(บทความนี้เป็นอีกหนึ่ง Sponsored Post ที่ให้แง่คิดดีๆ เกี่ยวกับการเรียนรู้)
ในการทำสินค้าและนวัตกรรมใหม่ๆ เราต้องมีการวิจัยและพัฒนาอย่างต่อเนื่องเพื่อที่จะได้ไปถึงเป้าหมายที่เราตั้งไว้ เมื่อมองย้อนกลับมา ตัวเราเองก็ต้องการการพัฒนาความรู้และทักษะของเราอยู่ตลอดเวลาไม่ต่างกัน เพราะการที่เรามีความรู้และทักษะที่จำเป็น จะเป็นเครื่องมือที่ช่วยให้เราไปถึงเป้าหมายได้อย่างง่ายขึ้น ซึ่งทั้งหมดนี้ต้องเริ่มจากการมี Mindset ที่พร้อมเปิดรับการเรียนรู้ใหม่ๆ
แต่อุปสรรคของการเรียนรู้ที่หลายๆ คนมักเจอคือ “อยากเรียนรู้สิ่งใหม่ๆ แต่ไม่มีเวลา” โดยเฉพาะเมื่อเราต่างมีภาระหน้าที่ที่ต้องทำ และบางคนก็ยังต้องทำงานประจำเต็มเวลาอีก สิ่งที่พอจะทำได้คือทำให้ทุกวันของเราเป็นการเรียนรู้โดยสิ่งที่ทำได้ง่ายที่สุด คือ เริ่มเปลี่ยนจากมุมมองของตัวเราเอง
1. เรียนรู้จากผู้คน
เราสามารถมองหาโอกาสที่จะได้เจอสิ่งใหม่ได้จากทุกคนที่เราได้เจอ เช่น หากคุณมีโอกาสได้พบลูกค้าที่เป็นผู้บริหารระดับสูง หรือได้มีโอกาสทำงานร่วมกับคนที่เป็นผู้เชี่ยวชาญในงานของเขา อย่าปล่อยเวลานั้นให้ผ่านไปอย่างสูญเปล่า แต่ให้ใช้โอกาสนั้นในการสังเกตและเรียนรู้สไตล์การทำงานของเขา เทคนิคที่เขาใช้ วิธีที่เขาคิด แล้วคุณจะพบว่าการเรียนรู้จากคนเก่งๆ นั้นเป็นประสบการณ์ที่หาอะไรเทียบไม่ได้เลย
2. มองความผิดพลาดเป็นโอกาสในการเรียนรู้
ไม่มีอะไรรับประกันว่าทุกสิ่งที่เราตั้งใจทำจะได้รับผลลัพธ์ที่ดีเสมอไป ถ้าเรามองความผิดพลาดเป็นความล้มเหลว มันก็คือความล้มเหลว แต่ถ้าเราลองมองว่ามันเป็นอีกหนึ่งบททดสอบที่เข้ามาท้าทายชีวิต เป็นการหาทางออกใหม่ๆ ให้กับปัญหาที่ยังไม่เคยเจอ ปัญหาที่เกิดขึ้นนี่แหละที่จะทำให้เรารู้ตัวว่าเรายังมีอะไรที่ขาดตกพร่องไป และหาทางแก้ไขและพัฒนาตัวเองในจุดนั้น แล้วเราก็จะเรียนรู้จากมันแล้วเดินไปข้างหน้า เพื่อที่ต่อไปเราจะไม่ก้าวพลาดซ้ำในจุดเดิมอีก
3. กระหายที่จะเรียนรู้
พูดกันตามตรงคือในชีวิตเรามีโอกาสให้ได้เรียนรู้สิ่งใหม่ได้ในทุกวัน แต่บางครั้งเราก็ต้องปล่อยโอกาสเหล่านั้นให้หลุดลอยไปอย่างน่าเสียดายเพียงเพราะว่าเราไม่ว่าง เช่น คนในทีมของคุณอาจจะได้รับโอกาสในการไปเทรนเรื่องที่คุณกำลังสนใจ แต่คุณกลับพลาดโอกาสเหล่านั้นไปเพราะติดพันโปรเจกต์บางอย่าง ดังนั้นเมื่อมีเวลา ลองเดินเข้าไปพูดคุยกับเพื่อนร่วมงานของคุณเพื่อให้เขาถ่ายทอดประสบการณ์ดีๆ ให้ฟัง และถ้าเป็นจังหวะดีๆ ที่เขาไม่ติดงานอื่นอยู่ แน่นอนว่าเขาต้องเต็มใจเล่าให้คุณฟังอยู่แล้ว
4. สมัครรับจดหมาย (ออนไลน์)
พวกเว็บไซต์ต่างประเทศมักจะมีให้เรากดรับ newsletter (จดหมายข่าว) ทางอีเมล ลองเลือกรับสมัครพวกข่าวและบทความที่สนใจ รวมถึงเนื้อหาที่เป็นสายงานของคุณดู ซึ่งก็มีหลากหลายเว็บไซต์ให้ติดตาม ไม่ว่าจะเป็นข่าว บทความไลฟ์สไตล์ สุขภาพ สิ่งแวดล้อม เช่น Bloomberg, Morning Brew, Monocle, Fast Company ฯลฯ เป็นต้น ส่วนมากเว็บพวกนี้มักจะสรุปเนื้อหาที่น่าสนใจมาให้เราเรียบร้อยแล้ว และที่สำคัญเราไม่ต้องเสียค่าใช้จ่าย และถ้าสุดท้ายแล้วเราไม่สนใจก็สามารถกดยกเลิกรับสมัครได้ตลอดเวลา
