ในตอนแรกที่มาร์ก ซักเคอร์เบิร์ก ประกาศเปลี่ยนจากชื่อ ‘Facebook’ เป็น ‘Meta’ หลายคนอาจจะงุนงงไม่น้อย แต่การรีแบรนด์ครั้งนี้มาพร้อมกับการพูดถึง ‘Metaverse’ เราก็พอจะเข้าใจได้แล้วว่า นี่เป็นการส่งสัญญาณเตรียมพร้อมเข้าสู่โลกเสมือนจริงใบใหม่ของเรา
ผ่านมาหลายเดือน หลายคนพอจะรู้จักแล้วว่า Metaverse คืออะไร มันคือโลกเสมือนที่ทำงานอยู่ตลอดเวลา โลกที่เชื่อมโยงคนจากหลายพื้นที่ให้ชิดใกล้ และมอบโอกาส ในการมีปฏิสัมพันธ์แบบเสมือนจริงยิ่งขึ้น ราวกับว่าอยู่ในโลกจริงเลย นอกจากนั้นยังมีคนว่ากันว่า Metaverse จะสร้างมูลค่าให้เศรษฐกิจจำนวนมหาศาล
อย่างไรก็ตาม หลายๆ ธุรกิจเองยังมองไม่เห็นภาพเท่าไรนัก ว่าจะเข้าไป ‘มีบทบาท’ และ ‘ทำกำไร’ จากโลกเสมือนได้อย่างไร
แม้ Metaverse จะดูเป็นเรื่องใหม่สำหรับเรา แต่ในซิลิคอนวัลเลย์มีการพูดถึงมันมานานหลายปีแล้ว และเราหลายๆ คนก็ก้าวขาข้างหนึ่งเข้าไปในโลกเสมือนแล้ว โดยที่เราอาจจะยังไม่รู้ตัว!
มาดูกรณีศึกษาจาก 3 แบรนด์ดัง Wendy’s, Gucci, และ Google ว่าพวกเขาโอบรับและปรับตัว เตรียมพร้อมเข้าสู่โลก Metaverse กันอย่างไร
1) เมื่อ Wendy’s สู้เพื่อ ‘เบอร์เกอร์ที่ดี’ ในโลกของ Fortnite
ในปี 2018 Wendy’s (เวนดี้) เชนฟาสต์ฟู้ดแฮมเบอร์เกอร์ชื่อดังจากสหรัฐอเมริกา ได้สร้างปรากฏการณ์น่าจดจำให้แบรนด์ เมื่อพวกเขาสตรีมการเล่นเกม Fortnite
ในปีนั้น เกมออนไลน์แนวเอาชีวิตรอดชื่อดังอย่าง Fortnite ได้ผุดไอเดีย สร้าง ‘Food Fight mode’ ขึ้นมาในเกม โดยผู้เล่นจะถูกแบ่งออกเป็นสองทีมคือ ทีมพิซซ่า และ ทีมเบอร์เกอร์ หลายคนอาจเดาว่า แล้ว Wendy’s ก็ตกลงเป็นพาร์ตเนอร์ร่วมในแคมเปญนี้งั้นใช่ไหม? เปล่าเลย จริงๆ ไม่ใช่เช่นนั้น…
เพราะ Wendy’s เข้าไปมีส่วนร่วมในแคมเปญนี้แบบ ‘ไม่เสียเงิน’ สักบาทเดียว!
เมื่อ Wendy’s เห็นเกมโหมด Food Fight พวกเขาก็สร้างคาแรคเตอร์ในเกมขึ้นมา พร้อมกับสตรีมผ่าน Twitch ให้ผู้บริโภคได้รับชมแบบสดๆ ไปพร้อมๆ กัน คาแรคเตอร์ของ Wendy’s ในเกมได้พุ่งตรงไปยังทีมเบอร์เกอร์ (ซึ่งได้เก็บแฮมเบอร์เกอร์ไว้ในช่องฟรีซ) และโจมตีตู้ฟรีซของทีมเบอร์เกอร์ทันที
สาเหตุที่ Wendy’s โจมตีทีมเบอร์เกอร์ ไม่ใช่ทีมพิซซ่าอย่างที่หลายคนคาดคิด เป็นเพราะว่าเบอร์เกอร์ของ Wendy’s นั้นมีจุดขายคือพวกเขาใช้ ‘เนื้อสดใหม่’ ไม่ได้ใช้ ‘เนื้อแช่แข็ง’ นั่นเอง กลยุทธ์ครั้งนี้นอกจากจะสร้างเสียงฮือฮาแล้ว ยังเรียกลูกค้าใหม่ๆ และประกาศจุดยืนของแบรนด์ให้ชัดเจนกว่าที่เคยอีกด้วย
#ข้อคิดจากกรณีศึกษา :: ลองหาวิธีเข้าไปมีส่วนร่วมใน Metaverse แบบออร์แกนิก และดึงจุดเด่นของแบรนด์ออกมาให้ได้มากที่สุด
2) Gucci Gardens ฉบับไม่ต้องบินไกลไปถึงอิตาลี
หลายปีที่ผ่านมา แฟนๆ แบรนด์หรูอย่าง Gucci คงจะเคยได้ยิน ‘Gucci Gardens’ หรือคอมมิวนิตี้ของ Gucci ที่เมืองฟลอเรนซ์ อิตาลี ในพื้นที่นั้นมีทั้งพิพิธภัณฑ์ ร้านขายสินค้า และร้านอาหารสุดหรู เรียกได้ว่าเป็นจักรวาลในฝันของผู้ที่ชื่นชอบแบรนด์นี้เลย
