End-of-Year Fatigue ทำไมยิ่งใกล้สิ้นปียิ่งขี้เกียจ!?!

702
End-of-Year Fatigue

ได้ยินคนพูดบ่อยๆ ว่าช่วงเทศกาลเป็น “ช่วงเวลาแห่งความสุข” แต่เรารู้สึกกันบ้างไหมว่า ยิ่งเข้าใกล้สิ้นปี เรายิ่งรู้สึกขี้เกียจกว่าเดิม เครียดกว่าเดิม และเหนื่อยกว่าเดิม ทั้งๆ ที่เราใกล้จะได้หยุดยาวในเทศกาลอย่างคริสต์มาสและปีใหม่แท้ๆ! 

อารมณ์คล้ายจะหมดไฟในช่วงท้ายปีนี้มีชื่อเรียกว่า “End-of-Year Fatigue” หรือ “ความเหนื่อยล้าในช่วงสิ้นปี”

แน่นอนว่าเราไม่ได้รู้สึกไปเองคนเดียว ใกล้เข้าเดือนธันวาคม หลายคนยิ่งรู้สึกเหนื่อยล้าจนแทบไม่มีกะจิตกะใจในการทำงาน ราวกับว่ามันเป็นปรากฏการณ์อะไรบางอย่าง แต่หากเราเปรียบเทียบชีวิตของเราในแต่ละปีเหมือนกับการวิ่งมาราธอนอาจเห็นภาพมากขึ้น เพราะว่าช่วงใกล้สิ้นปีก็ไม่ต่างจาก “โค้งสุดท้าย” ในการวิ่ง ที่เราทั้งหมดแรงกาย แรงใจ และใกล้หมดไฟมากที่สุด

Advertisements

ที่น่ากลัวคือหากปล่อยไว้ เราอาจเกิดอาการเบิร์นเอาท์ตามมาได้! จะทำอย่างไรหากเรากำลังเผชิญกับสถานการณ์นี้อยู่ มาทำความเข้าใจ หาต้นสายปลายเหตุ หนทางแก้ไข และพากันเข้าเส้นชัยของปี 2021 อย่างงดงามกันเถอะ

สาเหตุของ “End-of-Year Fatigue” ความเหนื่อยล้าที่มาพร้อมกับช่วงเทศกาล

1) ชีวิตการทำงานที่ “เข้มข้น” ขึ้นเรื่อยๆ

ช่วงสิ้นปีเป็นช่วงที่เดดไลน์ของงานสารพัดใกล้เข้ามา เราจึงต้องจริงจังกับการทำงานเป็นพิเศษ ไหนจะต้องทำยอดให้ถึงเป้าก่อนสิ้นปี (หรือไม่ก็ทำเป้าหมายต่างๆ ให้ตรงตาม OKRs ที่ตั้งไว้) และการประชุมสรุปสิ่งที่ทำมาตลอดทั้งปีอีก

แค่งานที่กล่าวไปก่อนหน้านี้ เราก็ต้องทำงานจนมือเป็นระวิงแล้ว แต่ยังไม่หมดแค่นั้น!  เพราะในช่วงท้ายปีเป็นช่วงที่เราต้องเตรียมตัวและวางแผนทิศทางต่างๆ สำหรับปีถัดไปด้วย ช่วงนี้เรียกได้ว่างานทั้ง ‘จริงจัง’ และ ‘เยอะ’ ในเวลาเดียวกัน

2) ช่วงเวลาแห่งการพบปะผู้คน

เดือนนี้เรียกได้ว่าเป็นเดือนแห่งการ ‘นัดทานข้าว’ กับผู้คน ตั้งแต่งานเลี้ยงทีม งานเลี้ยงบริษัท นัดสังสรรค์กับเพื่อนประถม เพื่อนมัธยม เพื่อนมหาวิทยาลัย ไปจนถึงนัดกินข้าวกับครอบครัว

จริงๆ การได้กระชับสัมพันธ์กับคนในชีวิตถือเป็นเรื่องที่ดี แต่การที่ทุกนัดมารวมตัวกันในเดือนเดียวเช่นนี้ ไม่ว่าจะเป็นชาว Extroverts ที่ชอบสังสรรค์เป็นชีวิตจิตใจก็เหนื่อยเอาได้

ยิ่งไปกว่านั้น หากเราเป็น ‘แม่งาน’ ที่ต้องคอยจัดหาวันว่างตรงกันและหาร้านอาหารที่ทุกคนสะดวก ยิ่งรู้สึกท้อแท้และหมดแรงเป็นพิเศษ เพราะกว่าเพื่อนแต่ละคนจะตอบและหาตัวเลือกที่ตรงใจทุกคนไม่ใช่เรื่องง่ายเลย

