คุณจำ ‘รักครั้งแรก’ ของตัวเองได้ไหม?
รักครั้งแรกของใครหลายคนอาจจะยังแจ่มชัด ในขณะที่บางคนอาจจะจำได้รางๆ จนเกือบลืมไปแล้ว แต่ถึงอย่างนั้นบางคนเองก็เคยได้ยินประโยคที่ว่า “รักแรกมันลืมยาก” และมีอิทธิพลกับการเติบโตของเรามาตลอด และบางครั้งรักครั้งแรกในอดีตยังทรงพลังมากพอที่จะกำหนดความคิด และมุมมองของเราในตอนนี้ รวมทั้งตัวเราในอนาคตด้วย
ว่ากันว่ารักแรกมักจะเป็นรักที่ไม่สมหวัง แต่เราต่างก็มีความสุขหรือหัวเราะกับความรักเด็กๆ ในอดีตได้ทุกครั้งที่นึกถึง เหมือนกับเรื่องราวของเจี๊ยบกับน้อยหน่าจากเรื่อง ‘แฟนฉัน’ หนังที่ฉายในปี 2003 แล้วก็เรื่องราวของพี่โชนกับน้องน้ำ พร้อมประโยคเด็ดสุดไวรัลจากเรื่อง ‘สิ่งเล็กๆ ที่เรียกว่ารัก’ ซึ่งออกฉายเมื่อประมาณสิบกว่าปีที่แล้วด้วยที่ทำให้เราอมยิ้มและนึกถึงรักครั้งแรกของเรา
แต่คนคนหนึ่งที่ทำให้เราใจเต้นและไม่เป็นตัวของตัวเองแค่ในช่วงเวลาหนึ่ง แถมยังเป็นคนไม่ได้อยู่ในวงโคจรชีวิตปัจจุบันแล้วมีอิทธิพลต่อตัวตนและเส้นทางการเติบโตของเราได้อย่างไร?
Falling in love Effect ที่ทำให้เรา ‘ไม่มีทางลืมรักครั้งแรก’
ความรักใสๆ ในวัยเด็กถูกเรียกว่า Puppy Love หรือความรักที่เกิดขึ้นปุบปับและวูบวาบชวนให้ใจเต้น เหมือนเวลาที่เห็นลูกหมานั่นเอง โดยความรักแบบนี้มักเกิดขึ้นในวัยเด็ก หรือบางคนอาจจะพบเจอรักครั้งแรกในช่วงวัยรุ่น
ยิ่งถ้าเป็นช่วงวัยรุ่นที่เราเริ่มเข้าใจความสัมพันธ์เชิงโรแมนติก และร่างกายเริ่มเข้าสู่วัยเจริญพันธ์ุแล้ว รักแรกที่เกิดขึ้นในช่วงอายุนี้ก็มักจะเป็นความรักแรกพบที่มีแรงดึงดูดทางด้านรูปร่างหน้าตา และรูปลักษณ์ภายนอกมีส่วนเกี่ยวข้องอย่างมากด้วย โดยความรักที่เกิดจากรักแรกพบอาจจะเกิดขึ้นภายใน 3 นาทีแรกที่ได้พบเจอกันเลยก็ได้
อีกทั้งตอนที่เราตกหลุมรักใครสักคนในวัยที่โตพอจะเข้าใจความรักแบบโรแมนติกแล้ว จะทำให้ร่างกายสร้างออกซิโทซินหรือที่เรียกกันว่า ‘ฮอร์โมนแห่งความรัก’ ที่สร้างความรู้สึกผูกพัน ใกล้ชิด และลึกซึ้งระหว่างคนสองคนอีกด้วย
