย่างมาก ในขณะที่มีเพียง 1 ใน 10 บอกว่าชีวิตในตอนนี้เหมือนกับก่อนเกิดเหตุการณ์โจมตี หรือบอกว่าชีวิตเปลี่ยนแปลงไปเล็กน้อยเท่านั้น

ถึงแม้ว่าเหตุการณ์นี้จะผ่านไปนานกว่า 20 ปีแล้ว แต่สิ่งที่เกิดขึ้นนี้ยังคงส่งผลกระทบต่อชาวอเมริกันอย่างหลีกเลี่ยงไม่ได้ ซึ่งผลกระทบบางเรื่องก็อาจสามารถแก้ไขได้ แต่บางปัญหาก็เป็นสิ่งที่เรามองไม่เห็น และต้องใช้ความพยายามอย่างมากเพื่อหาทางออก เราจะมาไล่เรียงกันทีละข้อว่าเหตุการณ์นี้ส่งผลกระทบด้านใดบ้าง 

เศรษฐกิจเกิดการหดตัว ประชาชนขาดรายได้ 

วันแรกของการซื้อขายในตลาดหลักทรัพย์ในนิวยอร์ก ร่วงลง 7.1% หรือ 684 จุด เกิดการสูญเสียงานกว่า 143,000 ตำแหน่ง และมีผู้คนสูญเสียค่าจ้างไปกว่า 2.8 พันล้านดอลลาร์สหรัฐฯ ในช่วง 3 เดือนแรก โดยด้านของธุรกิจการเงินและธุรกิจขนส่งทางอากาศเป็นส่วนที่เสียหายมากที่สุด โดยคิดเป็น 60% ของงานที่สูญเสียไป 

นอกจากนี้ยังมีการตีมูลค่าความเสียหายของตึกเวิล์ดเทรด เซนเตอร์อยู่ที่ 60 พันล้านดอลลาร์สหรัฐฯ และมีค่าใช้จ่ายในการทำความสะอาดเศษซากจากการโจมตีที่ Ground Zero อยู่ที่ 750 ล้านดอลลาร์สหรัฐฯ

สุขภาพร่างกายของผู้คนแย่ลง 

จากเศษซากของตึกที่ถล่มลงมา จากการระเบิดของเครื่องบิน ทำให้โมเลกุลและผงฝุ่นมลพิษที่มองไม่เห็นกระจายไปทั่วพื้นที่รอบๆ ที่เกิดเหตุ ซึ่งเป็นสารก่อมะเร็งและยังทำให้ระบบภูมิคุ้มกันของผู้คนแย่ลง 

จากการสัมภาษณ์ผู้เสียหายที่หนีรอดจากควันพิษ ในปีที่แล้วเธอได้ทำการผ่าตัด ทำเคมีบำบัด และฉายรังสีสำหรับยับยั้งมะเร็งเต้านมที่ลุกลาม

โรคมะเร็งที่เธอเป็นนั้นเป็นหนึ่งในโรคมะเร็ง 70 รูปแบบที่โครงการสุขภาพ World Trade Center ระบุว่าเป็นโรคที่เกิดขึ้นในหมู่ผู้อาศัย ทำงานหรือศึกษาอยู่ในละแวกใกล้เคียงกับที่เกิดเหตุ ที่ได้สูดดมและสัมผัสกับสารก่อมะเร็ง เช่นเดียวกันกับพ่อของเธอ ที่กำลังรักษาโรคมะเร็งอยู่เช่นกัน เนื่องจากในตอนนั้นเขาทำงานใกล้กับตึกเวิล์ดเทรด เซนเตอร์

ผู้คนเกิดความรู้สึกวิตกกังวล ซึมเศร้า มีสภาวะทางจิตใจย่ำแย่

หลายคนอาจเคยได้ยินภาวะป่วยทางจิตจากเหตุการณ์รุนแรง หรือ PTSD โดยภาวะนี้สามารถพบได้ทั่วไปสำหรับผู้ที่ผ่านเหตุการณ์ 9/11 พบว่ามีผู้ใหญ่มากถึง 20% ที่ได้ประสบหรือได้รับบาดเจ็บจากการเหตุการณ์นี้มีอาการ PTSD

