5 ความเคลื่อนไหวล่าสุดของในโลก Metaverse

485
1920-5 big tech Metaverse

ปี 2022 เป็นปีที่หลายคนพูดเป็นเสียงเดียวกันว่า เราจะได้เห็นการพัฒนา การขับเคลื่อนของกระแส Metaverse อย่างมาก หลังจากที่เทรนด์โลกเสมือนนี้ ได้เรียกเสียงฮือฮาและสร้างแรงกระเพื่อมในวงการเทคฯ และวงการเกมในปีที่ผ่านมา ทำให้ในปีนี้หลายๆ คนก็ได้คาดหวังว่าจะเห็นการเคลื่อนไหวอะไรบางอย่างของทั้งทางฝั่ง Big Tech และทางฝั่งเทคโนโลยี Metaverse

แต่ก็เป็นที่เซอร์ไพรส์สำหรับใครหลายคน เพราะแค่เพียงผ่านพ้นปีใหม่มาเพียงหนึ่งเดือนเท่านั้น เราก็ได้เห็นความเคลื่อนไหวบางอย่างกันบ้างแล้วจากทั้งบริษัทเทคฯ และบริษัทในอุตสาหกรรมอื่นๆ วันนี้เราจึงจะพาทุกคนไปอัปเดตความเคลื่อนไหวและความเป็นไปในโลก Metaverse ว่ามีอะไรเกิดขึ้นบ้าง!

1. Microsoft เข้าซื้อ Activision Blizzard สร้างฐานสู่การพัฒนา Metaverse

ถือว่าเป็นข่าวใหญ่รับต้นปีกันเลยทีเดียว หลังจากที่บริษัทเทคฯ ยักษ์ใหญ่ของโลกอย่าง Microsoft ได้ทำการเข้าซื้อบริษัทพัฒนาเกมแนวหน้าของโลกอย่าง Activision Bllizzard ซึ่งถ้าหากพูดชื่อนี้หลายคนอาจจะยังไม่รู้จักว่าเป็นบริษัทอะไร แต่ถ้าหากพูดชื่อเกมอย่าง Warcraft, Overwatch, Call of Duty และ Candy Crush หลายคนจะต้องจำได้อย่างแน่นอน

ซึ่งราคาในการเข้าซื้อในครั้งนี้อยู่ที่ 95 ดอลลาร์สหรัฐฯ หรือ 3,100 บาทต่อหุ้น รวมจำนวนเงินในการเข้าซื้อทั้งหมดในครั้งนี้อยู่ที่ 68,700 ล้านดอลลาร์สหรัฐฯ หรือตีเป็นเงินไทยมากถึง 2.2 ล้านบาทไทยเลยทีเดียว ถือว่าเป็นดีลที่ใหญ่ที่สุดของ Microsoft หลังจากที่เข้าซื้อ Linkedin ไปในปี 2016 และที่สำคัญ การเข้าซื้อในครั้งนี้จะทำให้ Microsoft กลายเป็นบริษัท Gaming ใหญ่อันดับ 3 ของโลกหากนับจากรายได้ ตามหลัง Tencent และ Sony ที่ยังคงครองที่ 1 และที่ 2 อยู่

โดยเป้าหมายในการเข้าซื้อในครั้งนี้ คือการที่ Microsoft ต้องการจะเร่งการเติบโตของตัวเองในอุตสาหกรรม Gaming ในแพลตฟอร์มต่างๆ ไม่ว่าจะเป็นโทรศัพท์มือถือ, PC, Console หรือ Cloud และที่สำคัญเลยก็คือเป็นการสร้างรากฐานให้กับการพัฒนา Metaverse ในอนาคตอีกด้วย

โดย Satya Nadella CEO ของ Microsoft ยังเผยเพิ่มเติมอีกว่า “ในหมวดหมู่ของความบันเทิงทั้งหมด ‘เกม’ นั้นเป็นสิ่งที่มีชีวิตชีวาและน่าตื่นเต้นที่สุดแล้ว และเป็นสิ่งที่จะมีบทบาทสำคัญมากในการพัฒนาแพลตฟอร์ม Metaverse”

