Mission to the Moon EP.41: ทีละนิด

2314
รูปภาพจาก Number 24 x Shutterstock.com
มีเวลาไม่เยอะอยากอ่านสั้นๆ
  • ทีมจักรยานที่เป็นม้านอกสายตาจากอังกฤษ สามารถสร้างประวัติศาสตร์หน้าใหม่ด้วยการคว้าแชมป์รายการ Tour De France
  • Audi ชนะการแข่งรถสุดหินโดยยึดหลัก “เราไม่ได้เร็วกว่าคู่แข่ง แต่.. ประหยัดน้ำมันกว่าคู่แข่ง”
  • ในชีวิตหรือการทำงาน การมีเป้าหมายใหญ่เป็นเรื่องที่ดี แต่มีสิ่งที่สำคัญอีกอย่างหนึ่งคือ “การซอยเป้าหมายออกเป็นข้อย่อยๆ”

ว่าด้วยเรื่องของการได้อะไรมาทีละเล็กๆ ทีละน้อยๆ ที่สำคัญมากและส่งผลอย่างมากกับเป้าหมายใหญ่ที่เราต้องการ

Tour De France
รูปภาพจาก Number 24 x Shutterstock.com

ทีมจักรยานรองบ่อนจากอังกฤษ

ทีม สกาย (Sky) พวกเขากำลังเตรียมตัวสำหรับการแข่งขันในรายการสำคัญ ตูร์เดอฟร็องส์ (Tour De France) เป็นรายการที่ต้องประลองกำลัง และไหวพริบที่เข้มข้นมากที่สุดรายการหนึ่งของวงการกีฬาโลก

เดือน กรกฎาคม ปี 2016 เป็น ช่วงที่ 16 ของการแข่งขัน ตูร์เดอฟร็องส์ ทีมสกาย ผ่านมาแล้ว 15 ช่วงการแข่ง รวมเป็นระยะทางกว่า 3,000 กิโลเมตร และในช่วงท้ายของการแข่งนี้ พวกเขาตั้งปั่นอีก 237 กิโลเมตร พวกเขาคือหนึ่งในทีมที่ทั่วทั้งโลกจับตามองมากที่สุดทีมหนึ่ง


ปฏิเสธไม่ได้เลยนะครับว่า ความสำเร็จของทีมสกายในวันนี้ มีเบื้องหลังมาจากโค้ชคนหนึ่งที่ชื่อว่า เดฟ เบรลส์ฟอร์ด (Dave Brailsford)

ย้อนกลับไปเมื่อปี 1997 เดฟ เริ่มต้นร่วมงานกับทีมชาติอังกฤษ ในฐานะที่ปรึกษาของทีมจักรยานอังกฤษ ซึ่งในตอนนั้นทีมนักปั่นของอังกฤษเรียกได้ว่าเป็นม้านอกสายตาของวงการจักรยานเลยก็ว่าได้ แต่หลังจากนั้น…

  • ปี 2000 ทีมชาติอังกฤษได้เหรียญทองในการแข่งขันโอลิมปิก
  • ปี 2003 เดฟ ได้รับการแต่งตั้งเป็น Performance Director
  • ปี 2004 ทีมจักรยานอังกฤษได้อีก 2 เหรียญทอง
  • ปี 2008 ทีมนักปั่นอังกฤษกวาด 8 เหรียญทอง! จากโอลิมปิก ถือเป็นความสำเร็จแบบก้าวกระโดด

แต่สำหรับวงการจักรยานสนามที่ตื่นเต้น เร้าใจ มีคนติดตามเยอะที่สุดในโลก เห็นจะต้องเป็น รายการ ตูร์เดอฟร็องส์ แต่ทีมจากอังกฤษไม่เคยชนะรายการนี้เลยแม้แต่ครั้งเดียว ทั้งๆ ที่รายการนี้เปิดการแข่งขันมาตั้งแต่ปี 1903

ปี 2009 ในขณะที่ทีมอังกฤษกำลังเตรียมตัวสำหรับการแข่งโอลิมปิก เดฟ ก็ยังมีเวลาในการทำเรื่องใหม่ๆ ที่เขาคิดว่ามันน่าตื่นเต้นสำหรับเขามาก

