เคยหรือไม่? รู้สึกรับรู้ได้ว่าตัวเองเป็นคนที่เก่งประมาณหนึ่ง สามารถทำงานได้หลายรูปแบบ ผ่านอุปสรรคและความท้าทายมานับไม่ถ้วน แต่กลับไม่ค่อยรู้สึกภาคภูมิใจในตัวเอง อีกทั้งยังรู้สึกกดดันมากยิ่งขึ้นไปอีก
ในช่วงเวลานี้ หากลองสำรวจความคิดเห็นของคนบนโลกออนไลน์ ทั้งโซเชียลมีเดียและจากกระทู้ใน เว็บไซต์ Reddit จะพบว่ามีคนแชร์ประสบการณ์การมีความมั่นใจในตัวเองสูงแต่ความภาคภูมิใจในตัวเองต่ำเพิ่มมากขึ้น โดยมีผู้ใช้รายหนึ่งกล่าวว่า แม้เขาจะมีความมั่นใจในการทำงานและสามารถแก้ปัญหาได้อย่างมีประสิทธิภาพ แต่เขากลับรู้สึกว่าตนเองไม่มีคุณค่าและต้องการการยอมรับจากเพื่อนร่วมงานอยู่เสมอ สิ่งนี้ทำให้เขารู้สึกเครียดและเหนื่อยล้าตลอดเวลา
อาการแบบนี้เป็นหนึ่งในปัญหาทางใจของคนวัยทำงาน ที่ต้องทำงานท่ามกลางการแข่งขันและความท้าทาย บ่อยครั้งเรามักจะพบว่าคนรอบๆ ตัวของเราบางคนมักจะมีความมั่นใจสูงในความสามารถของตัวเอง แต่ในทางกลับกันก็เป็นคนที่มีความภาคภูมิใจในตัวเองต่ำ ซึ่งปัญหานี้อาจมีผลกระทบต่อทั้งสุขภาพจิตและการทำงานได้อย่างมาก ทั้งความวิตกกังวลและซึมเศร้า ความล้มเหลวในการบรรลุเป้าหมาย อีกทั้งหลายผลสำรวจยังยืนยันว่าการมีความภาคภูมิใจในตัวเองต่ำก็เป็นสาเหตุหนึ่งที่ทำให้เกิดปัญหาสุขภาพจิตอื่นๆ เช่น ความผิดปกติในการกิน (Eating Disorders) การเสพติดอินเทอร์เน็ต โรคแพนิค (Panic Disorder) และการใช้สารเสพติดได้ในปลายทาง
แล้วความมั่นใจในตัวเอง (Self-Confidence) และความภาคภูมิใจในตัวเอง (Self-Esteem) นี้แตกต่างกันอย่างไร? เราควรทำอย่างไรเพื่อให้ตัวเองสามารถดูแลเสี้ยวของใจเหล่านี้ได้โดยที่ไม่ต้องเสียอย่างใดอย่างหนึ่งไป
ความมั่นใจในตัวเอง vs ความภาคภูมิใจในตัวเอง
ตามนิยามทั่วไปแล้ว ความมั่นใจในตัวเอง (Self-Confidence) จะเป็นความเชื่อมั่นในความสามารถของตัวเองในการทำสิ่งต่างๆ ไม่ว่าจะเป็นเรื่องงานหรือกิจกรรมอื่นๆ ซึ่งคนที่มีความมั่นใจในตัวเองสูงมักจะกล้าที่จะรับความท้าทายใหม่ๆ และเชื่อว่าตนสามารถประสบความสำเร็จได้
ส่วนความภาคภูมิใจในตัวเอง (Self-Esteem) เป็นการมองเห็นคุณค่าในตัวเอง ไม่ว่าเราจะประสบความสำเร็จหรือไม่ ความภาคภูมิใจในตัวเองเกี่ยวข้องกับความรู้สึกที่ว่าตนมีคุณค่าและมีความสำคัญ ซึ่งเป็นรากฐานของความสุขและความพึงพอใจในชีวิต
ดังนั้น เราอาจจะเห็นคนที่แม้จะไม่ประสบความสำเร็จในชีวิต แต่ก็สามารถมีความภาคภูมิใจในตัวเองในระดับที่สูงได้ ตรงกันข้ามคนที่มีความมั่นใจในตัวเองสูง ก็อาจจะยังไม่พอใจกับผลลัพธ์ของชีวิตในปัจจุบัน และไม่พึงพอใจกับตัวเอง