เรียกได้ว่าเพียงต้นปี การแข่งขันในวงการ Metaverse ก็เริ่มที่จะร้อนระอุกันมาบ้างแล้ว ก็ต้องมาจับตาดูกันว่าหลังจากการเข้าซื้อครั้งนี้เสร็จสมบูรณ์ Microsoft จะมีการพัฒนา Metaverse ออกมาอย่างไรกันบ้างหลังจากที่มีการทำ Mesh for Teams โปรเจกต์เริ่มต้นของ Microsoft ที่พยายามจะผสมผสาน Metaverse เข้ากับโลกแห่งการทำงานไปบ้างแล้ว

2. Walmart ค้าปลีกรายใหญ่สัญชาติสหรัฐฯ เตรียมลงทุนใน Metaverse

หลายคนเมื่อนึกถึง Metaverse ตอนนี้ คงนึกถึงบริษัทเทคฯ อย่าง Meta หรือบริษัทเกม อย่าง Roblox แต่คงยังนึกไม่ถึงว่าบริษัทค้าปลีกจะเข้ามามีส่วนร่วมยังไงกับกระแส Metaverse

แต่ไม่นานมานี้ สำนักข่าวต่างประเทศก็ได้ออกมารายงานว่า Walmart บริษัทค้าปลีกยักษ์ใหญ่สัญชาติสหรัฐฯ กำลังจะเตรียมตัวเข้าสู่ Metaverse เช่นกัน โดยกำลังอยู่ในระหว่างการยื่นจดทะเบียนเครื่องหมายการค้าหลายรายการ ที่สื่อให้เห็นว่าบริษัทกำลังขยายขอบเขตไปสู่การจัดตั้งคริปโทเคอร์เรนซี และ NFT เป็นของตัวเองในอนาคต

โดยทาง Walmart มีการขอขึ้นทะเบียนทางการค้าต่างๆ เป็นทรัพย์สินทางปัญญาของ Walmart ไม่ว่าจะเป็น Verse to Home, Verse to Curb และ Verse to Store ซึ่งชื่อนี้ก็ทำให้หลายคนเชื่อว่าอาจจะมีนัยแฝงบางอย่างถึงท่าทีที่จะสร้างประสบการณ์ชอปปิงบนโลกเสมือนในอนาคต

โดยทาง Carrie McKnight โฆษกของ Walmart ก็ได้เผยว่าทางบริษัทนั้นมีความมุ่งมั่นที่จะคอยศึกษาว่าเทคโนโลยีใหม่ๆ จะสามารถนำมาพัฒนาประสบการณ์ในการชอปปิงได้อย่างไรในอนาคต และยังเสริมอีกว่า ทางบริษัทมีการทดลองไอเดียใหม่ๆ อยู่ตลอด

บวกกับเอกสารยื่นจดทะเบียนเครื่องหมายการค้าทั้ง 7 อัน ของ Walmart ที่มีการระบุถึง “On-line retail store services featuring virtual merchandise” และมีการระบุถึง keyword อย่าง “digital currency” หรือ “digitised assets”

ซึ่งทาง Josh Gerben อัยการด้านเครื่องหมายการค้าก็ได้เผยว่า ภาษาที่ใช้ในการยื่นจดทะเบียนในครั้งนี้ แสดงให้เห็นถึงการวางแผนของ Walmart ว่าพวกเขาจะมีการจัดการกับการใช้คริปโทฯ อย่างไรบ้าง มีการจัดการหรือมีการทำอะไรกับ Metaverse อย่างไรบ้างนั่นเอง

อย่างไรก็ตาม Walmart ไม่ใช่รายแรกที่ยื่นขอจดทะเบียนเครื่องหมายการค้า แต่ยังมีบริษัทยักษ์ใหญ่หลายรายที่ตื่นตัวกับกระแสนี้ และมีการดำเนินการไปก่อนหน้านี้แล้ว อย่างเช่น Nike ที่มีแผนที่จะขายสินค้าบนโลกเสมือนจริงเช่นกัน

