PSYCHOLOGY‘อะไรก็ได้ ง่ายๆ’ ไม่เท่ากับ ‘อะไรก็ได้’ รู้ใจคนได้ง่ายๆ ด้วย Empathy

‘อะไรก็ได้ ง่ายๆ’ ไม่เท่ากับ ‘อะไรก็ได้’ รู้ใจคนได้ง่ายๆ ด้วย Empathy

เคยสับสนกันไหมเมื่อเจอกับคำว่า “อะไรก็ได้ ง่ายๆ” หรือ “ได้หมด” จากคนใกล้ตัว?

หลายครั้งที่เรารู้สึกสับสน และไปไม่เป็นเมื่อถามความคิดเห็นของคนใกล้ตัว แล้วได้คำตอบกลับมาอย่างกว้างๆ เช่น ถามหัวหน้า หัวหน้าก็ตอบว่า “อะไรก็ได้” ถามแฟนหรือเพื่อน ก็ได้รับคำตอบกลับมาว่า “เอาที่ง่ายๆ” หรือถามลูกค้า ลูกค้าก็ตอบว่า “ขออะไรก็ได้ ง่ายๆ ไม่ซับซ้อน”

แต่พอตัดสินใจเลือก ‘อะไรก็ได้ ง่ายๆ’ ในแบบที่ตัวเองคิด และหวังว่าสิ่งนั้นจะถูกใจอีกคน กลับกลายเป็นว่าได้รับปฏิกิริยาที่ตรงข้ามกลับมา สรุปแล้ว ‘อะไรก็ได้ ง่ายๆ ’ ที่ซ่อนอยู่ในใจของแต่ละคนนั้นหมายถึงอะไร? แล้วเราควรจะต้องเข้าใจและจัดการอย่างไรดี?

ด้วยนิสัยของคนไทยที่มีความยืดหยุ่น และชอบไลฟ์สไตล์แบบง่ายๆ มากกว่าอะไรที่ยุ่งยากซับซ้อน ทำให้ หลายครั้ง ‘อะไรก็ได้ที่ง่ายๆ’ กลายเป็นคำตอบแรกที่ผุดขึ้นมาในใจเราแทบทุกคน ซึ่งคำตอบที่ว่า “อะไรก็ได้” หรือ “เอาที่ง่ายๆ” อาจแปลได้ว่าคนที่ตอบให้อิสระแก่อีกฝ่ายในการคิด หรือเลือกอะไรก็ได้อยู่แล้ว 

แต่เราเองก็ต้องไม่ลืมว่า ‘อะไรก็ได้ที่ง่ายๆ’ ของทุกคนนั้นมีความต้องการที่เฉพาะเจาะจงซ่อนอยู่ ดังนั้น ‘ความง่าย’ ที่หลายคนตามหา จึงต้องเป็นสิ่งที่ทั้งง่าย และตรงกับความต้องการที่แท้จริงของผู้พูดนั่นเอง

แล้วเราจะรู้ใจ และล่วงรู้ความต้องการที่ซ่อนอยู่เบื้องหลังได้อย่างไร?

ท่ามกลางผู้คนที่มีความหลากหลายร้อยพัน ‘อะไรก็ได้ที่ง่ายๆ’ ของแต่ละคนก็แตกต่างกันไป ‘ความเห็นอกเห็นใจ’ เป็นตัวช่วยที่ดีที่ทำให้เราเข้าใจความแตกต่างนับร้อยพันของผู้คนเหล่านั้น

ความเห็นอกเห็นใจ (Empathy) คือทักษะทางอารมณ์ หรือความสามารถในการรับรู้ เข้าใจ และร่วมรู้สึกถึงความรู้สึกและอารมณ์ของผู้อื่นจากมุมมองของพวกเขา มันคือการที่เราสามารถสวมบทบาทเป็นคนอื่น และรู้สึกถึงสิ่งที่พวกเขากำลังรู้สึกในสถานการณ์นั้นๆ ผ่านภาษากาย เงื่อนไขอื่นๆ หรือปัจจัยแวดล้อม โดย Empathy มีองค์ประกอบสำคัญ 3 ส่วนด้วยกันคือ 

[  ] Cognitive Empathy – การเข้าใจมุมมองของผู้อื่น
คือความสามารถในการมองโลกผ่านสายตาของผู้อื่น เข้าใจว่าทำไมพวกเขาถึงคิดหรือรู้สึกแบบนั้น

