ไมเคิล บิวคานัน ทำงานที่บริษัท Levi’s แบรนด์กางเกงยีนชื่อดังมานานถึง 15 ปี เขาเริ่มจากการเป็นเจ้าหน้าที่คลังสินค้า จากนั้นก็ขยับมาเป็นผู้จัดการสาขา และในปลายเดือนพฤษภาคมปีที่ผ่านมา ในที่สุดเขาก็ได้เพิ่มอีกหนึ่งตำแหน่งใน Resume ของตัวเอง
‘ตำแหน่ง: นักวิทยาศาสตร์ข้อมูล (Data Scientist)’
จากพนักงานคนหนึ่งในร้านที่ไม่เคยมีพื้นฐานด้านการเขียนโค้ดมาก่อน ทำไมตอนนี้ถึงได้มาทำงานด้านข้อมูลให้ Levi’s ซะแล้วล่ะ!?!
นั่นเป็นเพราะ Levi’s คือหนึ่งในบริษัทที่สนใจ Upskill และ Reskill ให้พนักงานของตัวเองนั่นเอง ในบทความนี้เราจะมาดูกันว่า Levi’s ทำอะไรบ้าง บริษัทได้ประโยชน์อะไรจากงานทำเช่นนี้ และสำหรับตัวพนักงานเอง ทำไมถึงควรหันมาสนใจในการพัฒนาทักษะเดิม (Upskill) และเพิ่มเติมทักษะใหม่ (Reskill)
ชวนดูกรณีศึกษา: บริษัท Levi’s และการฝึกอบรมเพิ่มทักษะให้พนักงาน
ไมเคิล บิวคานันเป็นเพียง 1 ในพนักงาน 43 คนที่สมัครและผ่านการคัดเลือกให้เข้าร่วมคอร์สฝึกอบรมทักษะด้าน Machine Learning ของ บริษัท Levi’s ซึ่งเป็นโปรแกรมที่บริษัทออกแบบมาเพื่อสอนการเขียนโค้ดและการวิเคราะห์สถิติ (Statistical Analysis) ให้แก่พนักงานที่ไม่เคยมีพื้นฐานด้านนี้มาก่อน
ในยุคที่โลกเปลี่ยนแปลงไปอย่างรวดเร็ว Levi’s คือหนึ่งในบริษัทค้าปลีกที่ต้องพบกับปัญหาหลายด้าน ตั้งแต่ด้านการเงิน ไปจนถึงด้านเทคโนโลยี พวกเขาพบว่าพนักงานหลายคนนั้นขาด ‘ทักษะจำเป็น’ ในการรับมือกับความท้าทายในธุรกิจยุคปัจจุบัน
ซึ่งความท้าทายใหญ่สำหรับธุรกิจค้าปลีกก็คือ การเข้ามาของ AI และ Machine Learning ในโลกที่การซื้อขายสินค้าทางออนไลน์เป็นที่นิยมมากขึ้น
การระบาดโควิด-19 เผยให้เห็นความขาดแคลนด้านทักษะดิจิทัลในอุตสาหกรรมค้าปลีกอย่างยิ่ง พนักงานหลายหมื่นคนต้องถูกเลิกจ้างในช่วงการระบาดครั้งแรกๆ เพราะร้านค้าและห้างสรรพสินค้าต้องปิดตัว อย่างไรก็ตาม แม้หลายคนจะถูกเรียกตัวกลับไปทำงานเมื่อสถานการณ์ดีขึ้น พวกเขาอาจไม่ได้ทำงานตำแหน่งเดิมเพราะหลายอย่างได้เปลี่ยนไปแล้ว ตอนนี้ธุรกิจค้าปลีกนั้นไม่เพียงขาดพนักงานขายหน้าร้าน แต่ยังขาดวิศวกร และนักวิทยาศาสตร์คอมพิวเตอร์ (Computer Scientist) ด้วย