5. ล็อคตารางเวลาเรียนให้ตัวเอง
บ่อยครั้งที่เราคิดอยากจะเรียนอะไรบางอย่างแต่ก็ไม่ได้เริ่มสักที ลองใช้วิธีบันทึกลงไปบนปฏิทิน, แอปพลิเคชันเตือนความจำ หรือจะจดลงไปในสมุดเลยก็ได้ วิธีนี้จะช่วย visualize มันออกมาและจะช่วยเตือนความจำเราด้วย และถ้ามันสำคัญกับเรามากพอ สุดท้ายเราจะหาเวลาทำมันได้ในที่สุด แต่ถ้าเราไม่กำหนดเวลาไว้ให้ชัดเจน สุดท้ายงานอื่นที่ด่วนกว่าหรืองานที่เสียงดังกว่าก็จะเอาเวลาของเราไป
อย่างในบ้านเราก็มีแพลตฟอร์มที่น่าสนใจอย่าง YourNextU ที่ต้องบอกว่าเหมาะสำหรับคนทำงาน ที่กำลังมองหาคอร์สเรียน เพื่อที่จะพัฒนา Skill พัฒนาวิธีคิดและมุมมองต่างๆ เพราะต้องบอกว่าแม้ว่าเราจะเก่งแค่ไหนก็ตาม แต่การที่เราจะสามารถก้าวไปอีกเลเวลหนึ่ง ในสายอาชีพ หรือแม้แต่เป็นการเปลี่ยนสายอาชีพก็ตาม
เรื่องของการเรียนรู้นั้นยังคงมีความสำคัญ และจะยิ่งมีความสำคัญมากขึ้นเรื่อยๆ ในวันข้างหน้า
ทาง YourNextU ให้ความสำคัญกับการพัฒนา Skill ที่จำเป็นสำหรับคนทำงานในรอบด้าน เพราะเชื่อว่าการจะไปสู่เป้าหมายในอนาคตได้นั้น คนทำงานควรจะมีทั้งเรื่องของ Soft Skill, Hard Skill, และเรื่องของ Mindset ซึ่งเราจะได้ฝึกฝนทักษะเหล่านั้นผ่านการพูดคุย และแลกเปลี่ยนประสบการณ์กับบุคคลจากสายอาชีพที่แตกต่าง ห้องเรียนที่มีเทรนเนอร์คอยไกด์ ให้คำแนะนำ จะช่วยทำให้เข้าใจ และมองเห็นโลกในมุมใหม่ ที่ต่างออกไปจากเดิม
โดยมีคอร์สชั้นนำมากกว่า 200 หลักสูตรจากสถาบันระดับโลกในด้านต่างๆ มาเติมเต็มความรู้และทัศนคติที่จำเป็น อันเป็นสิ่งสำคัญที่จะพาเราไปถึงความฝันของเราได้ในที่สุด
หากไม่แน่ใจว่าควรเริ่มต้นเรียนด้วยคอร์สไหน YourNextU เปิดโปรแกรมแนะนำให้ทดลองเรียนถึง 2 คอร์ส
- The Four Houses of DISC เทคนิคการอ่านตัวเองและคนรอบข้าง พร้อมวิธีการปรับตัวเพื่อการทำงานที่ราบรื่น ลงทะเบียนทดลองเรียนได้ที่ http://bit.ly/31BjX44
- Outward Mindset ที่สอนให้มองคนรอบตัวด้วยความเข้าใจ แทนการจดจ่ออยู่กับเป้าหมายของตัวเองอย่างเดียว เพื่อสร้างความร่วมมือและความสัมพันธ์ไปในทางที่ดี ลงทะเบียนทดลองเรียนได้ที่ http://bit.ly/2pTcdgr
สำหรับใครที่สนใจคอร์สเรียนดีๆ เพิ่มเติม สามารถเข้าไปดูรายละเอียดได้ที่ http://bit.ly/363xUuP
สุดท้ายการมีทัศนคติที่เปิดกว้างเป็นสิ่งที่สำคัญที่สุด ถ้าเรามีใจที่พร้อมจะเรียนรู้อยู่ตลอดเวลา เราก็จะสามารถพัฒนาตัวเองได้เร็วกว่าคนที่ทำตัวเป็นน้ำเต็มแก้ว นอกจากนี้การที่เราเป็นคนที่มีความกระหายในการเรียนรู้ทักษะต่างๆ ด้วยตัวเองก็เป็นอีกสิ่งที่สำคัญ เพราะในยุคที่ทุกคนสามารถเข้าถึงความรู้ได้ด้วยตัวเองภายในเวลาไม่กี่นาที ถ้าเราจะรอให้ใครมาสอนก็คงไม่ทันการเป็นแน่
ในอนาคต ไม่ช้าก็เร็ว ทักษะทั้งหมดที่เรามีในตอนนี้ก็จะล้าหลัง ความรู้แบบเดิมๆ อาจไม่พอสำหรับอาชีพในอนาคต อย่างที่มหาตมะ คานธี เคยกล่าวว่า
“Live as if you were to die tomorrow.
Learn as if you were to live forever”
“ใช้ชีวิตเสมือนว่าคุณกำลังจะตายในวันพรุ่งนี้ เรียนรู้ราวกับว่าคุณจะมีชีวิตอยู่ตลอดไป”