เขาเริ่มฟอร์มทีมสกายขึ้นมา ในขณะที่ยังคงคุมทีมชาติอยู่ด้วย วันที่ทีมสกายถูกสร้างขึ้น เดฟประกาศกร้าวว่า ทีมสกายจะได้แชมป์ ตูร์เดอฟร็องส์ภายใน 5 ปี ตอนนั้นใครๆ ก็หาว่าเขาบ้า เพราะรายการนี้แข่งกันมาเป็น 100 ปี แล้วทีมจากอังกฤษยังไม่เคยได้แชมป์เลยสักครั้งเดียว

สิ่งที่เดฟต้องการจะสื่อคือ เขาจะทำในสิ่งที่ไม่เคยมีทีมไหนจากอังกฤษเคยทำได้มาก่อนตลอด 100 ปีที่ผ่านมา

หลังจากนั้นเพียงแค่ 3 ปี นักปั่นวัย 32 ปี แบรดลี่ย์ วิกกิ้นส์ (Bradley Wiggins) จากอังกฤษ ก็สร้างประวัติศาสตร์หน้าใหม่ให้แก่วงการด้วยการคว้าแชมป์รายการ ตูร์เดอฟร็องส์

ปีถัดมา คริส ฟรูม (Chris Froome) จากทีมสกาย ก็คว้าแชมป์ ตูร์เดอฟร็องส์ สร้างความตกตะลึงให้กับวงการจักรยานของอังกฤษมากขึ้นไปอีก

แน่นอนมีคนไปสัมภาษณ์ เดฟ เยอะแยะไปหมด หนึ่งในนั้นคือผู้เขียนหนังสือ Black Box Thinking
เขาถามเดฟว่า: เคล็ดลับอะไรที่ทำให้คุณสามารถสร้างประวัติศาสตร์ที่ไม่เคยมีใครทำได้มาก่อน
เดฟ เบรลส์ฟอร์ด ตอบอย่างชัดเจนว่า: มันคือ Marginal Gains หรือ การสร้างความสำเร็จทีละเล็กๆ

โดยหลักการคือการแบ่งเป้าหมายออกมาเป็นเป้าหมายเล็กๆ และค่อยๆ ทำมัน เมื่อความสำเร็จเล็กๆ เหล่านี้มารวมกันมันจะเป็นความสำเร็จที่ยิ่งใหญ่เอง เรื่องนี้สามารถใช้ในการแก้ไขปัญหาด้วยเช่นกัน เมื่อมีปัญหาใหญ่ ให้เราลองแตกปัญหาออกเป็นข้อย่อยๆ แล้วค่อยไล่แก้ไปทีละปัญหา

เดฟ ลงรายละเอียดถึงความสำเร็จเล็กๆ เสมอ ตั้งแต่ในชีวิตประจำวันของนักแข่ง เช่น คุณภาพเตียงนอน, อาหาร, ผงซักฟองที่ใช้ซักเสื้อผ้านักแข่ง บางเรื่องอาจจะดูเล็กน้อยมาก แต่พอมันมารวมกันแล้วก็สามารถสร้างความสำเร็จที่ยิ่งใหญ่ระดับพลิกหน้าประวัติศาสตร์กันได้เลย

Advertisements
pit stop
รูปภาพจาก Number 24 x Shutterstock.com

จุดพักรถ (Pit Stop)

เวลาที่ทุกท่านดูการแข่งรถ เรามักจะตั้งคำถามกับตัวเราเองว่า รถที่เร็วที่สุดคือรถที่ชนะหรือเปล่า คำตอบคือ ทั้งใช่และไม่ใช่ หลายครั้งส่วนใหญ่ก็จะไม่ใช่ซะด้วยสิ

เรามักจะคิดเสมอว่า หากจะแข่งรถเราต้องทำรถให้เร็วที่สุด เร็วกว่าคนอื่นถึงจะชนะได้ แต่ว่าบางทีมันก็ไม่ใช่แบบนั้นเสมอไป

