คุณจำตัวเองตอนอายุ 20 ได้หรือไม่?
ถ้าหากลองนึกย้อนไป ช่วงเวลาวัยรุ่นอย่างตอนที่เราอายุ 20 ปี เรามีทั้งเวลา ความอยากรู้อยากเห็น รวมถึงพลังมากมายที่สะสมมาตั้งแต่ยังเด็ก แถมยังได้รับสถานะของผู้ที่บรรลุนิติภาวะทางสังคมโดยสมบูรณ์ มันเป็นความรู้สึกราวกับว่าตรงหน้าของเรามีประตูหลากหลายบ้านมากเหลือเกินกำลังเปิดออกและกำลังกวักมือชักชวนให้เราเข้าไปลิ้มลองประสบการณ์ใหม่ๆ ที่ตั้งแต่เกิดมาเรายังไม่เคยมีสิทธิ์ได้สัมผัสมาก่อน เราอยากจะค้นหาเหลือเกินว่า ความหมายของชีวิตเรานั้นมันคืออะไร
แต่พอตัดภาพมาตอนนี้ เราอยู่ในช่วงวัยกลางคน เข้าสู่โลกของการทำงานมาแล้วเกิน 10 ปี ต้องเผชิญกับอุปสรรคต่างๆ นับไม่ถ้วนที่ไม่เคยเตรียมใจมาก่อน ความฝันมากมายที่เคยวาดไว้ก็ไม่อาจรู้ได้เลยว่าจะประสบความสำเร็จได้หรือเปล่า
เชื่อว่า พอถึงช่วงอายุเลขสามกำลังย่างเข้าเลขสี่แล้วนั้น หลายคนก็เริ่มที่จะประสบกับสิ่งที่เรียกว่า Midlife Crisis หลายคนเริ่มจากคิดทบทวนชีวิตตัวเอง รู้สึกท้อแท้กับสภาพความเป็นอยู่ในชีวิตของตัวเอง เริ่มคิดว่าตัวเองไม่เห็นมีอะไรเหมือนอย่างที่คนอายุแบบเราควรจะมีเลย และที่สำคัญที่สุดเลยก็คือ รู้สึกว่า “ชีวิตไม่มีความหมาย”
น่าเสียดายที่หลายครั้ง คนที่เริ่มเข้าสู่ช่วงวัยกลางคนนั้นจะรู้สึกว่าพวกเขาเสียความหมายของการใช้ชีวิตไป ไม่ว่าจะด้วยการที่ต้องแบกรับหน้าที่ความรับผิดชอบหรือความกดดันมากมายอย่างยาวนาน ไม่ว่าจะเป็น ภาระทางการเงิน ความกดดันจากสังคมว่าต้องประสบความสำเร็จ หรือจะเป็นการเลี้ยงดูครอบครัวที่มีทั้งพ่อ แม่ พี่ น้อง สามี ภรรยา ไปจนถึงบุตรหลาน ล้วนทำให้เป้าหมายของชีวิตและความสุขส่วนตัวของคนในช่วงวัยกลางคนนั้น ค่อยๆ ถูกลดทอนความสำคัญไปเรื่อยๆ จนหายไปในที่สุด
หากใครกำลังรู้สึกแบบนี้อยู่ อย่าปล่อยให้ความรู้สึกนี้ก่อตัวขึ้นภายในใจนานเกินไป เพราะถึงแม้ว่าเราจะกำลังแบกรับภาระหน้าที่ความรับผิดชอบหรือความกดดันเอาไว้มากแค่ไหน แต่ความสุขและสิ่งที่ทำให้ชีวิตของเรามีความหมายนั้น ก็สำคัญไม่แพ้กันเลย
เป้าหมายของชีวิต สำคัญอย่างไรต่อคนที่อายุเริ่มเยอะ?