นอกจากนี้นักวิทยาการการรับรู้ (Cognitive Scientist) ยังกล่าวอีกด้วยว่าตอนที่เราคบกับใครสักคน ความใกล้ชิดทางร่างกาย หรือแม้กระทั่งการอยู่ด้วยกันจะทำให้ร่างกายยังปล่อยสารเคมีตัวอื่นๆ ที่สำคัญออกมาด้วย เช่น โดพามีน เอ็นดอร์ฟินและเซโรโทนิน ซึ่งสารเหล่านี้เป็นฮอร์โมนที่ทำให้สองของเรารู้สึกดีและผ่อนคลายนั่นเอง
ความรักในวัยเด็กหรือวัยรุ่นซึ่งเกี่ยวพันกับกิจกรรมของสมอง ยังเพิ่มความสุขและความคิดสร้างสรรค์ให้กับตัวเราในอดีตด้วย จึงไม่แปลกที่ Puppy Love จะทำให้เด็กคนหนึ่งลุกขึ้นมาเปลี่ยนแปลงตัวเอง เรียนให้เก่ง มีเป้าหมายในการใช้ชีวิตเพื่อที่จะได้อยู่ใกล้กับคนที่ชอบ และในบางครั้งความรักใสๆ แบบนั้นก็กลายเป็นแรงขับชั้นดีสู่ความสำเร็จของเราเลยก็ได้
นี่จึงเป็นเหตุผลว่าทำไมเราถึงมีความรู้สึกเชิงบวกมากกว่าเมื่อพูดถึงความรักในวัยใสที่เคยเกิดขึ้นเมื่อหลายปีมาแล้ว และขึ้นชื่อว่ารักแรกย่อมเป็นความรักที่ไม่สมหวังและไม่ได้ลงเอยด้วยกันเสมอ แต่แม้ว่าจะต้องแยกย้ายกันไปเติบโต หรือไม่ได้อยู่ในวงโคจรซึ่งกันและกันอีกแล้ว เราก็ยังจดจำวันเหล่านั้นได้ชัดเจนอยู่ดี
เมื่อรักแรกกลายเป็น ‘อุดมคติ’ และ ‘เชือกรั้ง’ ในคราวเดียวกัน
แทบไม่มีใครลืมรักครั้งแรกของตัวเองได้เลย โดยถ้าหากว่ากาลเวลาทำให้คนเปลี่ยนไป แต่ความรู้สึกที่เข้มข้นจนทำให้สมองมีความสุขอยู่นานนั้นก็กลายเป็น ‘ก้อนความทรงจำ’ (Memory Bump) จนเรายึดคนในอดีตเป็นคนในอุดมคติไปเลยก็ได้
อย่างไรก็ตาม แม้จะมีคนบางส่วนที่ลงเอยกับรักแรกในวัยเด็ก และคนที่ใช้ความรู้สึกเชิงบวกมาเป็นแนวทางสร้างความสัมพันธ์ที่ดีในอนาคต แต่ก็มีคนจำนวนไม่น้อยเช่นกันที่กำลังจมปลักอยู่กับความรักในอดีต หรือเอาคนรักและความรักในปัจจุบันไปเปรียบเทียบกับรักแรกที่ติดอยู่ในความทรงจำ จนทำให้ความสัมพันธ์กับคนในปัจจุบันสั่นคลอนได้
แต่ไม่ว่าคนเก่าจะเคยทำเอาไว้ดีแค่ไหน แต่การปล่อยให้ความรู้สึกจากอดีตมีอิทธิพลอยู่เหนือปัจจุบันอาจจะทำให้จมอยู่กับความคิดที่ว่า ‘ไม่มีใครดีไปกว่าคนรักเก่าอีกแล้ว’ ซึ่งนั่นนอกจากจะสร้างความทุกข์ในความสัมพันธ์แล้ว ยังตัดโอกาสไม่ให้เราได้เจอกับคนดีๆ และความรักดีๆ อีกด้วย ดังนั้นจะปล่อยให้รักครั้งแรกกลายเป็น ‘เชือกรั้ง’ เราไม่ได้
[ ] เก็บไว้เป็นบทเรียน