Advertisements

3. เกาหลีใต้เตรียมลงทุนมหาศาล หวังเป็นตลาด Metaverse อันดับ 5 ของโลก

หลังจากที่ปีที่แล้ว กระแส Metaverse มาแรงในหมู่บริษัทเทคฯ ทั้งหลาย แต่มีอยู่ประเทศหนึ่งที่ออกมาเป็นประเทศแรกๆ ในการประกาศตัวเข้าสู่ Metaverse ซึ่งก็คือ “เกาหลีใต้” นั่นเอง

หากพูดถึงประเทศที่มีความก้าวหน้าทางเทคโนโลยีที่สุดในโลก เกาหลีใต้นั้นอยู่เป็นอันดับต้นๆ ของโลกเลยทีเดียว และจากดัชนีนวัตกรรมระดับโลก WIPO ในปี 2021 เกาหลีใต้อยู่ที่อันดับ 5 ของโลก กระโดดจากอันดับที่ 10 ในปี 2020

ทำให้เมื่อกระแส Metaverse มา เกาหลีใต้ก็คงจะไม่พลาดขบวนรถไฟนี้อย่างแน่นอน แถมยังกระโดดเข้าไปเป็นประเทศแรกๆ อีกด้วย โดยได้เผยถึงเป้าหมายใหญ่ในการที่จะคว้าส่วนแบ่งตลาด Metaverse มาให้มากขึ้น และภายในปี 2026 หรืออีกเพียง 4 ปีข้างหน้าเท่านั้น เกาหลีใต้จะกลายมาเป็นตลาด Metaverse อันดับ 5 ของโลกให้ได้

และในการที่จะผลักดันเป้าหมายนี้ให้เป็นจริงได้ รัฐบาลเกาหลีใต้มีการวางแผนที่จะลงทุนเป็นเงินกว่า 47 ล้านดอลลาร์สหรัฐฯ หรือราว 1.5 พันล้านบาทในปีนี้ โดยเป้าหมายหลักๆ ของเกาหลีใต้จะมีอยู่ 4 ส่วนด้วยกัน คือ (1) การสร้าง Ecosystem สำหรับ Metaverse (2) การสนับสนุนผู้ที่มีความเชี่ยวชาญด้าน Metaverse (3) การสนับสนุนบริษัทเอกชนต่างๆ (4) การสร้างสภาพแวดล้อมที่ปลอดภัยให้กับผู้ใช้งาน Metaverse ทุกคน โดยจะค่อยๆ มีการขยับขยาย Metaverse ไปสู่หลายๆ อุตสาหกรรม หลายๆ ภาคส่วน ไม่ว่าจะเป็นหน่วยงานรัฐที่ให้บริการแก่ประชาชน ภาคอุตสาหกรรม K-pop วัฒนธรรมและศิลปะ ภาคการศึกษา หรือแม้แต่ภาคส่วนของกองทัพ ที่เตรียมเอา Metaverse มาผสมผสานกับการฝึกฝน

โดยยังระบุว่าการพัฒนา Metaverse จะเป็นหน้าที่ของบริษัทเอกชนเป็นหลัก ในขณะที่ทางรัฐบาลจะเป็นคนคอยสนับสนุนบริษัทเหล่านี้ในด้านต่างๆ อีกที และที่สำคัญและน่าสนใจมากๆ คือการที่รัฐบาลเกาหลีจะจัดตั้ง Metaverse Academy เพื่อที่จะผลักดันเหล่า Young Talent หรือกลุ่มคนรุ่นเยาว์ที่มีความสามารถและมีความสนใจทางด้านนี้ รวมถึงยังมีการช่วยจัดตั้งสถาบันบัณฑิตศึกษาขึ้นมา 2 แห่ง โดยให้เงินสนับสนุนกว่า 4.6 ล้านดอลลาร์สหรัฐฯ ในแต่ละแห่งตลอด 5 ปีข้างหน้าอีกด้วย

ทำให้เราเห็นเลยว่าเกาหลีใต้มีวิสัยทัศน์ที่ยาวไกลมากๆ ในการที่จะฝึกฝนทรัพยากรของตัวเองในตอนนี้ เพื่อที่ในอนาคตกลุ่มคนเหล่านี้จะกลายมาเป็นแรงขับเคลื่อนสำคัญในตลาด Metaverse