ประโยชน์อย่างแรกเลยที่เห็นได้ชัดที่สุดของการมีเป้าหมายของชีวิตสำหรับคนที่อายุเริ่มเข้าสู่ช่วงวัยกลางคนก็คือเรื่องของ “สุขภาพ” โดยปกติแล้ว คนในวัยนี้จะเริ่มประสบกับปัญหาด้านสุขภาพมากมาย เหตุจากสภาพร่างกายที่ค่อยๆ แก่ตัวขึ้น แต่ว่าการมีเป้าหมายในชีวิต ณ จุดนี้ ก็สามารถช่วยบรรเทาอาการเจ็บทางร่างกายได้อย่างไม่น่าเชื่อ
โดย Eric Kim จาก Harvard’s School of Public Health ได้บอกว่า จากการศึกษาข้อมูลจากการศึกษาด้านสุขภาพและการเกษียณอายุที่มหาวิทยาลัยมิชิแกน เขาสามารถสังเกตได้ว่า ผู้สูงอายุที่บอกว่าตัวเองนั้นเป้าหมายของชีวิตนั้น จะสามารถรักษาคล่องแคล่วทางร่างกายที่ดีกว่าผู้สูงอายุที่บอกว่าไร้เป้าหมายในชีวิตมากถึง 4 ปีด้วยกัน
นอกจากนี้ Patrick Hill จาก Purpose, Aging, Transitions and Health Lab ของมหาวิทยาลัยวอชิงตัน ได้พบข้อได้เปรียบที่สำคัญ สำหรับผู้สูงวัยที่มีจุดมุ่งหมายในชีวิต นั่นก็คือพวกเขาสามารถที่จะรักษาการทำงานขั้นสูงของสมอง (Cognitive Functions) ได้ดี ส่งผลให้พวกเขานั้นมีอายุที่ยืนยาวขึ้น สังเกตได้จากการที่ว่าคนเหล่านี้มีแนวโน้มที่พัฒนานิสัยในการดูแลสุขภาพของตัวเองมากขึ้น เช่น ใช้ไหมขัดฟันเวลาแปรงฟันมากกว่าคนทั่วไป ออกกำลังกายมากกว่าคนทั่วไป และมีความยินดีที่จะไปพบแพทย์เพื่อตรวจสุขภาพมากขึ้นอีกด้วย
เพราะฉะนั้นเอง เห็นได้ว่าการมีเป้าหมายในชีวิตนั้น ไม่เพียงเกี่ยวเนื่องกับเรื่องภายในจิตใจเท่านั้น แต่มันส่งผลดีทางร่างกายและจิตใจในระยะยาว ช่วยให้คนเรานั้นสามารถแก่ตัวไปได้อย่างมีความสุขนั่นเอง
วิธีเรียนรู้เป้าหมายใหม่อีกครั้ง ในวันที่เริ่มแก่ตัว
แต่แน่นอนว่าการเริ่มต้นค้นหาตัวเองใหม่อีกครั้งอาจจะฟังดูยากและน่ากลัวนิดหน่อยสำหรับคนที่รู้ตัวว่ากำลังจะเข้าสู่วัยกลางคน มันอาจจะฟังดูยิ่งใหญ่แต่อันที่จริงแล้วมันก็ไม่ได้เป็นสิ่งที่ยากลำบากขนาดนั้น เพียงแค่ลองทำตามขั้นตอนง่ายๆ 3 ขั้นตอนดังนี้
1. ตามหาอะไรที่สปาร์กจอย
สังเกตได้ว่าในข้อนี้ไม่ได้บอกให้คุณออกเดินทางตามหา Passion อันแรงกล้าอีกครั้ง เพียงแค่หาอะไรที่จะสามารถนำมาซึ่งความสุขในแต่ละวันให้กับตัวคุณก็เพียงพอแล้ว อาจจะเป็นงานอดิเรกใหม่ๆ ลองเริ่มติดตามเชียร์ทีมกีฬา หรือจะเป็นการลองรับสัตว์มาเลี้ยงเอง ก็เป็นความคิดที่ดีเหมือนกัน