อีกหนึ่งตัวอย่างบริษัทที่จะต้อง Reskill และ Upskill พนักงานคือ Choice Market เมื่อเครือซูเปอร์มาร์เก็ต Choice Market หันมาใช้ระบบ Checkout-free โดยให้ AI ดูแลการจ่ายเงิน พนักงานแคชเชียร์จึงไม่จำเป็นอีกต่อไป ด้วยเหตุนี้พนักงานเลยต้องผันตัวมาทำหน้าที่อื่นแทน
ยกตัวอย่างเช่น อเมริกา การ์โดซา เธอเคยเป็นพนักงานแคชเชียร์ของ Choice Market มาก่อน แต่เมื่อตำแหน่งของเธอไม่จำเป็นอีกต่อไป บริษัทจึงให้เธอเรียนรู้ทักษะใหม่ๆ ที่จำเป็นและแต่งตั้งเธอเป็น E-commerce Analyst ประจำสาขาแทน ปัจจุบันเธอควบคุมดูแลการบันทึกข้อมูล (Data Entry) ของสินค้ากว่า 2,500 อย่างในร้าน และคอยประสานงานกับบริการส่งของอย่าง Uber Eats และ GrubHub
พนักงานได้ทักษะใหม่ๆ ที่ตอบรับกับเทรนด์ของตลาดแรงงาน และสามารถนำไปต่อยอดได้ แล้วบริษัทล่ะ ได้ประโยชน์อย่างไรจากการเพิ่มทักษะให้พนักงาน?
รายงานจาก McKinsey & Co. คาดการณ์ว่าการหา ‘พนักงานใหม่’ มาแทน ‘พนักงานเดิม’ นั้นมีค่าใช้จ่ายถึง 20-30% ของเงินเดือนต่อปี ในขณะที่การอบรมฝึกฝนพนักงานใหม่นั้น มีค่าใช้จ่ายเพียง 10% ของเงินเดือนต่อปีเท่านั้น ด้วยเหตุนี้พวกเขาจึงเชื่อว่าการฝึกทักษะให้แก่พนักงานจะเป็นสิ่งสำคัญสำหรับหลายธุรกิจในอนาคต
อยาก Reskill และ Upskill พนักงานบ้าง ต้องทำอย่างไร?
หากอยากจะ Reskill และ Upskill ให้พนักงานอย่างมีประสิทธิภาพนั้น การบอกให้พนักงานไปสมัครเรียนเฉยๆ คงไม่เพียงพอ หากอยากพัฒนาไปพร้อมๆ กัน บริษัทต้องส่งเสริมพนักงานมากกว่านั้น
1) โฟกัสที่ทักษะ
บริษัทอาจพอรู้อยู่แล้วว่าต้องการทักษะใดบ้างเพื่อที่จะรับมือกับความเปลี่ยนแปลงได้ในอนาคต แต่พนักงานของคุณทราบถึงสิ่งเหล่านี้ด้วยหรือเปล่า? อันดับแรก พนักงานต้องเข้าใจก่อนว่าทิศทางขององค์กรจะเป็นอย่างไรและทักษะใดที่เป็นที่ต้องการ ในขณะเดียวกัน บริษัทก็ควรศึกษาไปพร้อมๆ กันว่าพนักงานมีความสนใจด้านใดบ้าง ต้องการเรียนรู้ทักษะไหนเป็นพิเศษ
เมื่อตอบคำถามได้แล้วว่าทักษะที่ว่านั้นคืออะไร สิ่งที่บริษัทต้องทำต่อไปคืออำนวยความสะดวกโดยการจัดหาทรัพยากรและเวลาสำหรับพนักงานในการเรียนรู้ ไม่ว่าจะเป็นการเรียนรู้ผ่านประสบการณ์หรือการฝึกอบรม ในกรณีของ Levi’s ทางบริษัทได้มีการจัดคอร์สเรียน 9 ชั่วโมงต่อวัน จำนวน 5 วันต่อสัปดาห์เป็นระยะเวลา 2 เดือน โดยระหว่างนี้พนักงานไม่ต้องไปทำงานและยังได้รับเงินเดือนเช่นเดิม
