ยิ่งปลายสัปดาห์ ยิ่งเหนื่อยไม่ไหว! มาลอง 6 วิธีแก้เครียดกันดูไหม?

653
วิธีแก้เครียด

แม้ไม่ได้เดินทางไปทำงาน ไม่ต้องไปเจอรถติดหรือคนอัดแน่นบนรถโดยสาร แต่ความรู้สึกเหนื่อยตั้งแต่ลืมตาตื่นยังไม่หายไปไหน เชื่อว่าหลายๆ คนต้องเจอกับอาการแบบนี้ตั้งแต่ล็อกดาวน์ใช่ไหม

รู้สึกเหนื่อยทั้งกายทั้งใจตั้งแต่ยังไม่ทันหมดสัปดาห์เลย เราจะ ‘ผ่อนคลาย’ ให้หายเครียดและ ‘เพิ่มพลังใจ’ กันอย่างไรดี?

ในหนังสือเรื่อง Burnout: The Secret to Unlocking the Stress Cycle ผู้เขียนได้พูดถึงวิธีการ ‘จบวงจรความเครียด’ โดยการทำให้ร่างกายรู้สึกปลอดภัยผ่านวิธีต่างๆ แต่จะมีวิธีไหนบ้าง เรามาดูกัน!

Advertisements

เทคนิคคลายความเครียด

1) เทคนิคหายใจแบบ 5-5-10-5

การหายใจเข้าออกช้าๆ ช่วยควบคุมร่างกายในการตอบสนองต่อความเครียด โดยเฉพาะเวลาที่เรา ‘หายใจออก’ ช้าๆ ยาวๆ จนสุดปอดและรู้สึกว่าหน้าท้องเกร็ง

เทคนิคหายใจแบบ 5-5-10-5 สามารถทำได้ง่ายๆ โดยเริ่มจากการหายใจเข้าช้าๆ พร้อมนับ 1-5 ในใจ กักลมหายใจไว้ 5 วินาที ก่อนจะหายใจออกช้าๆ พร้อมนับ 1-10 แล้วหยุดอีก 5 วินาที จากนั้นจึงเริ่มหายใจเข้าอีกครั้ง ทำเช่นนี้ซ้ำๆ ประมาณ 3 รอบ แล้วลองสังเกตความรู้สึกของตัวเองดูว่าแตกต่างไปอย่างไร

การหายใจจะช่วยลดความเครียดเพื่อให้เราเอาตัวรอดผ่านสถานการณ์ตรงหน้าไปได้ (อย่างการพูดหน้าห้อง หรือการนำเสนอโปรเจกต์ให้ลูกค้า) และจะได้ผลที่สุดเมื่อเรารู้สึกเครียดระดับเล็กน้อยไปจนถึงปานกลาง

2) มีปฏิสัมพันธ์ที่ดีกับคนอื่น

การพูดจาทักทายผู้คน ตั้งแต่คนรอบตัวไปจนถึงคนแปลกหน้า ทำให้วันของเราดีขึ้นได้อย่างไม่น่าเชื่อ แม้จะเป็นการแสดงออกเล็กๆ อย่างการเอ่ยชมเพื่อนร่วมงาน หรือยิ้มให้พนักงานตอนไปซื้อกาแฟ ก็ช่วยให้เรารู้สึกว่าโลกปลอดภัยและน่าอยู่ขึ้นมาได้

3) หัวเราะ

หากได้ทักทายพูดคุยกับคนอื่นๆ แล้ว หาเรื่องตลกคุยจนหัวเราะออกมาเลยจะดีมาก! หรือจะชวนระลึกถึงเหตุการณ์ขำๆ ในอดีตที่เราทั้งคู่เคยหัวเราะจนท้องแข็งก็ได้ การหัวเราะช่วยกระตุ้นอวัยวะหลายส่วน เช่น หัวใจ ปอด และกล้ามเนื้อ อีกทั้งยังช่วยกระตุ้นการหลั่งสารเอ็นโดรฟินอีกด้วย นอกจากจะทำให้เรารู้สึกผ่อนคลายแล้ว ยังช่วยให้ทั้งสองฝ่ายพึงพอใจต่อความสัมพันธ์มากขึ้น

4) กอดกันบ้างเสริมสร้างกำลังใจ

การได้รับความรักหรือได้แสดงออกถึงความรักต่อคนที่เราเคารพ รัก หรือเชื่อใจช่วยให้เรารู้สึกดีขึ้น จริงๆ แล้วไม่จำเป็นต้องแสดงออกทางกายก็ได้ แต่ถ้าหากทำได้ก็ดีไม่ใช่น้อย