Advertisements

4. การเติบโตของอุตสาหกรรมอสังหาฯ บนโลก Metaverse

ในปัจจุบันนี้ มีนักลงทุนหลายรายที่ยอมจ่ายเงินจำนวนหลายล้านดอลลาร์เพื่อที่จะได้ผืนดินแห่งหนึ่งมาครอบครอง แต่รู้ไหมว่าพื้นที่นี้กลับไม่ใช่พื้นที่ในเมืองใหญ่อย่าง New York และไม่ใช่พื้นที่ทำเลทองอย่าง Beverly Hills แต่กลับเป็น “พื้นที่บนโลก Metaverse”

เราคงนึกไม่ถึงกันว่าจะมีคนยอมจ่ายเงินจำนวนมหาศาลเพื่อซื้อที่ดินที่เราไม่สามารถไปเหยียบได้ในโลกจริง แต่ต้องบอกเลยว่าตอนนี้สถานการณ์ของตลาดอสังหาฯ บนโลก Metaverse กำลังเป็นที่จับตามองของนักลงทุนหลายราย ซึ่งจากข้อมูลของ CNBC เผยว่า ราคาที่ดินบนโลกเสมือนพุ่งสูงกว่า 500% ในช่วงไม่กี่เดือนที่ผ่านมาหลังจาก Facebook เผยทิศทางบริษัทหันหน้าเข้าสู่ Metaverse อย่างเต็มรูปแบบ

โดยในเดือนพฤศจิกายนปีที่แล้ว พื้นที่หนึ่งบน Decentraland ถูกขายไปในราคาเกือบแตะ 2.5 ล้านดอลลาร์สหรัฐฯ หรือราว 82 ล้านบาทไทย และในอีกหนึ่งแพลตฟอร์มสุดฮิตอย่าง The Sandbox ก็ได้ทำการขายพื้นที่หนึ่งในราคา 4.3 ล้านดอลลาร์สหรัฐฯ หรือกว่า 141 ล้านบาท ให้กับบริษัท Republic Realm ไปในต้นเดือนธันวาคมที่ผ่านมา ซึ่งถือว่าเป็นการแตะสถิติราคาขายที่สูงที่สุด ณ ตอนนี้ไปแล้วเรียบร้อย

โดย Janine Yorio CEO ของบริษัท Republic Realm เผยว่าบริษัทของเธอทำการขายเกาะบนโลกเสมือนจริงไปกว่า 100 เกาะในปีที่แล้ว โดย ณ ตอนนั้นราคาขายอยู่ที่ประมาณ 15,000 ดอลลาร์ต่อพื้นที่ แต่ ณ ตอนนี้ บริษัทสามารถขายได้ในราคา 300,000 ดอลลาร์ต่อพื้นที่แล้ว

Andrew Kiguel CEO บริษัท Token.com ก็ได้ให้มุมมองที่น่าสนใจเช่นกัน เขาบอกว่าอสังหาฯ ในโลก Metaverse ก็เหมือนกับอสังหาฯ ในโลกจริง ที่สิ่งสำคัญอยู่ที่ “ทำเล ทำเล และทำเล”

พื้นที่ที่มีคนมารวมตัวกันเยอะ ก็จะมีมูลค่าในทั้งเชิงของราคาและเชิงของการทำโฆษณาหรือค้าขายมากกว่าพื้นที่ที่ไม่มีอีเวนต์ หรือการรวมตัวอะไรเกิดขึ้น และเป็นที่แน่นอนว่าเหมือนกับโลกจริง ที่ถ้าตรงไหนมีบ้านของดาราหรือบุคคลสำคัญตั้งอยู่ ราคาก็จะสูงขึ้นไปอีก ซึ่งหลังจากที่ Snoop Dogg ได้สร้างแมนชันของตัวเองบน Sandbox ก็มีคนยอมจ่ายเงินกว่า 450,000 ดอลลาร์ เพื่อที่จะได้อยู่บ้านข้างกับ Snoop Dogg บนโลก Metaverse เลยทีเดียว