รัฐบาลสหรัฐฯ ให้ความสำคัญถึงเรื่องสุขภาพ การเยียวยาจากผู้ได้รับผลกระทบมากขึ้น

หลังจากเหตุการณ์ 9/11 ได้มีการก่อตั้งองค์กร WTCHP ที่มีจุดมุ่งหมายเพื่อเฝ้าติดตามอาการและรักษาผู้ได้รับผลกระทบ รวมไปถึงดูแลโครงการวิจัยที่มุ่งปรับปรุงแผนการดูแลและพัฒนาสวัสดิการต่างๆ ทำให้หลายๆ คนเห็นว่ารัฐบาลนั้นให้ความสำคัญกับสุขภาพของประชาชนที่ได้รับผลกระทบในระยะยาว โดยโปรแกรมสุขภาพนี้จะดูแลกลุ่มคนเหล่านี้จนถึงปี 2090 นับเป็นระยะเวลา 90 ปีตั้งแต่เกิดเหตุการณ์ขึ้น

Advertisements

มุมมองและความเชื่อของชาวอเมริกันที่มีต่อประเทศและศาสนาเปลี่ยนไป

มีการสำรวจออกมาว่าประชาชนมีความเชื่อมั่นในรัฐบาลเพิ่มขึ้นหลังจากการโจมตีของผู้ก่อการร้าย และมีความรู้สึกรักชาติเพิ่มขึ้น ประชาชนส่วนใหญ่ละทิ้งความแตกต่างทางการเมืองและหันมาชุมนุมเพื่อสนับสนุนสถาบันหลักของประเทศ ในปี 2001 พบว่าชาวอเมริกันเริ่มหันมานับถือศาสนามากขึ้น โดยจำนวนคนที่หันมานับถือศาสนาเพิ่มขึ้นถึงสองเท่าเมื่อเปรียบเทียบจากแปดเดือนก่อน สาเหตุที่คนหันมานับถือศาสนามากขึ้นสืบเนื่องมาจากหลังประสบเหตุการณ์เลวร้าย ทำให้รู้สึกไม่มีที่พึ่งพิง โดดเดี่ยว ศาสนาสามารถเป็นที่พึ่งทางจิตใจและลดความวิตกกังวลลงได้   จะเห็นได้ว่ามุมมองและความเชื่อของประชาชนที่มีต่อประเทศและศาสนาเปลี่ยนไปอย่างเห็นได้ชัด

ความปลอดภัยทางด้านขนส่งทางอากาศเข้มงวดมากขึ้น

หลายคนคงสงสัยว่าเพราะเหตุใดก่อนขึ้นเครื่องบินจึงต้องมีการตรวจตรา มีระบบรักษาความปลอดภัยที่เข้มงวด การทำสิ่งเหล่านี้เป็นมาตรการที่เข้มงวดเกินไปหรือเปล่า 

จากวิธีการก่อเหตุของผู้ก่อการร้ายที่ผ่านมา ผู้ก่อการร้ายมักเลือกสนามบินหรือบนเครื่องบินเป็นที่ก่อเหตุ เนื่องด้วยปัจจัยที่เอื้อต่อการประสานงานและทำให้เกิดความเสียหายเป็นวงกว้าง ประสบการณ์อันเลวร้ายทำให้สหรัฐอเมริกามีนโยบายและแนวทางที่หนาแน่นเพื่อป้องกันภัยคุกคามนี้ 

จากเหตุการณ์ที่ผ่านมา ผู้ก่อการร้ายพยายามหาช่องโหว่ต่างๆ เพื่อบรรลุแผนการ เช่น ในเดือนธันวาคม 2001 Richard Reid หรือที่รู้จักกันในนาม “มือระเบิดรองเท้า” พยายามที่จะระเบิดเครื่องบินโดยสาร หรือในปี 2006 เที่ยวบินจากสหราชอาณาจักรไปยังสหรัฐอเมริกา ผู้ก่อการร้ายมีแผนจะระเบิดเครื่องบินกลางอากาศโดยใช้ของเหลวที่ลักลอบนำเข้ามาเป็นส่วนผสมระเบิด แต่แผนการยังไม่ทันเริ่มก็ถูกเจ้าหน้าที่จับกุมตัวเสียก่อน แผนการของผู้ก่อการร้ายที่ตั้งไว้เพียงเป็นการคาดการณ์เท่านั้น ยังไม่ได้ระบุวัน เวลา และเที่ยวบินที่แน่ชัด แต่อย่างไรก็ตาม สิ่งนี้ทำให้ TSA และนานาประเทศหวาดกลัวและคิดว่าภัยคุกคามนี้ควรมีมาตรการที่รัดกุมมารับรองเพื่อป้องกันสิ่งที่ไม่คาดคิด