2) แบ่งปันความรู้
รายงานจาก Deloitte Insights พบว่าเมื่อถามพนักงานว่าเหตุผลในการสมัครงานที่ทำอยู่คืออะไร ส่วนใหญ่ตอบว่า ‘เพราะอยากได้โอกาสในการเรียนรู้’ และกว่า 94% บอกว่าจะทำงานที่บริษัทเดิมต่อแน่นอน หากพวกเขาได้มีโอกาสพัฒนาตนเอง อย่างไรก็ตาม มีเพียง 15% เท่านั้นที่รายงานว่าพวกเขาได้เข้าถึงการเรียนรู้จากการงานที่ทำอยู่
ต้องยอมรับว่างานบางงานต้องเจอกับขั้นตอนซ้ำๆ และไม่ค่อยได้เรียนรู้อะไรใหม่ๆ จึงไม่แปลกเลยหากพนักงานจะรู้สึกว่าตัวเองหยุดพัฒนาและอยากออกไปหาประสบการณ์ใหม่ๆ จากบริษัทอื่น ด้วยเหตุนี้กิจกรรมอย่างการแบ่งปันความรู้ หรือ Knowledge Sharing จึงเป็นสิ่งจำเป็น
ยกตัวอย่างจากบริษัท Tenable บริษัทด้าน Cyber Security แห่งหนึ่ง บริษัทนี้สนับสนุนการเรียนรู้โดยตรงผ่านแพลตฟอร์มชื่อ Prime ที่สร้างไว้ให้พนักงานเข้าไปแบ่งปันความรู้ที่ตัวเองมี หากเนื้อหาของใครน่าสนใจและมีแนวโน้มว่าจะดีต่อพนักงานคนอื่นๆ มากๆ จะมีทีมงานเข้าไปช่วยพัฒนาเนื้อหาด้วย
3) ช่วยสร้างแรงกระตุ้น
การให้เกียรติบัตรตอนจบงานอาจไม่มากพอที่จะกระตุ้นให้พนักงานสนใจเรียนจนจบคอร์สได้ (โดยเฉพาะคอร์สที่ใช้เวลานานหลายเดือน) หลายคนอาจถอดใจไปเสียก่อนเพราะความไม่รู้ว่าตนกำลังเดินอยู่ถึงจุดไหนแล้ว และใกล้ถึงเส้นชัยหรือยัง
ดังนั้นอีกสิ่งหนึ่งที่บริษัทจะช่วยพนักงานได้คือ ช่วยให้พนักงานเห็นภาพว่าแต่ละตำแหน่งในบริษัทนั้นต้องการทักษะใดและระดับไหนบ้าง ส่วนทักษะที่พนักงานกำลังฝึกฝนอยู่ตอนนี้อยู่ระดับไหน และสามารถทำตำแหน่งอะไรได้บ้างแล้ว ภาพที่ชัดเจนนี้เองจะช่วยให้พวกเขาไม่รู้สึกหลงทาง ซึ่งจะกระตุ้นให้พวกเขาเดินหน้าต่อ
โลกกำลังพัฒนาอย่างรวดเร็วและการเปลี่ยนแปลงอาจมาถึงเร็วกว่าที่เราคาดคิด การเข้าใจสถานการณ์ ความต้องการของตลาด และหนทางที่จะพัฒนาทักษะของตัวเองจึงเป็นสิ่งสำคัญ ทักษะเดิมๆ ที่เคยพาเราประสบความสำเร็จในอดีต อาจไม่เพียงพอให้เราไปต่อได้ในอนาคต ดังนั้นมาเตรียมให้พร้อมไว้ตั้งแต่วันนี้ด้วยการ Reskill ใหม่ๆ และ Upskill ที่มีกันเถอะ!
อ้างอิง:
https://on.wsj.com/36sRSUH
https://bit.ly/3uYNBTb
#missiontothemoon
#missiontothemoonpodcast
#reskill