เพราะการกอดกับคนที่เรารู้สึกปลอดภัยและเชื่อใจนั้น ช่วยให้เรารู้สึกโล่งใจ ไม่ต่างจากความรู้สึกที่ได้รับตอนรอดพ้นจากอันตรายเลย

เทคนิคการกอด 20 วินาทีก็เป็นวิธีที่หลายคนแนะนำ เนื่องจากการกอดนานๆ แบบนี้จะช่วยปรับฮอร์โมน ลดความดันเลือด ปรับอัตราการเต้นของหัวใจให้เป็นปกติ และปรับอารมณ์ให้ดีขึ้น ที่สำคัญนักวิจัยแนะนำว่าไม่จำเป็นต้องครบ 20 วินาทีก็ได้ แค่กอดจนรู้สึกผ่อนคลายก็พอ

เราไม่จำเป็นต้องกระชับความสัมพันธ์กับคนเสมอไป หากใครมีสัตว์เลี้ยง ก็สามารถลูบหรือกอดน้องหมาน้องแมวของตัวเองได้นะ

ส่วนใครที่อยู่ตัวคนเดียวนั้น ลองทำตามเทคนิคกอดตัวเองเพิ่มพลังใจดู

Advertisements

5) ร้องไห้ออกมา

กลั้นร้องไห้ทั้งวันจนวินาทีที่ได้อยู่ในห้องคนเดียว น้ำตาก็พรั่งพรูออกมาจนห้ามไม่อยู่ เคยเจอสถานการณ์แบบนี้กันบ้างไหม?

ไม่ใช่เรื่องแปลกเลย การร้องไห้เอาความรู้สึกแย่ๆ ออกมาให้หมดช่วยให้เรารู้สึกโล่งขึ้นอย่างมาก แม้ปัญหาจะยังไม่ได้หายไปไหน แต่อย่างน้อยเราก็ได้เคลียร์อารมณ์ตัวเอง เพื่อให้พร้อมรับมือกับเรื่องเหล่านั้น

หากใครรู้สึกอยากร้องไห้แต่ร้องไม่ออก ลองหาหนังซึ้งๆ ชวนน้ำตาไหลดูสักเรื่อง และร้องไห้ไปพร้อมกับตัวละคร เมื่อหนังจบเราจะรู้สึกโล่งอย่างไม่น่าเชื่อ

6) ให้ความคิดสร้างสรรค์ช่วยเติมพลัง

การทำกิจกรรมที่ได้ใช้ความคิดสร้างสรรค์ช่วยให้เราตื่นตัวและมีพลังมากขึ้น ไม่ว่าจะเป็นการระบายสี การปั้น การร้องเพลง หรือการเล่นดนตรี ศิลปะเหล่านี้ช่วยให้เราก้าวผ่านความรู้สึกหม่นหมองไปได้บ้าง ผ่านการมีสมาธิกับสิ่งตรงหน้าแทน ว่ากันว่าการใช้ความคิดสร้างสรรค์ช่วยให้เราโฟกัสได้ดีพอๆ กับการนั่งสมาธิเลยนะ

หากเกิดความเครียดขึ้นมาและเราปล่อยให้ตัวเองอยู่กับความรู้สึกเช่นนั้น โดยไม่ระบายความเครียดออกไปให้ครบวงจรของมัน สิ่งน่ากลัวที่ตามมาคืออาการเบิร์นเอาท์ แต่เทคนิคเหล่านี้เองจะช่วยให้เราจบลูปความเครียดได้

อย่างไรก็ตาม สำหรับคนที่มีเรื่องเครียดมากๆ และกังวลว่าเทคนิคเหล่านี้ไม่อาจช่วยให้รู้สึกดีขึ้น 100% ก็อย่าเพิ่งท้อใจไป คิดเสียว่าอย่างน้อยเราก็ผ่อนคลายขึ้นมาบ้าง

แค่ความเครียดลดจาก 10 เหลือ 5 ก็ถือว่าเป็นผลลัพธ์ที่ดีแล้วนะ

เนื้อหาอื่นๆ ที่น่าสนใจ:
ไปนอนได้แล้ว! เพราะชีวิตที่ดี เริ่มต้นจากการนอนที่ดี
–  จัดลำดับความสำคัญงานด้วย Pickle Jar Theory

แปลและเรียบเรียง:
https://bit.ly/3zwEWH9
https://mayocl.in/2V3dlhJ

#missiontothemoon
#missiontothemoonpodcast

ติดตามความเคลื่อนไหวและเนื้อหาน่าสนใจอื่นๆ ได้ที่ https://missiontothemoon.co/

Advertisements