ลองสังเกตว่าในปัจจุบันเราชอบทำอะไรอยู่ เราชอบกดไลก์อะไรบน Facebook เราติดตามอะไรใน Instagram เราชอบคุยกับเพื่อนเรื่องอะไรเวลาเจอหน้ากัน ประวัติศาสตร์ การเมือง หรือ การเงิน ไม่แน่นะ เราอาจจะมีคำตอบอยู่แล้วก็ได้
2. บริหารความ “ยุ่ง” ให้เป็น
แน่นอนว่าเมื่อคนเราเดินทางมาถึงช่วงวัยกลางคนนั้นก็ย่อมมีหน้าที่ความรับผิดชอบเต็มไปหมดจนเกิดเป็นความ “ยุ่ง” ซึ่งบางทีเราอาจจะยุ่งมากเกินไปจนไม่มีเวลาสำหรับสิ่งที่สำคัญในชีวิตที่มีความหมายต่อตัวเราจริงๆ บางคนอาจจะมัวยุ่งอยู่แต่กับการทำงาน ไปจนถึงยุ่งอยู่แต่กับการช่วยญาติห่างย้ายบ้านในชีวิตส่วนตัว เพราะฉะนั้น ลองจัดลำดับความสำคัญดูว่าสิ่งใดบ้างกันแน่ ที่นำพาความสุขมาให้เราและคุ้มค่าต่อความยุ่งของเราจริงๆ
3. คิดเสียว่าชีวิตคือการทดลอง
ข้อนี้อาจจะดูพูดง่ายแต่ทำยาก เพราะมันคือการละทิ้งความคาดหวังที่เรามักมีต่อชีวิตและคิดเสียว่าทุกอย่างที่เรากำลังทำนั้นคือการทดลอง ซึ่งจะทำให้เรามีจิตใจที่เปิดกว้างต่อการลองอะไรใหม่ๆ มากขึ้น
เพราะว่าทุกคนนั้นไม่ควรกลัวที่จะลองอะไรใหม่ๆ เพียงเพราะว่ากลัวความล้มเหลวหรือกลัวว่าเราจะผิดหวัง โดยการตั้งทัศนคติว่าทุกอย่างคือการลอง ก็จะทำให้เราไม่คาดหวังและไม่ผิดหวังกับตัวเองเมื่อเราลองทำอะไรใหม่ๆ ซึ่งถ้าเกิดว่าเราลองทำอะไรใหม่ๆ แล้วผลลัพธ์มันออกมาดีเราก็จะยิ่งดีใจ ซึ่งการทดลองอะไรใหม่ๆ ไปเรื่อยๆ นั้นก็อาจจะทำให้เราค้นพบเป้าหมายใหม่ในชีวิตในแบบที่เราไม่เคยคาดคิดมาก่อนเลยก็เป็นได้
ท้ายที่สุดนี้ อยากจะให้กำลังใจทุกคนที่กำลังค้นหาเป้าหมายในชีวิตอยู่ ณ ขณะนี้ เพราะการเดินทางค้นหาเป้าหมายของชีวิตนี้มันไม่เคยเป็นเรื่องง่าย ไม่ว่าคุณจะอายุเท่าไหร่ หรืออยู่ในช่วงเวลาไหนของชีวิต เส้นทางมันอาจจะเต็มไปด้วยอุปสรรค อาจจะทำให้เรากังขาในคุณค่าของตัวเอง แต่ขอเพียงทุกคนไม่หยุดเดินไปข้างหน้าเพื่อตามหามัน สักวันหนึ่งเราจะค้นพบเป้าหมายของเราเจอในเวลาที่พอดีอย่างแน่นอน
ที่มา:
– 9 Ways to Find Your Purpose As You Age : Meg Selig, Paychology Today – https://bit.ly/3CyR1iN
– How to Find Your Purpose in Midlife : Jill Suttie, Greater Good Magazine – https://bit.ly/3TiDHVx
– 40 Ways to Give Your Life New Meaning After 40 : Sarah Crow, Best Life – https://bit.ly/3ymHWae
#selfdevelopment
#inspiration
#missiontothemoon
#missiontothemoonpodcast
