self development8 นิสัยทำลายสมอง กระทบความสุขในชีวิต

8 นิสัยทำลายสมอง กระทบความสุขในชีวิต

Dr. Daniel Amen เป็นคุณหมอที่เชี่ยวชาญด้านสมอง และเป็นผู้อำนวยการของ Amen Clinics Inc. ซึ่งมีฐานข้อมูลด้านการสแกนสมองกว่า 64,000 เคส และมีคนไข้จากทั่วโลกกว่า 90 ประเทศ

ครั้งหนึ่งคุณหมอได้ไปพูดใน TEDxOrangeCoast ในหัวข้อ “Change your brain, Change your life” ซึ่งเป็นหัวข้อที่น่าสนใจมากๆ ครับ

ถ้าพูดถึงความสำคัญของ “สมอง” แล้ว อาจจะต้องบอกว่านี่คืออวัยวะที่สำคัญที่สุดของเราเลยก็ว่าได้ เพราะสมองควบคุมทั้งเรื่องความคิด การกระทำ และที่สำคัญคือความรู้สึกและความสุขของเราด้วย

ดังนั้นถ้ามีอะไรเปลี่ยนแปลงกับสมอง ก็จะส่งผลกระทบต่อความสุขของเราโดยตรง

จากผลการสแกนสมองกว่า 64,000 คน พบว่า คนที่มีสมองที่สมบูรณ์กว่าจะมีความสุขมากกว่า แข็งแรงกว่า ฉลาดกว่า มีความคิดสร้างสรรค์มากกว่า และมั่งคั่งกว่าด้วย

ถ้าสมองของคุณสุขภาพไม่ดี ไม่ว่าจะมาจากสาเหตุอะไรก็แล้วแต่ อาจจะเป็นการบาดเจ็บของสมอง การนอนไม่พอ การกินอาหารที่ไม่ดี หรือการอยู่ในสภาพแวดล้อมที่เป็นพิษ (Toxic) คุณก็มีแนวโน้มที่จะเศร้ากว่า ป่วยง่ายกว่า ฉลาดน้อยกว่า ยากจนกว่า และจะรับกับการเปลี่ยนแปลงได้ยากกว่าด้วย

สมองของเราคืออวัยวะที่ซับซ้อนมากๆ ในสมองของมีเซลล์ประสาทกว่า 1 แสนล้านเซลล์ และไม่ได้ต่อกันแบบ 1 ต่อ 1 ด้วย เพราะในแต่ละเซลล์สามารถเชื่อมต่อกันได้ถึง 1 หมื่นจุดเลยทีเดียว

ข้อมูลในสมองเราเคลื่อนที่ด้วยความเร็ว 268 ไมล์ต่อชั่วโมง (ในเวลาที่คุณไม่เมา) และแม้ว่าสมองเราจะมีน้ำหนักเพียง 2% ของร่างกาย แต่กลับใช้พลังงานถึง 20-30% นั่นหมายความว่าอาหาร 1 ใน 3 ที่คุณกินแต่ละมื้อนั้นถูกนำไปให้พลังงานกับสมองเพียงอย่างเดียว

สิ่งที่น่าสนใจมากก็คือ เราสามารถทำให้สมองแก่ช้าหรือเร็วได้จากพฤติกรรมในแต่ละวันของเรา

อีกนัยหนึ่งก็คือ สิ่งที่เราทำทุกวันส่งผลต่อสมองของเราอย่างมาก

อะไรคือสิ่งที่ไม่ดีต่อสมองบ้าง

อย่างแรกคือ “การบาดเจ็บของสมอง” ดังนั้น ให้หลีกเลี่ยงการเล่นกีฬาที่มีโอกาสต้องปะทะกับศีรษะเช่น อเมริกันฟุตบอล (เดี๋ยวนี้แม้กระทั่ง NFL เองก็บอกความจริงเกี่ยวกับเรื่องการบาดเจ็บทางสมองแล้ว) หรือการโหม่งลูกฟุตบอลด้วยหัวก็ควรหลีกเลี่ยงเช่นกัน

นั่นเป็นเพราะว่าสมองของเรานั้นนิ่มมาก นิ่มประมาณเนยเท่านั้นเอง ส่วนกะโหลกของเราก็แข็งมาก และมีมุมที่แหลมคมเต็มไปหมด ดังนั้น คงไม่ใช่เรื่องดีแน่ๆ ถ้าสองอย่างนี้เกิดการกระทบกัน

