เมื่อวันอาทิตย์ที่ 27 กุมภาพันธ์ 2022 ที่ผ่านมา สำนักข่าว Nikkei Asia รายงานว่า สหรัฐอเมริกาและชาติพันธมิตรได้ประกาศมาตรการคว่ำบาตรทางการเงินจากกรณีที่รัสเซียเข้าโจมตียูเครน โดยมาตรการคว่ำบาตรทางการเงินในครั้งนี้ จะมีการตัดขาดธนาคารของรัสเซียออกจากระบบการเงินโลกที่สำคัญ อย่าง “SWIFT” หรือ Society for Worldwide Interbank Financial Telecommunication โดยแถลงการณ์จากเหล่าประเทศผู้นำในคณะกรรมาธิการแห่งสหภาพยุโรป อาทิ ฝรั่งเศส เยอรมนี อิตาลี สหราชอาณาจักร รวมไปถึง แคนาดา และสหรัฐอเมริกา มีความเห็นร่วมกันที่จะใช้มาตรการคว่ำบาตรทางเศรษฐกิจ เพื่อให้รัสเซียตระหนักถึงผลจากการตัดสินใจทำสงครามในครั้งนี้
ด้าน Ursula von der Leyen ประธานคณะกรรมาธิการแห่งสหภาพยุโรป ให้ความเห็นว่า การตัดการเข้าถึงระบบการเงินของธนาคารรัสเซียนั้น จะส่งผลให้รัสเซียถูกตัดขาดจากการทำธุรกรรมทางการเงินที่สำคัญทั่วโลก และยังเป็นวิธีที่สามารถระงับการส่งออกและนำเข้าได้อย่างมีประสิทธิภาพที่สุด ขณะที่ Bruno Le Maire รัฐมนตรีว่าการกระทรวงการคลังของฝรั่งเศส กล่าวว่า การตัดรัสเซียออกจากระบบ SWIFT เปรียบเสมือนการทิ้งลูกระเบิดนิวเคลียร์ทางการเงินเลยทีเดียว แล้วการที่รัสเซียถูกตัดจากระบบ SWIFT จะส่งผลอย่างไรบ้าง?
5 สิ่งที่ควรรู้เมื่อ “รัสเซีย” ถูกถอดออกจากระบบ “SWIFT”
1) ระบบ SWIFT คืออะไร ?
SWIFT หรือ Society for Worldwide Interbank Financial Telecommunication ก่อตั้งเมื่อปี 1973 เป็นระบบสำหรับรับส่งข้อมูลการทำธุรกรรมทางการเงินทั่วโลก โดยข้อมูลดังกล่าวจะเป็นการอนุมัติให้ธนาคารอื่นๆ ทั่วโลกสามารถดำเนินธุรกรรมทางการเงินต่อไปได้ โดยจะมีการใช้รหัสที่มีมาตรฐานและมีความปลอดภัยสูงในการรับส่งข้อมูล นอกจากนี้ระบบ SWIFT ยังเชื่อมต่อกับธนาคารและสถาบันการเงินถึง 11,000 แห่งจาก 200 ประเทศทั่วโลกเข้าด้วยกัน
2) จะเกิดอะไรขึ้นเมื่อรัสเซียถูกตัดขาดจากระบบ SWIFT?
เมื่อถูกตัดขาดจากระบบ SWIFT สถาบันทางการเงินของรัสเซียจะไม่สามารถทำธุรกรรมทางการเงินใดๆ ทางการค้าได้เลย และในที่สุดจะส่งผลทำให้รัสเซียไม่สามารถส่งออกสินค้าอย่าง น้ำมันดิบ ก๊าซธรรมชาติ หรือถ่านหินได้ อีกทั้งยังจะส่งผลทำให้รัสเซียไม่สามารถนำเข้าสินค้าที่สำคัญอย่าง เซมิคอนดักเตอร์ หรือเครื่องจักรที่จำเป็นในอุตสาหกรรมต่างๆ ได้อีกด้วยเช่นกัน
ขณะเดียวกัน สถาบันทางการเงินของรัสเซียทำธุรกรรมทางการเงินด้วยเงินตราต่างประเทศมากถึง 46 พันล้านดอลลาร์สหรัฐฯ ต่อวัน โดยกว่า 80% เป็นเงินดอลลาร์สหรัฐฯ อีกทั้งยังพบว่า สถาบันทางการเงินของรัสเซียดำเนินธุรกรรมทางการเงินผ่านระบบ SWIFT มากถึง 42 ล้านครั้งใน 1 วัน
นอกจากนี้ สถาบันการเงินในทวีปยุโรปยังถือว่าเป็นเจ้าหนี้รายใหญ่ของรัสเซีย และจากข้อมูลล่าสุดพบว่า รัสเซียเป็นหนี้ต่อธนาคารต่างประเทศเหล่านี้มากถึง 121,000 ล้านดอลลาร์สหรัฐฯ และการถอดรัสเซียออกจากระบบการเงิน SWIFT อาจจะส่งผลให้รัสเซียไม่สามารถที่จะชำระหนี้ต่างประเทศได้ทันตามกำหนด
3) ประเทศต่างๆ จะได้รับผลกระทบอย่างไร?