การพบปะกับ ‘ครอบครัว’ ยิ่งเป็นเรื่องน่าเหนื่อยใจสำหรับใครหลายๆ คน เพราะไม่ใช่ทุกคนที่จะมีสายสัมพันธ์ที่ดีกับในครอบครัว หลายครั้งเราต้องทนฟังคำถามและคำพูดจาที่ไม่น่าฟังตลอดงาน ทั้งจากคนใกล้ชิดและญาติห่างๆ แม้อาหารจะอร่อยแค่ไหน แต่เรากลับไม่เจริญอาหารเอาเสียเลย

การศึกษายังพบอีกว่า ชาวอเมริกัน ​โดยเฉพาะผู้หญิงที่มีครอบครัว มักจะเครียดเป็นพิเศษในช่วงท้ายปี เพราะพวกเขาต้องจัดบ้าน ทำอาหารและเลี้ยงต้อนรับคนจำนวนมากในงานสังสรรค์

3) ค่าใช้จ่ายเยอะ

สิ่งที่ทำเอาหลายคนปวดหัวกับช่วงท้ายปีคือ ‘ค่าใช้จ่าย’ ตั้งแต่ค่าเดินทางกลับบ้านเกิด เดินทางไปเที่ยว ค่าอาหารและเครื่องดื่มในงานสังสรรค์ ค่าของขวัญจับฉลากท้ายปี ไปจนถึงค่าข้าวของเครื่องใช้และเสื้อผ้าที่แห่มาลดราคาสิ้นปีอีก แม้จะเป็นค่าใช้จ่ายเผื่อความสุขส่วนตัว แต่เมื่อจำนวนมันมากขึ้นเรื่อยๆ เราก็อดที่จะเครียดไม่ได้ 

การศึกษาหลายงานพบว่ากว่า 86% ของคนยุคมิลเลนเนียลใช้จ่ายเกินตัวในช่วงวันหยุด และมีหลายปัจจัยด้วยกันที่ทำให้เราเป็นเช่นนั้น ตั้งแต่การตกเป็นทาสการตลาด ความเครียด และการไม่วางแผนทางการเงิน ดังนั้นในช่วงนี้เราควรวางแผนค่าใช้จ่ายให้ดีและทำตามอย่างเคร่งครัด เพื่อที่เราจะได้ไม่มาเครียดเรื่องเงินในภายหลัง

4) ความตื่นเต้น!

แม้งานจะเยอะ แต่ความอยากช็อป อยากหยุดพักผ่อน และอยากวางแผนเที่ยวก็เยอะไม่แพ้กัน! หลายคนรู้สึกได้เลยว่าบางครั้งที่จิตใจไม่อยู่กับเนื้อกับตัว ทำงานไม่ได้ ก็เป็นเพราะตัวเราเองที่ตื่นเต้นเกินไป ทั้งนี้เป็นเพราะเมื่อเราตื่นเต้น ร่างกายจะหลั่งสารอะดรีนาลีน ซึ่งส่งผลให้เราตื่นตัวมากเกินไปและอยู่ไม่สุขนั่นเอง

ความตื่นเต้นฟังดูเป็นเรื่องดีๆ ในชีวิต แต่เมื่อใดที่มันส่งผลต่อการตัดสินใจของเรา ทำให้เราวางงานลงแล้วพูดว่า “ไว้ค่อยทำพรุ่งนี้” ก็อาจก่อให้เกิดผลเสียตามมาได้

Advertisements
mm2021

รับมืออย่างไรกับอารมณ์ว้าวุ่นใจช่วงท้ายปี

จะเห็นได้ว่าช่วงสิ้นปีเป็นช่วงที่ชีวิตด้านการงาน การเงิน และความสัมพันธ์ส่วนตัวต่างมีบทบาทเข้มข้นขึ้นมาพอๆ กัน หากเราอยากเลี่ยงอาการเหนื่อยล้า End-of-Year Fatigue เราต้องเตรียมรับมือไว้ให้ดี

1) วางแผนชีวิตให้ดี

แจกแจงชีวิต 1 เดือนสุดท้ายก่อนสิ้นปีออกมาว่ามีงานไหนต้องทำบ้าง วันไหนต้องไปปาร์ตี้บ้าง และมีค่าใช้จ่ายอะไรบ้าง จดทุกอย่างแม้จะเป็นเรื่องเล็กน้อยมากๆ (อย่างการไปตัดผมหรือไปทำเล็บ) การจดบันทึก ‘สิ่งที่ต้องทำ’ ที่พันกันวุ่นวายอยู่ในหัว เรียบเรียงมันออกมาให้เป็นข้อๆ นี้เอง จะช่วยให้เรามองเห็นภาพใหญ่และรู้สึกกังวลน้อยลง

เท่านั้นยังไม่พอ เนื่องจากช่วงปลายปีมีสิ่งที่ต้องทำเยอะ เราอาจตื่นเต้นกับมันเป็นพิเศษจนหลายครั้งตัดสินใจ ‘พลาด’ เพราะใช้อารมณ์เป็นหลัก 