แม้คนที่มีความมั่นใจในตัวเองสูง จะถูกสังคมมองว่าคนกลุ่มนี้มีทุกอย่างที่ต้องการและชีวิตก็ดูประสบความสำเร็จดี แต่ถ้าหากเขามีความภาคภูมิใจในตัวเองต่ำ ก็ทำให้รู้สึกว่างเปล่าภายในใจและต้องการการยอมรับจากผู้อื่นอยู่เสมอ ซึ่งนี่ก็เป็นที่มาที่ทำให้คนที่มีความมั่นใจในตัวเองสูง แต่ความภาคภูมิใจในตัวเองต่ำ มักจะต้องการการยอมรับจากผู้อื่นตลอดเวลา และอาจทำให้คนกลุ่มนี้เกิดความเครียดและความเหนื่อยล้าทางจิตใจ
สิ่งที่ตามมาเมื่อเรามีความมั่นใจสูง แต่ความภูมิใจต่ำ
แน่นอนว่าสิ่งแรกที่เกิดขึ้นสำหรับคนกลุ่มนี้คือ “ความต้องการการยอมรับจากคนอื่นตลอดเวลา” คนที่มีความมั่นใจในตัวเองสูง แต่มีความภาคภูมิใจในตัวเองต่ำ มักจะต้องการการยอมรับและคำชมเชยจากผู้อื่นอย่างต่อเนื่อง เพราะพวกเขารู้สึกว่าความสำเร็จของตนเองไม่ได้มีค่าเท่าที่ควร ซึ่งคนกลุ่มนี้มักจะถูกพบเจอในรูปแบบของพนักงานที่มีประสิทธิภาพสูง แต่ในขณะเดียวกันก็มีความเสี่ยงที่จะหมดไฟจากการทำงานที่มากเกินไปและความเครียดที่สะสมแบบไม่รู้จบ
ต่อมาคือคนกลุ่มนี้จะรู้สึก “เครียดและกดดันตลอดเวลา” เพราะแน่นอนว่าการที่ต้องการการยอมรับจากผู้อื่นอยู่เสมอ ทำให้คนกลุ่มนี้อาจรู้สึกกดดันและเครียดอยู่ตลอดเวลา เมื่อไม่ได้รับการยอมรับตามที่คาดหวัง ซึ่งสามารถนำไปสู่ปัญหาสุขภาพจิต เช่น ภาวะซึมเศร้าและความวิตกกังวลได้ และสุดท้ายคือ “การขาดความสมดุลในชีวิต” ลองนึกถึงภาพของคนที่มุ่งมั่นในการทำงานเพื่อให้ได้รับการยอมรับจากผู้อื่น จนละเลยความต้องการส่วนตัวและความสุขของตัวเอง ทำให้สุดท้ายแล้วก็ไม่ได้รับสิ่งที่ต้องการในชีวิตจริงๆ ทำให้เกิดปัญหาความเหนื่อยล้าทางอารมณ์และสุขภาพกายได้ในระยะยาว
แล้วถ้าเรารู้ตัวว่าเป็นคนที่มีความมั่นใจสูง แต่ความภูมิใจต่ำ และไม่อยากให้ชีวิตขาดความสมดุล เสียงาน เสียความสัมพันธ์กับคนรอบข้าง รวมถึงเสียสุขภาพจิตของตัวเองไป เราควรทำอย่างไรเพื่อแก้ปัญหาเหล่านี้?
วิธีดูแลสุขภาพจิตและดึงตัวเองกลับมาจากนิสัยมั่นใจสูง ภูมิใจต่ำ
หากการวางแผนงานให้มีความสมดุลระหว่างผลลัพธ์ต้องการและสิ่งที่ทำได้มีความสำคัญ การสร้างความสมดุลระหว่างความมั่นใจในตัวเองและความภาคภูมิใจในตัวเองก็เป็นอีกหนึ่งงานที่มีความสำคัญสำหรับคนที่ต้องการดูแลใจของตัวเองเช่นกัน โดยเราสามารถทำได้ตามขั้นตอนเหล่านี้
[ ] รับรู้และยอมรับความรู้สึกของตนเอง รวมถึงพยายามมองให้เห็นถึงปัญหาที่เกิดขึ้น ซึ่งเป็นก้าวแรกในการแก้ไขปัญหา เพราะการรับรู้ว่าตนเองมีความภาคภูมิใจในตัวเองต่ำจะสามารถช่วยให้เรามองเห็นจุดอ่อนและเริ่มต้นในการพัฒนาตัวเองได้อย่างถูกจุด
[ ] พยายามสร้างความสัมพันธ์ที่มีคุณภาพกับคนรอบข้าง ไม่ว่าจะเป็นการเปิดรับการสนับสนุนจากคนรอบข้าง รับฟังคำชมให้มากขึ้นกว่าคำติ จะเป็นสิ่งสำคัญในการพัฒนาความภาคภูมิใจในตัวเอง โดยเฉพาะอย่างยิ่งเมื่อเป็นคำพูดที่มาจากคนที่เรารักและเชื่อถือ จะช่วยเสริมสร้างความมั่นใจและความภาคภูมิใจในตัวเองได้ในขณะเดียวกัน