อย่างที่สองคือ “แอลกอฮอล์และยาเสพติด” โดยเฉพาะบุหรี่ สิ่งนี้เป็นตัวการทำลายสมองที่สำคัญเช่นกัน CNBC เคยรายงานข่าวว่า คนที่สูบบุหรี่มีโอกาสเป็นโรคความจำเสื่อมมากกว่าคนที่ไม่สูบถึง 30% เพราะการสูบบุหรี่ลดการไหลเวียนของเลือดไปยังสมอง ทำให้สมองแก่เร็วกว่าที่ควรจะเป็น

อย่างที่สามคือ “น้ำหนักที่มากขึ้น” ซึ่งนับวันก็ยิ่งมีรายงานออกมาว่าการมีน้ำหนักมากนั้นคือภัยร้ายของสมอง มีงานวิจัยที่ตีพิมพ์ใน Nature Journal ว่ายิ่งน้ำหนักคุณเพิ่มขึ้นเท่าไร ขนาดของสมองและความสามารถในการทำงานของสมองคุณจะลดลง

ถ้าใครรู้ตัวว่าน้ำหนักเกิน อ่านมาถึงตรงนี้ต้องตั้งใจลดน้ำหนักอย่างจริงจังแล้วล่ะครับ

อย่างที่สี่คือ “ความดันโลหิต” ยิ่งความดันเราสูงเท่าไหร่ การไหลเวียนของเลือดก็แย่ลงเท่านั้น เพราะฉะนั้นต้องระมัดระวังเรื่องความดันของเราอยู่เสมอ

อย่างที่ห้าคือ “อาหาร” ซึ่งเป็นของที่สำคัญมากกับสมอง ให้ระวังอาหารที่มีน้ำตาลสูง โดยเฉพาะจากอาหารแปรรูป และน้ำตาลที่ซ่อนอยู่ในรูปของ Dextrose, Fructose, Galactose, Glucose, Lactose ฯลฯ พยายามเลือกอาหารที่ไม่แปรรูป ลดคาร์โบไฮเดรตเชิงเดี่ยว และที่สำคัญคือพยายามทานอาหารให้หลากหลายและไม่ทานเยอะเกินไป

มีงานวิจัยยุคใหม่ชี้ให้เห็นว่า อาหารที่ไม่ดีต่อสุขภาพนั้นส่งผลต่ออาการซึมเศร้า สมาธิสั้น และโรคอัลไซเมอร์อีกด้วย

อย่างที่หกคือ “คนที่เราใช้เวลาด้วย” ถ้าเราใช้เวลากับคนคิดลบเยอะๆ มีแนวโน้มสูงที่เราจะมีอาการที่คุณหมอ Daniel เรียกว่า ANTs ซึ่งย่อมาจาก Automatic Negative Thougths คือการคิดลบไว้ก่อนกับทุกเรื่อง ซึ่งแน่นอนว่าส่งผลต่อสภาพจิตใจ ความเครียด และอาการซึมเศร้าด้วย

ถ้าเราอยู่กับคนที่คิดบวก มองเห็นทางออกในทุกปัญหา สมองของเราก็จะค่อยๆ ทำงานตามคนที่เราอยู่รอบตัวไปด้วย

อย่างที่เจ็ดคือ “การเรียนรู้สิ่งใหม่” เมื่อเราเรียนรู้สิ่งใหม่ๆ สมองจะทำการสร้างทางเชื่อมใหม่ๆ และในทางกลับกัน ถ้าเราหยุดเรียนรู้สิ่งใหม่ๆ สมองเราจะลดการเชื่อมต่อเหล่านี้ลงไปด้วย

อย่างที่แปดคือ “การนอน” ในช่วงปี 1900 มนุษย์ได้นอนราว 9 ชั่วโมงต่อวัน แต่ตอนนี้เรานอนกันเฉลี่ย 6 ชั่วโมงต่อวัน ซึ่งสมองของเราไม่สามารถปรับตัวได้ขนาดนั้น ดังนั้นการนอนให้เพียงพอจึงสำคัญมาก และการนอนยังสำคัญต่อการควบคุมน้ำหนักอีกด้วย ซึ่งในท้ายที่สุดแล้วก็จะกลับมากระทบกับสมองอีกอยู่ดี


สิ่งที่สนใจมากๆ เลยคือ Dr. Deniel ถามว่า หากเลือกได้หนึ่งอย่าง อะไรคือสิ่งที่สำคัญที่สุดในการดูแลสมอง

คำตอบคือ “การจัดระเบียบความคิดของเรา” นั่นเอง

เวลาเรามีความคิดผุดขึ้นมาในหัวให้ตั้งคำถามกลับไปว่า “มันจริงหรือเปล่า?”

