- กลุ่ม OPEC+ ตกลงให้ประเทศสมาชิกคงอัตราการผลิตน้ำมัน 9.7 ล้านบาร์เรลต่อวัน ไปจนถึง 31 กรกฎาคม จากนั้นในเดือนสิงหาคม ถึงสิ้นปี 2020 ให้ลดการผลิตมาเป็น 7.7 ล้านบาร์เรลต่อวัน
- OPEC+ เตรียมลงโทษกลุ่มประเทศที่ไม่ปฏิบัติตามเงื่อนไขลดปริมาณการผลิตน้ำมันในเดือนเมษายน โดยจะให้ลดกำลังผลิตต่อจากนี้ไป จนกว่าจะเท่ากับปริมาณที่เคยแอบผลิตไปก่อนหน้า
- หลังการประชุมหารือเรื่องลดกำลังผลิตน้ำมันเสร็จสิ้น ราคาน้ำมัน Brent และ WTI พุ่งสูงขึ้นเป็น 2 เท่า ของราคาน้ำมันในเดือนเมษายนทันที
เมื่อเมษายนที่ผ่านมา กลุ่ม OPEC+ ได้ตกลงให้ปรับลดกำลังการผลิตน้ำมันลงเหลือ 9.7 ล้านบาร์เรลต่อวัน หลังเวลาผ่านมาหนึ่งเดือน สมาชิก OPEC+ ได้กลับมาพูดคุยถึงประเด็นนี้อีกครั้ง โดยมีผู้นำการประชุมคือ ซาอุดิอาระเบีย และรัสเซีย
ในการประชุมเมื่อวันเสาร์ที่ผ่านมา ได้ข้อสรุปว่า สมาชิก OPEC+ จะขยายอัตรากำลังผลิต 9.7 ล้านบาร์เรลต่อวัน ไปอีก 1 เดือน จากกำหนดเดิมจะผลิตถึงวันที่ 30 มิถุนายน แต่ตอนนี้ให้เลื่อนไปถึง 31 กรกฎาคมแทน และหลังจากนั้น ในเดือนสิงหาคม จนถึงสิ้นปี 2020 ให้ลดกำลังการผลิตมาเป็น 7.7 ล้านบาร์เรลต่อวัน
นอกจากนี้ ยังมีการเปิดเผยรายชื่อประเทศที่ทำผิดกฎ คือประเทศที่ไม่ยอมลดกำลังผลิตน้ำมันตามที่ตกลงกันไว้ในเดือนเมษายน ได้แก่ เม็กซิโก อิรัก ไนจีเรีย คาซัคสถาน และแองโกลา ซึ่งประเทศเหล่านี้จะถูกสั่งให้ลดกำลังการผลิตหนักกว่าประเทศอื่นๆ จนกว่าจะเท่ากับปริมาณที่แอบผลิตไปก่อนหน้านี้
หลังข่าวเผยแพร่ออกไป ราคาน้ำมันก็พุ่งสูงขึ้นทันที โดย Brent Crude Oil เพิ่มขึ้น 5% ไปแตะ 42 ดอลลาร์ต่อบาร์เรล ส่วน WTI ขึ้น 4% ไปอยู่ที่ 39 ดอลลาร์ต่อบาร์เรล ซึ่งนี่เป็นราคาที่สูงกว่าในเดือนเมษายนถึง 2 เท่า
การที่ Brent และ WTI ปรับราคาสูงขึ้น ถือเป็นสัญญาณที่ดีว่า ตลาดน้ำมันกำลังจะเข้าสู่สภาวะปกติ เพราะก่อนหน้านี้ความต้องการน้ำมันลดลงอย่างมากในช่วงต้นปี เนื่องจากเศรษฐกิจหยุดชะงักจากการแพร่ระบาดของโควิด-19