[  ] Emotional Empathy – การร่วมรู้สึก
คือการที่เราสามารถรู้สึกถึงอารมณ์ที่ผู้อื่นกำลังประสบอยู่ เสมือนว่าเรากำลังอยู่ในสถานการณ์นั้นด้วย

[  ] Compassionate Empathy – การแสดงออกถึงความเข้าใจ
คือการนำความเข้าใจและความรู้สึกร่วมมาแสดงออกเป็นการกระทำที่ช่วยเหลือหรือสนับสนุนผู้อื่น

โดยทั่วไปแล้วความเห็นอกเห็นใจเป็นลักษณะนิสัยที่ติดตัวใครหลายคน แต่ในขณะเดียวกันก็เป็นทักษะรูปแบบหนึ่งที่เราสามารถเพิ่มพูนได้ด้วยวิธีดังต่อไปนี้

1. ให้ความสนใจกับภาษากาย ไม่ใช่แค่คำพูด

เมื่อกำลังพูดคุยกับใครสักคน ให้สังเกตภาษากายและสัญญาณที่ไม่ใช่คำพูดที่พวกเขาอาจแสดงออกมา สิ่งเหล่านี้สามารถให้แสดงความรู้สึกและความคิดของพวกเขาได้

2. เข้าใจที่มาที่ไปของแต่ละคน

การทำความเข้าใจที่มาที่ไปของคนแต่ละคน จะทำให้เราเข้าใจมุมมอง ความคิด ความรู้สึกและแรงจูงใจของคนเหล่านั้นได้ ซึ่งสิ่งเหล่านั้นก็คือที่มาของความต้องการที่แตกต่างกันไปในคนแต่ละคนนั่นเอง

ยกตัวอย่างเช่น ถ้าเราต้องขายของสักชิ้นหนึ่ง เราจะขายอะไร? ให้ลองพิจารณาพื้นฐานของลูกค้าประจำของเรา แล้วจินตนาการว่าถ้าเราเป็น ‘ลูกค้า’ เราจะรู้สึกอย่างไร? ต้องการสินค้าแบบไหน? และต้องการให้แบรนด์สนับสนุนอะไร? คำถามเหล่านี้สามารถให้มุมมองที่ลึกซึ้งมากขึ้นเกี่ยวกับสิ่งที่อีกฝ่ายมองหา และช่วยให้คุณรู้สึกเห็นอกเห็นใจมากขึ้น

3. ฝึกฟังอย่างตั้งใจ

ทักษะการเป็นผู้ฟังที่ดี (Active Listening) จะทำให้เรามุ่งความสนใจอย่างเต็มที่ต่อสิ่งที่อีกฝ่ายกำลังสื่อสาร ทั้งคำพูดและภาษากาย ซึ่งในระหว่างที่เรากำลังฟังอีกฝ่ายพูดอยู่นั้น ลองพยายามทำความเข้าใจในถ้อยคำ และความรู้สึกของอีกฝ่าย แทนที่จะทำเพียงแค่รอให้ถึงตาเราพูด จึงสามารถพูดได้ว่า Active Listening หรือการฟังอย่างตั้งใจ เป็นทักษะที่ช่วยเสริมสร้าง Empathy ในใจของเราในฐานะที่เป็นผู้ฟังได้เป็นอย่างดี โดยมีองค์ประกอบสำคัญดังนี้

