สะดุดล้มเมื่อกี๊ คงมีแต่คนหัวเราะเราแน่ๆ! รู้จัก ‘Spotlight Effect’ ความรู้สึกที่เหมือนทุกคนกำลังจับตามองคุณอยู่

646
Spotlight Effect

สมหญิงเป็นเด็กสาวอายุ 16 ที่กำลังเตรียมตัวไปซ้อมใหญ่งานกีฬาสีของโรงเรียน แต่ทว่าสมหญิงถูกมอบหมายให้เดินในขบวนพาเหรด และนี่จะเป็นครั้งแรกที่เธอใส่รองเท้าส้นสูง เธอจึงฝึกเดินอยู่ที่บ้านจนพร้อมที่จะเดินผ่านท่ามกลางสายตาผู้คน

แต่แล้วโชคชะตาก็ไม่เป็นใจกับสมหญิง เมื่อเสียงวงโยธวาทิตดังขึ้น สมหญิงกลับเดินผิดจังหวะและล้มหัวทิ่มกลางขบวน

ถึงแม้จะไม่บาดเจ็บ หรือการที่คนส่วนใหญ่ยุ่งอยู่กับงานส่วนของตัวเองจนไม่รู้ด้วยซ้ำว่าเกิดเหตุการณ์นี้ สมหญิงกลับคิดว่าทุกคนในงานเห็นเธอล้ม ว่าเหตุการณ์น่าอับอายนี้จะถูกจดจำและหลอกหลอนเธอจนกว่าจะเรียนจบ

Advertisements

เชื่อว่าหลายๆ ท่านเคยมีประสบการณ์คล้ายกับสมหญิง ที่ประสบความน่าอับอายในที่สาธารณะ และรู้สึกเหมือนทั้งโลกกำลังมองเราอยู่ แต่จริงๆ แล้วแทบไม่มีมีใครสนใจคุณอยู่เลย และเพื่อนคุณกลับจำไม่ได้ด้วยซ้ำเมื่อคุณพูดถึงเหตุการณ์นี้

ทั้งคุณและสมหญิง กำลังประสบกับ ‘Spotlight Effect’ อยู่

เหตุการณ์เช่นนี้เป็นปรากฏการณ์ทางจิตวิทยาที่เราจะประมาณจำนวนสายตาของผู้อื่นที่มองเราอยู่เยอะกว่าความเป็นจริง เสมือนมีแสงไฟคอยส่องมาที่เราตลอดเวลา และสิ่งต่างๆ ที่เราไม่ชอบเกี่ยวกับตัวเรา หรือความผิดพลาดที่น่าอับอาย ก็ถูกรับรู้โดยทุกคนที่อยู่รอบตัวเรา

ปรากฏการณ์นี้เกิดขึ้นจากการที่เราใช้มุมมองของตัวเองเยอะเกินไปจนเราลืมพิจารณาถึงสายตาผู้อื่นนอกเหนือจากเรา ซึ่งทำให้เราให้ความสำคัญกับตัวตนของเราในสถานที่หรือเหตการณ์หนึ่งมากกว่าความเป็นจริง

ด้วยเหตุนี้ เราจึงรู้สึกอับอายเมื่อเราทำอะไรพลาดในที่สาธารณะ หรือเราจะรู้สึกแปลกๆ เวลาเราต้องไปคุยกับเพื่อนร่วมงานหลังจากเราเขียนอายไลน์เนอร์มาไม่เท่ากัน ทั้งๆ ที่คนอื่นอาจจะไม่รู้ตัวเลยก็ได้ว่าเรากำลังทำสิ่งพวกนี้อยู่

มันเป็นเรื่องปกติที่พอเรามองโลกด้วยสายตาตนเอง เราเป็นเหมือนตัวละครหลักในภาพยนตร์ที่ตนเองเล่นอยู่ แต่บางทีเราก็ลืมไปว่า ทุกคนก็เป็นตัวละครหลักในภาพยนตร์ของเขาอยู่เหมือนกัน บางทีเราจึงลืมที่จะเอามุมมองคนอื่นมาพิจารณา และนั่นทำให้เรารู้สึกแย่เมื่อตนเองทำพลาดมากกว่าที่ควรจะเป็น

ครั้งหน้าที่เกิดเหตุการณ์เช่นนี้ขึ้น อาจจะลองถามคนรอบตัวที่รู้จัก ว่ามีคนเห็นเราเยอะหรือไม่ หรือเหตุการณ์นั้นแย่แบบที่เราคิดหรือไม่ ซึ่งการขอความคิดเห็นจากผู้อื่นจะทำให้เราไม่ประมาณการไปเอง และเราจะได้ข้อคิดเห็นหรือคำแนะนำที่เราสามารถนำมาปรับใช้กับตัวเองได้อีกด้วย

โดยขอให้ทุกท่านไม่ลืมว่า คนเราผิดพลาดกันได้ และในหลายๆ ครั้ง ความผิดพลาดนั้นกลับเกิดในที่สาธารณะที่คนอื่นสามารถเห็นเราในตอนที่เราน่าอับอาย แต่นั่นไม่ได้แปลว่าเหตุการณ์นั้นจะเป็นตราบาป คอยติดตามเราอยู่ตลอดเวลา

Advertisements

ไม่ว่าจะเกิดอะไรขึ้น เราอย่าลืมที่จะใจเย็นกับตัวเอง และพร้อมที่จะลุกขึ้นมาทุกครั้งที่เราล้ม เพราะจริงๆ แล้วไม่มีใครคอยส่องไฟมาที่เราทุกครั้งที่เรามีอะไรที่อยากปกปิด นอกจากเราจะเป็นคนส่องไฟนั้นให้ตัวเอง

แปลและเรียบเรียงจาก:

https://bit.ly/3wYInoF

https://bit.ly/2UFljgp

https://bit.ly/3gSUTAl

#missiontothemoon 

#missiontothemoonpodcast

#selfimprovement #behavior

ติดตามความเคลื่อนไหวและเนื้อหาน่าสนใจอื่นๆ ได้ที่ https://missiontothemoon.co/

Advertisements