แต่ในปีที่ผ่านมา Gucci ได้ร่วมงานกับ Roblox เกมออนไลน์ชื่อดังเพื่อสร้าง ‘Gucci Garden’ ฉบับออนไลน์ ให้คนได้เข้ามาสัมผัสประสบการณ์แบบไม่ต้องบินไปไกลถึงอิตาลี แคมเปญนี้มุ่งเน้นไปกับการสร้าง Engagement ระหว่างผู้ใช้งาน โดยผู้ใช้สามารถเดินชมทุกๆ ส่วนของ Gucci Garden ได้อย่างอิสระ แถมยังสามารถซื้อสินค้าบนโลกเสมือนจริงเพื่อสวมใส่ได้ จนกว่านิทรรศการจะจบ
#ข้อคิดจากกรณีศึกษา :: ลองคิดถึงว่ามีวิธีการใดบ้าง ที่ลูกค้าจะสามารถมีส่วนร่วมกับแบรนด์ของเรา? ทั้งในแง่สินค้าและการบริการ จากนั้นก็ลองสำรวจเทคโนโลยี หรือ แอปฯ ที่มีในปัจจุบัน (หรือกำลังจะเปิดตัว) และดูว่าเราจะนำมาปรับใช้ได้ไหม เหมือนที่ Gucci ร่วมงานกับ Roblox และให้ลูกค้ามีส่วนร่วมกับแบรนด์ได้ โดยการซื้อสินค้าเสมือนที่ใช้ได้ในโลกของ Roblox
3) Google AR
ชื่อของ Google ได้กลายมาเป็นส่วนหนึ่งในชีวิตเรา ตั้งแต่การเสิร์ชหาข้อมูล ไปจนถึงการใช้แผนที่ในการบอกทาง และเมื่อยุคของ Metaverse ใกล้มาถึง Google เองก็พัฒนาตนเองไปอีกขึ้นด้วย ‘Google AR’
Google AR สามารถใช้งานได้หลายอย่าง ตั้งแต่การค้นหาสินค้าผ่านรูป เพียงแค่ผู้ใช้งานยกมือถือขึ้นมาถ่ายสิ่งของรอบๆ ตัว แอปฯ ก็จะช่วยหาสินค้านั้นบนโลกออนไลน์ให้ทันที หรือจะเป็นการใช้ Google Maps แบบ Live view แค่ยกมือถือขึ้นส่อง ก็จะมีลูกศรบอกทางขึ้นบนหน้าจอ
จะเห็นได้ว่า Google เริ่มมีการผสานโลกเสมือน (Virtual) เข้ากับโลกจริง (Physical) เพื่อตอบรับเทรนด์ที่กำลังจะเป็นที่นิยมในอนาคต
#ข้อคิดจากกรณีศึกษา :: ลูกค้าจะมีปฏิสัมพันธ์กับแบรนด์ของเราด้วยเครื่องมือที่ ‘มีอยู่แล้ว’ อย่างไรได้บ้าง? อย่าง Google ที่พัฒนาแอปฯ Google Maps ที่เราทุกคนมีในโทรศัพท์ ให้เราได้รับประสบการณ์ใหม่ที่เหนือกว่า ผ่านการนำเทคโนโลยี AR เข้ามาใช้
ไม่ใช่แค่ Google เท่านั้น แบรนด์เสื้อผ้าและของแต่งบ้านอื่นๆ เริ่มนำเทคโนโลยี AR มาใช้เช่นเดียวกัน ลูกค้าสามารถเลือกสินค้าและลองดูผ่านมือถือได้เลยว่า หากนำมาวางในห้องเรา ณ ปัจจุบันหน้าตาจะเป็นอย่างไร
Metaverse มีความเป็นไปได้หลากหลายและอาจจะประกอบด้วยเทคโนโลยีใหม่ๆ หลายอย่าง แต่สองเทคโนโลยีที่หลายบริษัทมุ่งพัฒนา คือ ‘AR’ และ ‘VR’ ดังนั้นเรา ในฐานะแบรนด์ ต้องตอบคำถามว่า จะสามารถนำเทคโนโลยีเหล่านี้มาใช้ได้อย่างไรบ้าง และมันจะช่วยสร้างวิธีใหม่ๆ ให้ลูกค้ามีส่วนร่วมกับเรา อย่างที่ Wendy’s, Gucci และ Google ทำไหม
อีก 3 คำถามสำคัญที่เราต้องตอบให้ได้ก่อนจะมุ่งหน้าทำการตลาดใน Metaverse คือ
[ ] ใครเป็นกลุ่มเป้าหมายของเรา?
[ ] พวกเขาใช้งาน Metaverse อย่างไร ผ่านเครื่องมืออะไรบ้าง?
[ ] อะไรเป็นสิ่งที่กลุ่มเป้าหมายของเราต้องการ และแบรนด์จะตอบสนองสิ่งเหล่านี้ให้ในโลก Metaverse ได้ไหม?
ลองศึกษาจากกรณีศึกษาและตอบคำถามเหล่านี้ดู บางทีเราอาจพอมองเห็นภาพคร่าวๆ ว่าทิศทางการตลาดของแบรนด์เราจะไปทางไหนต่อ ในวันที่ Metaverse มาถึง
อ้างอิง:
https://bit.ly/3xPryjj
#missiontothemoon
#missiontothemoonpodcast
#metaverse