[  ] การให้ความสนใจอย่างเต็มที่ (Full Attention) เพื่อให้คู่สนทนารู้สึกว่าเรื่องที่เขาพูดมีความสำคัญและได้รับการรับฟังอย่างจริงจัง
[  ] มองสบตาผู้พูดอย่างเหมาะสม แสดงถึงความใส่ใจและการให้เกียรติ แต่ควรเป็นไปอย่างธรรมชาติ ไม่จ้องนานเกินไปจนทำให้อีกฝ่ายอึดอัด
[  ] แสดงท่าทางที่เปิดรับการสนทนา นั่งในท่าที่ผ่อนคลาย ไม่กอดอก พยักหน้าเป็นระยะ จะช่วยสร้างบรรยากาศที่เป็นมิตรและเปิดกว้างในการสนทนา 
[  ] หลีกเลี่ยงการมองโทรศัพท์หรือสิ่งรบกวนอื่นๆ อาจจะใช้วิธีปิดเสียงโทรศัพท์เพื่อให้ความสำคัญกับการสนทนาในขณะนั้น ช่วยให้เราจดจ่อกับสิ่งที่คู่สนทนากำลังสื่อสาร
[  ] การสะท้อนกลับ (Reflection) ไม่ใช่แค่การทวนคำพูด แต่เป็นการแสดงให้เห็นว่าเราเข้าใจทั้งเนื้อหาและความรู้สึกที่แท้จริงของผู้พูด ช่วยให้การสนทนาลึกซึ้งและมีความหมายมากขึ้น
[  ] ทวนซ้ำประเด็นสำคัญที่ได้ยิน ช่วยให้เราสามารถยืนยันความเข้าใจและให้โอกาสผู้พูดได้แก้ไขหากเราเข้าใจคลาดเคลื่อน
[  ] ถามคำถามเพื่อความเข้าใจที่ชัดเจน ถามคำถามปลายเปิดหรือขอให้อธิบายเพิ่มเติมแสดงถึงความสนใจอย่างแท้จริงและช่วยให้เข้าใจมุมมองของอีกฝ่ายได้ดียิ่งขึ้น
[  ] แสดงความเข้าใจในอารมณ์ของผู้พูด พยายามสังเกตและตอบสนองต่ออารมณ์ความรู้สึกของผู้พูดอย่างเหมาะสม 
[  ] การไม่ด่วนตัดสิน (Non-judgmental Attitude) สร้างพื้นที่ปลอดภัยในการสื่อสาร ทำให้ผู้พูดรู้สึกสบายใจที่จะแบ่งปันความคิดและความรู้สึกที่แท้จริง
[  ] รับฟังโดยปราศจากอคติ เพื่อให้เข้าใจมุมมองของอีกฝ่ายได้อย่างแท้จริง
[  ] ไม่รีบให้คำแนะนำหรือแก้ปัญหา เพราะบางครั้งผู้พูดอาจต้องการเพียงคนรับฟัง ไม่ใช่คำแนะนำหรือวิธีแก้ปัญหา การรับฟังอย่างตั้งใจจึงสำคัญกว่าการรีบเสนอทางออก
[  ] ให้พื้นที่ผู้พูดได้แสดงความคิดเห็นอย่างเต็มที่ เปิดโอกาสให้ผู้พูดได้แสดงความคิดเห็นจนจบ โดยไม่ขัดจังหวะหรือแทรกความคิดเห็นของเรา 

4. แสดงความเห็นอกเห็นใจด้วยการกระทำที่เห็นได้อย่างชัดเจน

ความเห็นอกเห็นใจจะเกิดขึ้นได้ก็ต่อเมื่ออีกฝ่ายรับรู้ถึงมันแล้ว ดังนั้น เมื่อเราเข้าอกเข้าใจผู้อื่นแล้วก็ต้องแสดงออกมาด้วยการกระทำรูปแบบต่างๆ เพื่อส่งไปให้ถึงผู้รับด้วยเช่นกัน

Advertisements
Advertisements

การใช้ความเห็นอกเห็นใจเป็นทักษะในการตามหาความต้องการที่แท้จริงของผู้คนก็เหมือนกับ ‘ทฤษฎีไข่ดาว’ ที่แม้จะเป็นไข่ดาวง่ายๆ ทว่าแต่ละคนกลับมีความชอบแตกต่างกันออกไป เช่น ไข่ดาวกรอบๆ ไข่ดาวไม่สุก ไข่ดาวที่มีขอบกรอบ แต่ไข่แดงเป็นเนื้อยางมะตูม หรือไข่ดาวแบบอเมริกันเบรกฟาสต์

ทุกคนเคยสังเกตไหมว่าทำไมพ่อครัวหรือแม่ครัวถึงรู้ว่าต้องทอดไข่ดาวแบบไหนถึงจะถูกใจลูกค้า? 

สิ่งที่ทำให้เราเข้าใจความต้องการที่แท้จริงของอีกฝ่าย ไม่ว่าเขาจะตอบเราด้วยคำว่าอะไรก็ตามก็คือ ‘Empathy’ หรือความเห็นอกเห็นใจที่ทำให้เราเข้าใจผู้คนนั่นเอง

ในโลกที่มีการเปลี่ยนแปลงอย่างรวดเร็วและส่งผลกระทบต่อทุกแง่มุมของชีวิต ความง่าย หรือ Simplicity ยิ่งทวีความสำคัญและเป็นสิ่งที่ผู้คนมองหา และความง่ายก็กลายเป็นใบเบิกทางที่จะทำให้หลายธุรกิจครองใจผู้บริโภคในยุคใหม่ได้ง่ายขึ้น แต่ในขณะเดียวกันก็ต้องเป็นความง่ายที่ตอบโจทย์ลูกค้าที่สุดด้วย