การที่รัสเซียถูกตัดขาดออกจากระบบ SWIFT จะส่งผลให้ประเทศในทวีปยุโรปได้รับผลกระทบมากที่สุด เนื่องจากรัสเซียส่งออกก๊าซธรรมชาติ และน้ำมันดิบ ให้แก่ยุโรปมากถึง 40% เลยทีเดียว และก่อนหน้านี้รัสเซียก็เคยเผชิญกับมาตรการคว่ำบาตรของนานาชาติเรื่อยมานับแต่ปี 2014 และมาตรการคว่ำบาตรทางการเงินในครั้งนี้ อาจเรียกได้ว่าเป็นเพียงผลกระทบเพียงเล็กน้อยต่อการตัดสินใจเข้าบุกโจมตียูเครนของรัสเซีย
4) ทำไมจึงต้องถอดรัสเซียออกจากระบบ “SWIFT” ในตอนนี้?
ถึงแม้ว่าชาติตะวันตกจะดำเนินมาตรการคว่ำบาตรรัสเซียในด้านต่างๆ อาทิ การอายัดทรัพย์สินและระงับการดำเนินธุรกรรมทางการเงินกับธนาคารของรัสเซียมาตั้งแต่ช่วงต้นของการมีปฏิบัติการทางการทหารของรัสเซียในยูเครน อย่างไรก็ตามมาตรการคว่ำบาตรจากชาติตะวันตกเหล่านี้กลับไม่ได้ผลเท่าที่ควร ดังนั้นการถอดรัสเซียออกจากระบบ “SWIFT” ในตอนนี้ จึงเป็นไปเพื่อยับยั้งการยกระดับปฏิบัติการทางการทหารของรัสเซียในช่วงต่อไปนั่นเอง
5) การถอดรัสเซียออกจากระบบ “SWIFT” ในครั้งนี้จะได้ผลมากแค่ไหน?
ตอนนี้ยังไม่เป็นที่แน่ชัดว่าการถอดรัสเซียออกจากระบบ “SWIFT” ในตอนนี้จะมีประสิทธิภาพมากเพียงไหน เนื่องจากในปี 2014 รัสเซียถูกคว่ำบาตรจากชาติตะวันตกหลังจากที่ส่งกองกำลังทหารเข้ายึดคาบสมุทรไครเมีย แต่ก็ไม่สามารถที่จะยับยั้งประธานาธิบดี Vladimir Putin ในการยกระดับการเข้าโจมตีได้อยู่ดี
ก่อนหน้านี้ เกาหลีเหนือก็เป็นอีกหนึ่งประเทศที่ถูกตัดขาดจากระบบเศรษฐกิจโลกอย่างสมบูรณ์ อย่างไรก็ตาม รัฐบาลเกาหลีเหนือยังคงสามารถรักษาอำนาจเอาไว้ได้ และยังคงทำการทดสอบและพัฒนาขีดความสามารถของอาวุธยุทโธปกรณ์ชนิดต่างๆ ของประเทศต่อไปได้
ทั้งนี้ การที่รัสเซียถูกตัดขาดจากระบบ “SWIFT” ก็อาจจะเป็นการบีบบังคับให้รัสเซียหันไปพึ่งพาจีนทางด้านการค้าและเศรษฐกิจมากยิ่งขึ้น ซึ่งจะเป็นอีกช่องทางหลีกหนีในการใช้เงินสกุลดอลลาร์สหรัฐฯ ในการดำเนินเศรษฐกิจอีกด้วย
อ้างอิง
https://s.nikkei.com/3IIY35r
#missiontothemoon
#missiontothemoonpodcast
#missionnews