[ ] พัฒนาทักษะการรับรู้ตนเอง (Self-Awareness) เพราะการฝึกทักษะการรับรู้ตนเองและการประเมินคุณค่าของตนเอง “อย่างเป็นกลาง” โดยปราศจากอคติต่อตัวเองนั้นเป็นสิ่งที่สำคัญมาก เพราะมีไม่กี่คนที่สามารถมองเห็นความสามารถและคุณค่าของตนเองได้โดยที่ไม่ต้องการการยอมรับจากผู้อื่น และการรับรู้ตนเองจะช่วยเสริมสร้างความภาคภูมิใจในตัวเองได้ โดยที่ไม่ต้องพึ่งพาคำชมจากใคร
[ ] ขอคำปรึกษาจากผู้เชี่ยวชาญเมื่อรู้สึกไม่ไหว เพราะการพบจิตแพทย์หรือนักจิตวิทยาเพื่อรับคำปรึกษาและการสนับสนุนในกระบวนการพัฒนาตัวเองเป็นทางเลือกที่ดีมาก โดยเฉพาะหากเรารู้สึกว่าตัวเองมีปัญหาทางสุขภาพจิตที่ต้องการการดูแลอย่างละเอียด
[ ] การฝึกการทำสมาธิและการฝึกจิต เป็นอีกหนึ่งวิธีที่แสนเรียบง่ายแต่สามารถช่วยให้เรามีความสงบสุขได้จากภายในและมองเห็นคุณค่าของตัวเองได้ การฝึกฝนเหล่านี้จะช่วยให้เราละวางจากสิ่งรบกวนรอบข้าง แล้วรู้สึกถึงความสงบและความสมดุลในชีวิต
[ ] ถ้าเป้าหมายสูงเกินไป ให้ตั้งเป้าหมายใหม่และต้องเป็นไปได้ เพราะการตั้งเป้าหมายที่เป็นไปได้และสอดคล้องกับความสามารถของตนเองจะช่วยให้เรารู้สึกถึงความสำเร็จและความภาคภูมิใจในตัวเอง ซึ่งนี่ไม่ได้หมายความว่าเราจะต้องพึงพอใจกับผลลัพธ์ที่ต่ำ แต่เราสามารถที่จะแบ่งเป้าหมายเป็นขั้นตอนเล็กๆ ได้ และการบรรลุเป้าหมายเล็กๆ ที่ตั้งไว้จะเสริมสร้างความมั่นใจและความภาคภูมิใจในตัวเองให้สามารถบรรลุเป้าหมายที่ใหญ่ขึ้นได้สำเร็จ
อย่างไรก็ตาม การพยายามรักษาควาสมดุลระหว่างความมั่นใจในตัวเองและความภาคภูมิใจในตัวเอง เป็นสิ่งสำคัญในการดำเนินชีวิตและการทำงาน ไม่ว่าจะเป็นการรับรู้และยอมรับความรู้สึกของตนเอง การสร้างความสัมพันธ์ที่มีคุณภาพ การพัฒนาทักษะการรับรู้ตนเอง การขอคำปรึกษาจากผู้เชี่ยวชาญ และการฝึกการทำสมาธิและการฝึกจิต การตั้งเป้าหมายที่เป็นไปได้และสอดคล้องกับความสามารถของตัวเอง ก็จะช่วยให้เราสามารถมีชีวิตที่มีความสุขและประสบความสำเร็จในการทำงานได้อย่างยั่งยืน
เพราะสุดท้ายแล้ว คนๆ หนึ่งก็ไม่ต้องการอะไรไปมากกว่าการรับรู้ว่าตัวเองเก่ง ซึ่งการใจดีกับตัวเองให้มากผ่านความภาคภูมิใจในตัวเอง ก็จะทำให้เราไม่จำเป็นต้องใช้เสียงภายนอกของใครเพื่อมายืนยันว่าเราเป็นคนที่เก่งแล้วและสมควรได้รับสิ่งที่ดีแล้วจริงๆ
ที่มา
– The Difference Between Self Confidence And Self Esteem : TALI WEISSBERGER, ADDA – https://bit.ly/4aJKZcW
– The Danger of High Confidence and Low Self-Esteem : David A. Morin, SocialSelf – https://bit.ly/3UZHadY
– Self-Confidence Vs Self-Esteem – What you Need to Know : Anya Stephens, PeopleSense – https://bit.ly/3yyOPbs
#Psychology
#missiontothemoon
#missiontothemoonpodcast