เปิดตำนาน “Momo” ที่ไม่ใช่ชาบู
อะไรจะน่ากลัวไปกว่า การสั่งให้ “ไปตาย” ที่ดูเหมือนจะเป็นเรื่องง่ายๆ เพราะเหยื่อเป็นเพียง “เด็ก” ที่ไม่รู้เรื่องอะไรเลย
ในปีค.ศ. 2018 ได้เกิดเหตุการณ์เด็กหญิงวัยสิบสองปี ผูกคอใกล้กับที่พักอาศัย ในกรุงบัวโนสไอเรส ประเทศสเปน จากการสืบสวนพบว่าขณะที่เธอลงมือ ได้มีการถ่ายคลิปเก็บไว้ และตำรวจต่างเชื่อว่าเป็นเธอเหยื่อของ “Momo Challenge”
“Momo Challenge” เริ่มจากเด็กจะได้รับการแอดจากแอคเคาท์ชื่อ “Momo” ผ่านแอปพลิเคชั่น Whatsapp โดยแอคเคาท์ปริศนา จะบังคับให้เด็กทำในสิ่งที่ตนต้องการ และถ้าขัดขืน โมโม่จะข่มขู่และทำให้เด็กรู้สึกกลัว ด้วยความเป็นเด็ก ที่ยังไม่มีวุฒิภาวะพอในเรื่องการตัดสินใจและการแก้ปัญหา จึงจำเป็นต้องทำ
ชาเลนจ์ในตอนแรก อาจจะเป็นเรื่องง่ายๆ แต่เมื่อผ่านไป โมโม่จะบอกให้เด็กทำอะไรแปลกๆ และน่ากลัวยิ่งขึ้น พร้อมกับถ่ายคลิป และโจทย์สุดท้ายที่เขาได้ให้ไว้กับเด็กๆ ก็คือ “ฆ่าตัวตาย”
แม้ว่าจะมีหลายคดีฆ่าตัวตาย ที่มีลักษณะค่อนข้างใกล้เคียงจากที่กล่าวมา อีกทั้งเด็กบางคนเคยบอกว่าตนเคยข้องแวะกับโมโม่ บางคนบอกว่าโมโม่มักจะเข้าไปโผล่ในเกมที่เด็กชอบเล่น ทว่า ข่าวเหล่านี้เป็นเพียงความเชื่อและข้อสันนิษฐานจากคนส่วนหนึ่งเท่านั้น อย่างไรก็ตาม สิ่งนี้ก็สร้างความหวาดหวั่นให้กับผู้ปกครองเป็นอย่างมาก
ไม่มีใครทราบแน่ชัดว่าโมโม่เป็นใคร หรือใครอยู่เบื้องหลังสตรีที่น่ากลัวผู้นี้ แต่ที่เราต่างมั่นใจก็คือ เป้าหมายของโมโม่เป็น “เด็กและเยาวชน”
ถ้าจะให้ย้อนที่มาที่ไปของตัวตน “Momo” ความจริงแล้ว มันมาจากงานศิลปะญี่ปุ่นของคุณเคสุเกะ ไอซาว่า และงานศิลปะชิ้นนี้ได้รับแรงบันดาลใจมาจาก “โยไค” หรือภูตผีตามตำนานพื้นบ้านของประเทศญี่ปุ่นที่มีชื่อว่า “อูบูเมะ” บางตำนาน มีความเชื่อว่า มันมีลักษณะเป็นครึ่งคนครึ่งนก เรียกว่า “อูบูเมะ โทริ” เชื่อว่าเป็นผีที่ร่ายคำสาปใส่คน นอกจากนี้ คนยังเชื่อว่า เมื่อเด็กเสียชีวิตขณะเป็นทารก มันจะเอาวิญญาณเด็กไป
แต่แล้ว ก็ได้มีคนนำรูปนี้ไปหลอกคนอื่นๆ และในที่สุด รูปนี้ก็เริ่มแพร่กระจายไปทั่วโลก จนเกิดเป็นคดีที่น่าหวาดหวั่น และหลายครั้งที่เกิดเหตุการณ์เหล่านี้ขึ้น ก็ไม่สามารถบอกได้แน่ชัดว่า โมโม่เป็นคนทำจริงๆ หรือไม่ ปริศนานี้ยังคงเป็นปริศนาต่อไป สุดท้ายแล้วโมโม่เคยมีตัวตนบนโลกนี้จริงๆ หรือไม่ ไม่มีใครสามารถตอบได้แน่ชัด
#missiontopluto
#missiontoplutopodcast
#timetoplaypodcast