ปี 2006 สกอต เคียว (Scott Keogh) ซีอีโอ Audi จากอเมริกา ได้เข้ามากำกับดูแลการแข่งรถของ Audi ซึ่งเป็นรายการที่หฤโหดมากและมีชื่อเสียงมาก นั่นก็คือ 24 ชั่วโมง เลอม็อง (The 24 Hour of Le Mans) 

สกอต เข้ามาด้วยวิธีคิดที่ไม่เหมือนชาวบ้าน แทนที่เขาจะคิดว่าควรทำอย่างไรให้รถวิ่งเร็วกว่าคู่แข่ง เหมือนกับที่เจ้าอื่นๆคิดกัน แต่เขากลับคิดว่าเราจะชนะ 24 ชั่วโมง เลอม็อง ได้ยังไงถ้า “รถเราไม่ได้วิ่งเร็วกว่าคู่แข่ง”

นี่เป็นการตั้งโจทย์ใหม่ เพราะการแข่งรถไม่ได้มีแค่มิติเดียว เพราะรถมันวิ่งตลอดไม่ได้ มันต้องมีการเข้า จุดพักรถ (Pit Stop) ด้วย

รอบนี้โจทย์ใหม่ของ Audi คือจะทำยังไงให้ รถของ Audi เข้าจุดพักรถน้อยที่สุด ทั้งทีมก็ช่วยกันคิดจนในที่สุดก็ได้ Audi R10 TDI ซึ่งเป็นรถแข่งดีเซลคันแรกของรายการนี้ แล้วดีเซลดียังไง คำตอบคือมันประหยัดน้ำมันครับ เมื่อประหยัด ก็ไม่ต้องเติมน้ำมันบ่อย เมื่อไม่ต้องเติมน้ำมันบ่อยๆ ก็ลดการเข้า จุดพักรถ (Pit Stop)

“Audi R10 TDI ไม่ได้เร็วกว่าคู่แข่ง แต่.. ประหยัดน้ำมันกว่าคู่แข่ง”

สกอต คิดถูก Audi คว้าชัยในรายการนี้สำเร็จ แถมยังเป็นแชมป์ ติดต่อกันอีก 3 ปี!


ผมเอาเรื่องนี้มาใช้กับหลักการบริหารชีวิตเสมอ สมมุติว่าปีนี้เราจะลดน้ำหนัก 10 กิโล มกราคมคุณเขียนป้ายติดฝาบ้านไว้เลย พอใกล้สิ้นปีเผลอๆ นอกจากคุณจะลดไม่ได้แล้ว น้ำหนักคุณก็อาจจะเพิ่มขึ้นอีกด้วยซ้ำ จะมาลดเอาสองเดือนสุดท้าย แน่นอนมันเป็นไปไม่ได้หรอกครับ

เราไม่สามารถวิ่งทีละ 1,000 กิโลเมตรได้ หรืออดข้าวทีละ 10 วันได้เพื่อลดน้ำหนัก

ดังนั้นการมีเป้าหมายใหญ่เป็นเรื่องที่ดี แต่เราต้องมีเป้าหมายย่อยด้วยเช่นกัน เช่น

  • เป้าหมายรายเดือน: ลดให้ได้เฉลี่ยเดือนละ 1 กิโลกรัม
  • เป้าหมายรายสัปดาห์: ออกกำลังกายให้ได้ 4 วัน กินคลีน 6 วัน
  • เป้าหมายรายวันคือ: วันนี้ ตอนนี้ จะไม่กินขนมเลย

การแบ่งเป้าหมาย เป็นเป้าหมายเล็กๆ ทำมันทีละนิดในที่สุดเราก็จะได้เป้าหมายใหญ่ ไม่ว่าในชีวิตหรือการทำงาน

ฉะนั้นบางทีงานที่เราทำอยู่ ดูเหมือนอาจจะเป็นเรื่องเล็กๆ น้อยๆ แต่จำไว้เสมอว่างานเล็กๆเนี่ย ถ้ามันถูกทิศ ถูกทาง งานเล็กๆ ที่สำเร็จบ่อยๆ ก็จะรวมกันกลายเป็นความสำเร็จที่ยิ่งใหญ่ได้

Advertisements

ทิ้งคำตอบไว้

กรุณาใส่ความคิดเห็นของคุณ!
กรุณาใส่ชื่อของคุณที่นี่