เหมือนกับธนาคารกรุงศรีที่เชื่อว่าชีวิตง่ายๆ ที่ทุกคนอยากมีนั้นไม่เหมือนกัน จากจุดเริ่มต้นในปี 2011 ที่กรุงศรีมุ่งมั่นทำให้ ‘เรื่องเงิน เรื่องง่าย’ ธนาคารได้พัฒนาและปรับเปลี่ยนแนวทางให้สอดคล้องกับความต้องการของลูกค้าที่เปลี่ยนแปลงไปตามยุคสมัย จนกระทั่งในปี 2023 กรุงศรีได้ยกระดับความมุ่งมั่นจากการทำให้ ‘เรื่องเงิน เรื่องง่าย’ ไปสู่การมุ่งเน้นที่ชีวิตของลูกค้าเป็นศูนย์กลาง โดยตั้งเป้าหมายที่จะทำให้ทุกคนมีชีวิตที่ง่ายขึ้นในทุกๆ วัน จนเกิดเป็นคำมั่นสัญญาใหม่ที่ว่า ‘ชีวิตง่าย ได้ทุกวัน’ (Make Life Simple)

การเปลี่ยนแปลงครั้งสำคัญนี้สะท้อนให้เห็นถึงวิวัฒนาการของธนาคารที่เข้าใจว่า ความง่ายไม่ได้จำกัดอยู่แค่เรื่องการเงิน แต่ต้องครอบคลุมทุกมิติของชีวิต เพราะในโลกที่ซับซ้อนขึ้นทุกวัน สิ่งที่ผู้คนต้องการคือพันธมิตรที่เข้าใจและพร้อมช่วยให้ชีวิตของพวกเขาง่ายขึ้นในทุกๆ ด้าน

นี่จึงเป็นที่มาของแคมเปญ ‘ชีวิตที่อยากได้ ไม่เหมือนกัน’ ผ่านภาพยนตร์โฆษณาชุดใหม่ที่เล่าถึง ‘ทฤษฎีไข่ดาว’ ผ่านเรื่องราวของเด็กน้อยขี้สงสัย ที่แม้ว่าลูกค้าจะสั่งไข่ดาว ซึ่งเป็น ‘เมนูง่ายๆ’ เหมือนกัน แต่ลูกค้าแต่ละคนกลับชอบไม่เหมือนกัน เหมือนกับปัญหาในชีวิตจริงของหลายๆ คน ที่แม้จะเป็นปัญหาที่ถูกมองข้ามแบบ ‘ไข่ดาว’ แต่กรุงศรีก็ใส่ใจในทุกรายละเอียด เช่น

[  ] บางคนมองว่าการทำธุรกรรมผ่านแอปฯ ง่ายกว่าการไปธนาคาร
[  ] บางคนรู้สึกว่าการพูดคุยกับเจ้าหน้าที่โดยตรงทำให้เข้าใจง่ายกว่า
[  ] บางคนชอบจัดการเรื่องเงินด้วยตัวเองผ่านดิจิทัล
[  ] บางคนต้องการคำแนะนำจากผู้เชี่ยวชาญเพื่อความมั่นใจ

ซึ่งเป็นความใส่ใจที่กรุงศรียึดมั่นมาตลอดว่าเรื่องง่ายของแต่ละคนนั้นไม่เหมือนกัน ในฐานะผู้นำด้านโซลูชันทางการเงินที่เข้าใจว่าความง่ายของแต่ละคนว่ามีสไตล์ที่แตกต่างกัน จึงออกโซลูชันและบริการต่างๆ เพื่อช่วยให้เรื่องเงินของลูกค้ากลายเป็นเรื่องง่าย เช่น UCHOOSE สำหรับคนที่ต้องการความคล่องตัวในการจัดการทุกเรื่องของบัตรเครดิตกรุงศรี, Krungsri The Coach สำหรับผู้ที่ต้องการอัปเดตความรู้ทางการเงิน  หรือ Krungsri App สำหรับการทำธุรกรรมพื้นฐานที่เข้าถึงง่าย สะดวก รวดเร็ว ฯลฯ

