เรียบง่ายแต่ไม่ง่าย

3872
รูปภาพจาก Number 24 x Shutterstock.com
มีเวลาไม่เยอะอยากอ่านสั้นๆ
  • สองเรื่องที่เรียบง่าย แต่ทำยาก
  • หนึ่ง เราควรต้องหาความคุ้มค่าของสิ่งที่เราจะทำเสมอ หลายคนทำเป็นปกติอยู่แล้ว แต่สำหรับหลายคนอาจจะต้องฝึกฝนกันหน่อย
  • สอง ความอดทนอดกลั้น เพื่อให้ได้ในสิ่งที่เราต้องการในชีวิต เรื่องนี้ฟังเผินๆดูเหมือนง่าย แต่ในชีวิตจริงต้องยอมรับว่าค่อนข้างยากทีเดียว แต่ถ้าเราทำได้จนเป็นนิสัย บอกเลยว่าจะส่งผลดีกับชีวิตเราในทุกๆด้านจริงๆครับ

เมื่อวานขณะที่พยายามตีโจทย์เรื่องงานเรื่องนึงอยู่ผมก็คิดได้ว่าจริงๆแล้วของทุกอย่างที่ผมอยากได้ไม่ใช่แค่งานชิ้นนี้ แต่ทุกอย่างจริงๆมันมีแค่สองเรื่องเท่านั้นเองที่เป็นเหมือนวิธีคิดที่ครอบมันอยู่

สองเรื่องที่เรียบง่าย แต่ไม่ง่ายที่จะทำ

1. คำนวณ ROI ของทุกเรื่องก่อนที่จะทำ:

พูดง่ายๆคือ “เราต้องหาความคุ้มค่าของสิ่งที่เราจะทำ” เรื่องนี้อาจจะเป็นธรรมชาติของบางคนอยู่แล้ว แต่สำหรับบางคนอาจจะต้องฝึกกันหน่อย

เอาเรื่องงานก่อนละกันครับ ถ้าเรามองดีๆคนที่ประสบความสำเร็จด้านการงานอย่างมากนั้น เขาทำอยู่สามอย่างครับ “สังเกต+เรียนรู้, คิด และลงมือทำ” โดยการลงมือทำนี้จริงๆแล้วเป็นการทำแบบลองผิดลองถูก (trial and error) ด้วยนะครับ แล้วเขาก็เอาข้อผิดพลาดมาแก้ไข มา สังเกต+เรียนรู้, คิด และลงมือทำใหม่ วนลูปไปเรื่อยๆ

Advertisements

เรื่องนี้ไม่ใช่เรื่องใหม่แต่อย่างใด

เราเคยได้ยินเรื่องเล่าของรุ่นอาก๋งสมัยมาจากเมืองจีนกันใช่ไหมครับ เรื่องจะคล้ายๆกันคือ เสื่อผืน หมอนใบมาเมืองไทย ทำงานหนักๆอะไรซักอย่าง เช่น เป็นกุลีแบกข้าวสาร จากนั้นมองเห็นลู่ทาง เช่น คิดว่าสินค้าแบบนี้คนไทยยังไม่มีขาย จากนั้นไปขอเงินลงทุนจากนายห้าง นายห้างเห็นว่าคนนี้ขยันขันแข็งไว้ใจได้ เลยให้ยื้มเงินมาลงทุน จากนั้นก็ลองผิดลองถูก ล้มลุกคลุกคลานจนสร้างธุรกิจสำเร็จ

นี่คือกระบวนการการ สังเกต+เรียนรู้, คิด และลงมือทำ

ซึ่งในสมัยนี้เราก็ยังเป็นแบบนี้เลยครับ มันอาจจะมีชื่อว่า Build-Measure-Learn (สร้าง-วัดผล-เรียนรู้) หรือ rapid prototyping (สร้างชิ้นงานต้นแบบอย่างรวดเร็ว) อะไรซักอย่าง กระบวนไม่ต่างจากสมัยก่อนมากนัก เพียงแต่ความเร็วนั้นเร็วกว่าเยอะมากเท่านั้นเอง

แต่สิ่งที่ผมสังเกตเห็นจากตัวเองและคนรอบข้างคือ กระบวนการ “คิด” นี่สำคัญมากเลยครับ ที่จะแบ่งคนสำเร็จกับไม่สำเร็จออกจากกัน กระบวนการที่ว่านี่คือเรารู้ไหมว่าทรัพยากรทุกอย่างของเรามีจำกัด ตั้งแต่ เวลา, เงิน และพลังงาน

เราได้คาดการณ์ไหมว่าอะไรที่ “คุ้มค่า” ที่สุด ณ เวลานั้นๆ นี่คือการหา ROI ตลอดเวลานั่นเอง ลองกลับมามองงานของเราที่กำลังทำอยู่ตอนนี้เลยแล้วถามว่า

“เราได้ทำสิ่งที่ดีที่สุดเท่าที่ทรัพยากรเรามี เพื่อที่จะนำเราไปสู่เป้าหมายที่เราอยากไปแล้วหรือยัง?”