ลองจินตนาการถึงตัวเราที่กำลังทำงานสำคัญอยู่ แต่เพื่อนดันโทรมาออดอ้อนให้ออกไปสังสรรค์ด้วยกันดู มีความเป็นไปได้สูงว่าเราอาจจะเทงานทิ้ง ออกไปพบปะผู้คนและปล่อยให้งานเป็นเรื่องของเราในวันพรุ่งนี้

การออกไปใช้ชีวิตบ้างเป็นเรื่องดี แต่หากเราทำเช่นนี้บ่อยๆ ตัวเราในวันพรุ่งนี้อาจเหนื่อยจนเบิร์นเอาท์เอาได้ หากเราตระหนักถึงสิ่งที่ต้องทำและตารางชีวิตในภาพใหญ่ เราอาจตัดสินใจในการบริหารเวลาได้ดีขึ้น

2) เตรียมรับมือกับความเครียด

ในช่วงท้ายปีเรื่องงานมักจะเข้มข้นขึ้นและมีหลายอย่างที่ต้องทำให้สำเร็จตามเดดไลน์ ดังนั้นจะหลีกเลี่ยงจากความเครียดคงเป็นเรื่องยาก สิ่งที่เราสามารถทำได้คือเตรียมตัวรับมือกับมัน อย่างการล็อกเวลา 1-2 ครั้งต่อสัปดาห์เพื่อไปออกกำลังกาย เล่นโยคะ หรือทำกิจกรรมที่ชอบ

บ่อยครั้งหลังจากกลับมาจากที่ทำงานในวันหนักๆ เรามักจะนอนแช่อยู่บนโซฟาและเล่นโทรศัพท์ไปเรื่อยๆ เพราะความเหนื่อยล้าและคิดอะไรไม่ออก ทั้งๆ ที่รู้ดีว่าการใช้เวลากับโซเชียลมีเดียบางครั้งก็กินเวลาเราไปมากและทำให้สุขภาพจิตเราแย่ หากเราสามารถลิสต์กิจกรรมในการดูแลตัวเอง (Self-care Routine) ในวันแย่ๆ ไว้เลยจะช่วยได้เยอะ อย่างเช่น สั่งอาหารร้านที่ชอบมาทาน ดูซีรีส์เรื่องโปรด แช่น้ำร้อนๆ สักครึ่งชั่วโมง และจุดเทียนหอมสร้างบรรยากาศให้ห้องนอนดูผ่อนคลายก่อนนอน

3) เขียนถึงตัวเองในวันสุดท้ายของปี

หากเราเริ่มเหนื่อยล้ามาสักพักแล้วและต้องการแรงใจในการไปต่อโค้งสุดท้าย ลองจินตนาการว่าวันนี้เป็นวันที่ 31 ธันวาคมแล้วและหยิบสมุดมานั่งเขียน ‘ความสำเร็จ’ ของเราดู แน่นอนว่าความสำเร็จเหล่านั้นจะยังเป็นความสำเร็จในจินตนาการ เพราะในชีวิตจริงเราอาจกำลังทำงานงานนั้นอยู่ แต่การได้จินตนาการถึงช่วงเวลาที่เราทำสิ่งยากๆ เสร็จแล้ว ได้ขอบคุณตัวเองที่อดทน และได้ดื่มด่ำกับความสำเร็จ ความรู้สึกที่ตามมาพร้อมกับสิ่งเหล่านี้นี่แหละ จะช่วยผลักดันให้เราทำตามที่คิดไว้ได้อย่างดีเลย

ปี 2021 ที่ผ่านมาไม่ใช่เรื่องง่าย เราต้องเผชิญกับปัญหามากมาย ไม่ว่าจะเป็นโรคระบาด สถานการณ์บ้านเมือง เรื่องงาน และเรื่องชีวิตส่วนตัว หากจะรู้สึกเหนื่อยและหมดไฟในช่วงสิ้นปีก็คงไม่ใช่เรื่องแปลกอะไร สิ่งที่สำคัญก็คือวางแผนงานและเวลาดีๆ จะได้ไม่เครียดกว่าเดิม หาเวลาพักผ่อน และใจดีกับตัวเองบ้าง

เราเก่งมากๆ แล้วที่ผ่านมาได้และในปีต่อไปมีสิ่งดีๆ รอเราอยู่มากมายนะ 🙂

อ้างอิง
https://bit.ly/3EDHyVT
https://bit.ly/3pIPE9y
https://bit.ly/3IyZZxy
https://cnb.cx/3ICypQa

#missiontothemoon
#missiontothemoonpodcast
#psychology
#inspiration

ติดตามความเคลื่อนไหวและเนื้อหาน่าสนใจอื่นๆ ได้ที่ https://missiontothemoon.co/

Advertisements

ทิ้งคำตอบไว้

กรุณาใส่ความคิดเห็นของคุณ!
กรุณาใส่ชื่อของคุณที่นี่