TSA เผชิญกับเสียงวิพากษ์วิจารณ์ในช่วงแรกของการพัฒนาและยกระดับความปลอดภัยการโดยสารโดยเครื่องบิน ทั้งปัญหาความล่าช้าในการใช้บริการสนามบินและช่องโหว่ต่างๆ ในกระบวนการคัดกรอง บางคนบอกว่ามาตรการนี้มีประโยชน์มากกว่าระบบรักษาความปลอดภัยเพียงเล็กน้อยเท่านั้น

ทำให้หลังจากนั้น TSA ได้ลงทุนจ้างผู้เชี่ยวชาญด้านการวางระบบรักษาความปลอดภัยมาเพื่อปรับปรุงและให้ความรู้กับเจ้าหน้าที่ในสนามบิน และมากไปกว่านั้น พนักงานต้อนรับบนเครื่องบินยังจำเป็นต้องเรียนรู้หลักสูตรการรับมือกลุ่มก่อการร้าย เช่น วิธีการประนีประนอม การต่อรอง ซึ่งเป็นเกราะป้องกันสุดท้ายสำหรับการป้องกันเหตุการณ์ที่ไม่คาดคิด

จากเหตุก่อการร้าย 9/11 ไม่เพียงทำให้สหรัฐฯ ต้องยกระดับมาตรการความปลอดภัยการโดยสารทางอากาศ  ในขณะเดียวกันบทเรียนนี้ก็ทำให้ทั่วโลกเริ่มหันมาวิตก และให้ความสำคัญกับระบบความปลอดภัยจากการเดินทางโดยเครื่องบินมากขึ้น

จากตัวอย่างที่กล่าวมาข้างต้น จะเห็นได้ว่าความเสียหายที่เกิดขึ้นไม่เพียงแค่ส่งผลกระทบระยะสั้นต่อเศรษฐกิจ ความเชื่อมั่นของประเทศ แต่ยังคร่าชีวิตผู้คนนับพัน เป็นความสูญเสียที่ไม่อาจเรียกคืนได้ เหตุการณ์ที่เกิดขึ้นยังส่งผลต่อการใช้ชีวิตของผู้คนทางด้านร่างกายและจิตใจในระยะยาว ความสัมพันธ์ระหว่างประเทศที่สร้างรอยร้าวไว้จนยากจะรื้อฟื้น มูลค่าความเสียหายทางธุรกิจ นับว่าส่งผลกระทบแทบจะทุกด้านเลยก็ว่าได้

เหตุการณ์นี้ไม่เพียงส่งผลกระทบต่อวิถีชีวิตของชาวอเมริกัน แต่ยังกระตุ้นให้คนทั่วโลกหันมาคำนึงถึงความปลอดภัยในชีวิตมากขึ้น รักษาสุขภาพมากขึ้น เป็นบทเรียนและตัวอย่างที่ทำให้เรากลับมาฉุกคิดว่า จริงๆ แล้วเราจะใช้ชีวิตอย่างไรกับโลกที่เต็มไปด้วยการก่อสงครามที่ไม่รู้จบ โลกที่เต็มไปด้วยความขัดแย้ง และความไม่แน่นอนเช่นนี้

อ้างอิง
https://bit.ly/2VlpG0K
https://on.wsj.com/3n9qotv
https://on.wsj.com/3DOtJEl
https://pewrsr.ch/3h6lutq
https://on.cfr.org/3l0eLST

#missiontothemoon
#missiontothemoonpodcast
#society

ติดตามความเคลื่อนไหวและเนื้อหาน่าสนใจอื่นๆ ได้ที่ https://missiontothemoon.co/

Advertisements