เช่น ถ้าเรามีความคิดผุดขึ้นมาว่า “แม่ไม่รักเรา” ก่อนจะฟูมฟายให้ลองตั้งคำถามว่า “มันจริงหรือเปล่า?”

ถ้าเราคิดว่า “ฉันนี่มันแย่จังเลย” ก่อนจะโทษตัวเองให้ตั้งคำถามว่า “มันจริงหรือเปล่า?”

การทำแบบนี้คือการไม่ยอมให้ ANTs (Automatic Negative Thoughts) มาควบคุมเราได้โดยง่ายนั่นเอง

คุณหมอบอกว่างานวิจัยสมัยใหม่บ่งบอกว่า เราสามารถทำให้สภาพของสมองเราดีขึ้นได้ด้วยการมีพฤติกรรมดีๆ ที่กล่าวมาข้างต้นนั่นเอง โดยการพัฒนาจะเริ่มเห็นผลตั้งแต่เปลี่ยนพฤติกรรมภายในสองเดือน เมื่อสมองเราอยู่ในภาวะที่ดีขึ้น ทุกอย่างในชีวิตเราก็จะดีขึ้นไปด้วย

ตั้งแต่รูปร่างของเรา ความสัมพันธ์กับคนอื่น ไปจนถึงสถานภาพทางการเงินของเรา

เรื่องนี้เป็นมุมที่น่าสนใจมากๆ ในความจริงที่ว่า กิจวัตรประจำวันของเราที่ดูเหมือนจะไม่ได้เป็นเรื่องใหญ่อะไรในวันนี้ กลับส่งผลต่อคุณภาพชีวิตของเราในวันหน้าอย่างมหาศาล

มาเริ่มดูแลสุขภาพสมองกันนะครับ


#selfdevelopment
#missiontothemoon
#missiontothemoonpodcast

Advertisements

 

Advertisements
Advertisements

LASTEST ARTICLES

LASTEST PODCAST

Rawit Hanutsaha
Rawit Hanutsaha
CEO : Srichand United Dispensary Co.,Ltd. CEO & Co Founder : Mission to the Moon Media Author , Podcaster , Speaker , Guest Lecturer

POPULAR ARTICLES

เราใช้คุกกี้เพื่อพัฒนาประสิทธิภาพ และประสบการณ์ที่ดีในการใช้เว็บไซต์ของคุณ คุณสามารถศึกษารายละเอียดได้ที่ นโยบายคุกกี้ และสามารถจัดการความเป็นส่วนตัวของคุณได้เองโดยคลิกที่ ตั้งค่า

ตั้งค่าความเป็นส่วนตัว

คุณสามารถเลือกการตั้งค่าคุกกี้โดยเปิด/ปิด คุกกี้ในแต่ละประเภทได้ตามความต้องการ ยกเว้น คุกกี้ที่จำเป็น

ยอมรับทั้งหมด
จัดการความเป็นส่วนตัว
  • คุกกี้ที่มีความจำเป็น (Strictly Necessary Cookies)
    เปิดใช้งานตลอด

    คุกกี้ที่มีความจำเป็นสำหรับการทำงานของเว็บไซต์ เพื่อให้คุณสามารถใช้งานและเข้าชมเว็บไซต์ได้อย่างเป็นปกติ คุณไม่สามารถปิดการทำงานของคุกกี้นี้ในระบบเว็บไซต์ของเราได้ อย่างไรก็ตาม คุณสามารถบล็อคการใช้งานคุกกี้ได้จากเบราว์เซอร์ที่ใช้งาน ซึ่งอาจจะส่งผลกระทบกับการใช้งานเว็บไซต์ได้

  • คุกกี้สำหรับการวิเคราะห์และวัดผลการทำงาน (Performance Cookies)

    คุกกี้ประเภทนี้จะทำการเก็บข้อมูลการใช้งานเว็บไซต์ของคุณ เพื่อเป็นประโยชน์ในการวัดผล ปรับปรุง และพัฒนาประสบการณ์ที่ดีในการใช้งานเว็บไซต์ ถ้าหากคุณไม่ยินยอมให้เราใช้คุกกี้นี้ เราจะไม่สามารถวัดผล ปรับปรุงและพัฒนาเว็บไซต์ได้

บันทึกการตั้งค่า