ผู้ที่สนใจสามารถรับชมภาพยนตร์โฆษณาแคมเปญ “ชีวิตที่อยากได้ ไม่เหมือนกัน” จากกรุงศรีได้ที่ https://youtu.be/iA2_LLg4Iqk หรือดูข้อมูลเพิ่มเติมได้ที่ https://www.krungsri.com/th/makelifesimple

ในโลกที่เต็มไปด้วยความเร่งรีบและความซับซ้อน คำว่า “อะไรก็ได้” หรือ “ง่ายๆ” ที่เราได้ยินบ่อยครั้ง อาจเป็นเพียงม่านบางๆ ที่ซ่อนความปรารถนาอันละเอียดอ่อนของแต่ละคนเอาไว้ เหมือนไข่ดาวที่แม้จะดูเรียบง่าย แต่กลับมีเรื่องราวและความพิถีพิถันซ่อนอยู่ในทุกจานที่เสิร์ฟ 

ท้ายที่สุดแล้ว การจะเข้าถึงหัวใจของใครสักคน ไม่ได้อยู่ที่การตีความคำพูดของเขาเพียงผิวเผิน แต่อยู่ที่ความตั้งใจที่จะเข้าใจ การรับฟังอย่างลึกซึ้ง และการมีหัวใจที่พร้อมจะเห็นอกเห็นใจ เพราะเมื่อเราใส่ใจในทุกรายละเอียดของความสัมพันธ์ แม้แต่สิ่งที่ดูเหมือนจะง่ายที่สุด ก็อาจเป็นจุดเริ่มต้นของความเข้าใจที่ลึกซึ้งและยั่งยืน

อ้างอิง
– ทฤษฎี “ไข่ดาว” (Fried egg theory) : SaLamTam (Poon), Medium – https://bit.ly/3Cx1Ggr– How to Be More Empathetic : Kendra Cherry (MSEd), VerywellMind – https://bit.ly/3CG1pYo

Mission To The Moon X Krungsri

#MissionToTheMoon
#ชีวิตที่อยากได้ไม่เหมือนกัน  
#krungsri  
#ชีวิตง่ายได้ทุกวัน 
#KrungsriSimple

Advertisements

LASTEST ARTICLES

LASTEST PODCAST

Mission To The Moon
Mission To The Moon
พื้นที่ที่สร้างขึ้นเพื่อแบ่งบันเรื่องราวเกี่ยวกับการทำธุรกิจ การตลาด แรงบันดาลใจ และข้อคิดในการใช้ชีวิต

POPULAR ARTICLES

เราใช้คุกกี้เพื่อพัฒนาประสิทธิภาพ และประสบการณ์ที่ดีในการใช้เว็บไซต์ของคุณ คุณสามารถศึกษารายละเอียดได้ที่ นโยบายคุกกี้ และสามารถจัดการความเป็นส่วนตัวของคุณได้เองโดยคลิกที่ ตั้งค่า

ตั้งค่าความเป็นส่วนตัว

คุณสามารถเลือกการตั้งค่าคุกกี้โดยเปิด/ปิด คุกกี้ในแต่ละประเภทได้ตามความต้องการ ยกเว้น คุกกี้ที่จำเป็น

ยอมรับทั้งหมด
จัดการความเป็นส่วนตัว
  • คุกกี้ที่มีความจำเป็น (Strictly Necessary Cookies)
    เปิดใช้งานตลอด

    คุกกี้ที่มีความจำเป็นสำหรับการทำงานของเว็บไซต์ เพื่อให้คุณสามารถใช้งานและเข้าชมเว็บไซต์ได้อย่างเป็นปกติ คุณไม่สามารถปิดการทำงานของคุกกี้นี้ในระบบเว็บไซต์ของเราได้ อย่างไรก็ตาม คุณสามารถบล็อคการใช้งานคุกกี้ได้จากเบราว์เซอร์ที่ใช้งาน ซึ่งอาจจะส่งผลกระทบกับการใช้งานเว็บไซต์ได้

  • คุกกี้สำหรับการวิเคราะห์และวัดผลการทำงาน (Performance Cookies)

    คุกกี้ประเภทนี้จะทำการเก็บข้อมูลการใช้งานเว็บไซต์ของคุณ เพื่อเป็นประโยชน์ในการวัดผล ปรับปรุง และพัฒนาประสบการณ์ที่ดีในการใช้งานเว็บไซต์ ถ้าหากคุณไม่ยินยอมให้เราใช้คุกกี้นี้ เราจะไม่สามารถวัดผล ปรับปรุงและพัฒนาเว็บไซต์ได้

บันทึกการตั้งค่า