5. ClassicDoge แพลตฟอร์มเปลี่ยนสัตว์เลี้ยงให้เป็นอวาตาร์และ NFT มิติใหม่ของการเลี้ยงสัตว์บน Metaverse

เมื่อทุกอย่างสามารถอยู่บนโลก Metaverse ได้ แล้วสัตว์เลี้ยงของเราล่ะ จะเข้าไปอยู่บนโลก Metaverse ได้หรือไม่? เมื่อวันที่ 20 มกราคมที่ผ่านมา ClassicDoge ได้เผยถึงแผนการที่จะสร้าง Pet-centric Metaverse ที่เปิดโอกาสให้ผู้ใช้สามารถสร้าง NFT จากโมเดล 3D ของสัตว์เลี้ยงของเราได้ โดยเรายังสามารถที่จะมีปฏิสัมพันธ์ต่างๆ กับสัตว์เลี้ยงได้ในโลก Metaverse

โดยภาพสำเร็จของโมเดลนี้ จะเปิดโอกาสให้ผู้ใช้สามารถฝึกฝน สามารถเล่น ดูแล และเปลี่ยนชุดให้กับสัตว์เลี้ยงของตัวเอง คล้ายกับการที่เราเลี้ยงสัตว์เลี้ยงในโลกจริง โดย ClassicDoge ยังบอกอีกว่าบน NFT Marketplace เราสามารถที่จะสร้าง NFT สัตว์เลี้ยง หรือเครื่องประดับต่างๆ สำหรับสัตว์เลี้ยง และสามารถที่จะเทรด ซื้อ และขายได้อีกด้วย ซึ่งในอนาคตผู้ใช้งานอาจจะสามารถที่จะฝึกฝนสัตว์เลี้ยงของตัวเอง เพื่อเป็นการเพิ่มมูลค่าของสัตว์เลี้ยงตัวนั้นๆ ไปในตัว ซึ่งในอนาคตเราก็อาจที่จะนำสัตว์เลี้ยงไปเล่นและเอาไปอยู่บนแพลตฟอร์ม Metaverse อื่นๆ กับอวาตาร์ของเราได้อีกด้วย

ซึ่งก็เป็นอีกมุมหนึ่งของ Metaverse ที่หลายๆ คนอาจจะยังไม่เคยนึกถึงว่าเราจะสามารถนำสัตว์เลี้ยงของเราเข้าไปอยู่บน Metaverse ได้ด้วย เชื่อว่าโปรเจกต์นี้อาจจะถูกใจ Pet Lovers หรือคนรักสัตว์หลายๆ คนที่อยากจะใกล้ชิดสัตว์เลี้ยงของตัวเองไม่ว่าจะอยู่บนโลกไหนก็ตาม ก็ต้องมาจับตาดูกันต่อไปว่าโปรเจกต์ของ ClassicDoge สุดท้ายแล้วจะออกมาในรูปแบบใดและหน้าตาแบบไหนกัน


อย่างที่เราเห็นกันว่าพึ่งเริ่มต้นปีแรกของปี ข่าวคราวและการพัฒนาของโลก Metaverse ก็มีออกมาเรื่อยๆ ทำให้ตลอดปีนี้เราก็ต้องมาติดตามดูกันต่อว่าจะมีข่าวใหญ่อะไรออกมาอีกหรือไม่ หรือเราจะได้เห็นพัฒนาการของโปรเจกต์ Metaverse ว่าจะออกมาเป็นรูปเป็นร่างแค่ไหน มาร่วมลุ้นไปด้วยกัน!

อ้างอิง:
https://bit.ly/3u5Sn0H
https://cnb.cx/3KelJj4
https://bit.ly/3H6e6cs
https://bit.ly/3fZSMJM
https://cnb.cx/3o6MuMT
https://reut.rs/3rVl79H
https://bit.ly/3G5qqIS

#missiontothemoon
#missiontothemoonpodcast
#metaverse

Advertisements

ทิ้งคำตอบไว้

กรุณาใส่ความคิดเห็นของคุณ!
กรุณาใส่ชื่อของคุณที่นี่