ถ้าความรักครั้งแรกของเราจบลงอย่างไม่สวยเท่าไรนัก อาจจะทำให้เราเกิดความรู้สึกลบขึ้นได้ เช่น เสียใจที่ยังไม่ได้พยายามกับคนคนนั้นอย่างเต็มที่ หรือเสียใจที่ปล่อยให้รักครั้งแรกในวัยเด็กที่คบหากันมานานหลุดมือ เราอาจจะยึดติดอยู่กับคนเดิม หรือความรู้สึกเหล่านั้นจนก้าวเดินต่อไปเพื่อความรักครั้งใหม่ที่ดีกว่าเดิมไม่ได้
[ ] สร้างความสุขจากชีวิตโสด และอยู่แบบคนโสดให้เป็น
บางทีความรักครั้งแรกก็ทำให้ใครหลายคนยึดติดกับความสัมพันธ์ในอุดมคติ รู้สึกว่าต้องหาคนแบบนี้ หน้าตาแบบนี้ หรือทำให้เราตื่นเต้นวูบวาบได้แบบนี้ ซึ่งการตั้งเป้าหมาย หรือมีขอบเขตความสนใจที่แน่นอนถือว่าเป็นเรื่องดี แต่เมื่อชีวิตของเรามีสิ่งให้ต้องโฟกัสมากขึ้น มีหน้าที่การงาน มีความรับผิดชอบที่ใหญ่กว่าชีวิตในวัยเริ่มรักหลายเท่า การยึดติดกับความสัมพันธ์ที่เฉพาะเจาะจงเกินไปก็อาจจะดูดกลืนพลังชีวิตของเราได้
ดังนั้นในวันที่เรายังไม่เจอคนที่ใช่ หรือความรักที่ดีชวนให้ใจเจ้น เหมือนย้อนกลับไปเป็นเด็กหนุ่มและเด็กสาวอีกครั้ง การอยู่เป็นโสดให้เป็นสุขก็ถือว่าเป็นอีกหนึ่งวิธีที่ช่วยปรับพลังชีวิตของเราให้ดีและมั่นคงก่อน แล้วเมื่อวันไหนที่ความรักดีๆ พุ่งเข้าใส่โดยไม่ทันตั้งตัวขึ้นมา เราก็จะรับมือกับมันได้อย่างแน่นอน
บางครั้งความรักครั้งแรกก็สดใส และทำให้เรายิ้มได้ทุกครั้งที่นึกถึงเหมือนกับตอนที่เจี๊ยบคิดถึงน้อยหน่า (จากภาพยนตร์เรื่อง ‘แฟนฉัน’) และตอนที่น้องน้ำพูดถึงพี่โชน (จากภาพยนตร์เรื่อง ‘สิ่งเล็กๆ ที่เรียกว่ารัก’) แต่หลายครั้งรักแรกก็เป็นสิ่งที่ฉุดรั้งเราไว้ ไม่ให้ก้าวต่อไปได้อย่างมั่นคงในวันข้างหน้าด้วยเช่นกัน
อย่างไรก็ตาม อย่าลืมไปว่า ‘ถึงจะอกหักก็ยังดีกว่ารักไม่เป็น’ ดังนั้นการเรียนรู้ การยอมรับ และทำความเข้าใจเรื่องราวในอดีตจะทำให้เรารู้ว่าบทเรียนที่แสนสำคัญในวันวานอาจเป็นตัวอย่างที่ดี เพื่อที่จะก้าวเดินต่อไป หรือเป็นคู่มือสร้างความสัมพันธ์ในแบบที่ดีต่อใจของเราในอนาคตด้วยเช่นกัน
อ้างอิง
– How Your First Love Shapes Future Relationships : BetterHelp – https://bit.ly/3yJTNCp
#selflove
#psychology
#missiontothemoon
#missiontothemoonpodcast