ถ้าคำตอบของคุณคือ “ยัง” ต้องรีบแก้ไขนะครับ คนที่ทำสำเร็จในสิ่งที่ตัวเองอยากได้นั้น เขาไม่ได้แค่ทำงานหนักอย่างเดียวครับ แต่ต้องรู้ด้วยว่าตอนนี้ “ควร” หรือ “ไม่ควร” ทำอะไร

อย่างที่เกริ่นไว้ตอนต้นครับ กระบวนการนี้ “เรียบง่าย” แต่ไม่ “ง่าย”

2. การทดลองมาร์ชแมลโลว์ (Marshmallow test):

มาทบทวนกันแบบสั้นๆอีกสักที ว่าการทดลองที่โด่งดังนี้คืออะไร การทดลองที่ว่านี้ให้เด็กเข้าไปอยู่ในห้อง แล้วเอามาร์ชแมลโลว์มาไว้บนโต๊ะแล้วบอกว่าจะกินเลยก็ได้ หรือจะรอก็ได้ แต่ถ้ารอจะได้เพิ่มอีก ประมาณนี้ ก็มีทั้งเด็กที่อดใจไม่ไหวกินเลย กับเด็กที่รอ

Advertisements

คนที่ทำการทดลองนี้เขาก็ติดตามผลของเด็กเหล่านี้ไปจนโต ผลปรากฏว่า เด็กที่มีความอดทนอดกลั้นในการรอ (delay gratification) ได้มากกว่า มีผลการเรียนที่ดีกว่า มีรายได้ดีกว่า มีชีวิตคู่ที่ดีกว่า ฯลฯ โดยสถิติเหล่านี้แตกต่างกันอย่างมีนัยยะสำคัญ

ถ้าเป็นสุภาษิตไทย ก็คงจะเปรียบเทียบได้กับ “อดเปรี้ยวไว้กินหวาน”

ช่วงเวลาของมาร์ชแมลโลว์ (Marshmallow moment)

ถึงแม้การทดลองนี้ทำกับเด็ก แต่ในชีวิตจริงแล้ว ผู้ใหญ่อย่างเราก็มีมาร์ชแมลโลว์มาคอยทดสอบเราอยู่ทุกวันเหมือนกันครับ และคนที่เลือกที่จะอดใจรอได้นี่แหละ คือคนที่ในที่สุดจะได้ของที่อยากได้มาจริงๆ

ผมขอเรียกมันว่า “ช่วงเวลาของมาร์ชแมลโลว์” (Marshmallow moment) ละกัน

คนที่อยากลดน้ำหนัก: ช่วงเวลาของมาร์ชแมลโลว์ จะมาตอนสั่งชานมไข่มุก คือ มันต้องเลือกจริงๆครับว่าจะเอาความสุขเดี๋ยวนี้ หรือจะอดใจไว้รอหุ่นสวยๆ ไว้ถ่ายรูปริมทะเลตอนหน้าร้อนที่กำลังจะมาถึงนี้

คนที่อยากเขียนหนังสือให้จบซักเล่ม: ช่วงเวลาของมาร์ชแมลโลว์ จะมาตอนที่กำลังจะกดเล่นซีรียส์เรื่องใหม่ใน Netflix ซึ่งอาจจะทำให้คุณเสียเวลาเขียนหนังสือไปทั้งสัปดาห์​ หรือถ้าคุณดูติดต่อกันไปเรื่อยๆ หนังสือที่อยากได้อาจจะไม่มีวันเขียนจบเลยก็ได้ครับ

คนที่อยากนอนเร็วเพื่อจะได้ตื่นมาวิ่ง: ช่วงเวลาของมาร์ชแมลโลว์ คือตอนที่ตัดสินใจไม่กดเล่น Facebook ก่อนนอน ต้องเลือกว่าจะเอาความสุขกับการเล่น Facebook เดี๋ยวนี้ หรืออดใจไว้รอความสุขจากการวิ่งมาราธอนจบเวลาสวยๆ อีก 6 เดือนต่อจากนี้ดี

คนที่อยากมีอิสรภาพทางการเงิน: ช่วงเวลาของมาร์ชแมลโลว์ อาจจะเป็นตอนที่กำลังตัดสินใจว่าจะซื้อรถสปอร์ตที่อยากได้มาตั้งแต่เด็กดีไหม มันก็เป็นการเลือกแหละครับว่าจะเอาความสุขจากรถคันใหม่ในตอนนี้ หรือจะรอความสุขจากอิสรภาพทางการเงินดี

ต้องบอกก่อนว่าไม่มีอะไรผิด ไม่มีอะไรถูกครับ คุณอาจจะเลือกอย่างแรกก็ได้ แต่ถ้าจะเลือกอย่างหลังสิ่งที่ต้องทำไม่มีอะไรมากเลย แค่ต้องอดใจให้ได้เท่านั้นเอง

“มันเรียบง่ายแบบนั่นเลย แต่ทำไม่ง่าย”

ผมพึ่งขึ้นสเตตัสเมื่อวานเลยว่า
“everything that worthwhile in life is simple but not easy”

ทุกสิ่งที่คุ้มค่าในชีวิตนั้นเรียบง่าย แต่ไม่ง่าย

ตามนั้นครับ

Advertisements

ทิ้งคำตอบไว้

กรุณาใส่ความคิดเห็นของคุณ!
กรุณาใส่ชื่อของคุณที่นี่