เมื่อดำเนินมาถึงจุดหนึ่งของชีวิต เชื่อว่าหลายคนจู่ๆ ก็รู้สึกเคว้งขึ้นมา ตั้งคำถามกับตัวเองว่าตอนนี้เราทำอะไรอยู่นะ ทำไปเพื่ออะไรกัน และ “ชีวิต” ของเราควรจะไปทางไหนต่อ
ถ้านี่คือสิ่งที่ใครหลายคนกำลังถามตัวเองอยู่บ่อยๆ คุณอาจจะกำลังตามหา “เป้าหมายชีวิต” อยู่ก็เป็นได้
จริงอยู่ที่มีคนจำนวนไม่น้อยไม่คิดว่าการมีเป้าหมายชีวิตนั้นเป็นเรื่องสำคัญ และรู้สึกว่าเป็นเพียงความฝันลมๆ แล้งๆ เท่านั้น แต่แท้จริงแล้ว ถึงแม้ว่าเป้าหมายนั้นของเราจะดูฝันไกลเกินเอื้อมสักเท่าไร แต่มันก็ทำให้เรามองเห็นว่าจุดหมายอยู่ที่ตรงไหน และเราจะต้องเดินเส้นทางใดเพื่อไปถึงปลายทางที่เราวาดฝันไว้ แถมยังช่วยสร้างพลังใจระหว่างทางให้เราอีกด้วย
อย่างไรก็ตาม การมีเป้าหมายชีวิต ไม่แค่ช่วยกำหนดทิศทางให้กับเราเท่านั้น แต่ยังช่วยให้ชีวิตโดยรวม ทั้ง “สุขภาพกาย” และ “สุขภาพใจ” เราดีขึ้นได้อีกด้วย แต่ว่าอย่างไรกันล่ะ? ในวันนี้เราจะพาไปไขคำตอบนี้ และบอกเคล็ด (ไม่) ลับในการตามหาเป้าหมายชีวิตแบบง่ายๆ ให้กับทุกคนกัน
ประโยชน์ที่ให้มากกว่าแค่การมองเห็นจุดหมาย แต่ยังเพิ่มความสุขให้กับชีวิตอีกด้วย
การมีเป้าหมายในชีวิต หรือ “Sense of Purpose” จะช่วยให้เรามีสุขภาพจิตที่ดี และยังทำให้เรามีสุขภาพกายที่ดี รวมถึงมีชีวิตที่ยืนยาวอีกด้วย
จากบทความวิจัยบนเว็บไซต์ Applied Psychology นั้นได้บอกไว้ว่า ผู้ใดก็ตามที่มี “Eudaimonic Well-Being” หรือ “ความสุขระยะยาว” อยู่ในระดับที่สูงนั้น มีแนวโน้มที่จะมีชีวิตที่ยืนยาวกว่าบุคคลทั่วไป ซึ่ง Eudaimonic Well-Being นี้ มีความเกี่ยวข้องโดยตรงกับความรู้สึกเวลาเรามีเป้าหมายในชีวิต
ลงลึกไปในด้านสุขภาพกาย มีงานวิจัยที่บอกอีกว่าความรู้สึกของการมีเป้าหมายในชีวิต ทำให้เรามีสุขภาพทางด้านร่างกายที่ดีขึ้น เช่น อัตราการเป็นโรคหลอดเลือดสมองที่น้อยลง การนอนหลับที่ดีขึ้น รวมถึงความเสี่ยงที่ลดลงของภาวะสมองเสื่อมอีกด้วย
นอกจากนี้ ยังมีการศึกษาในปี 2016 ที่ตีพิมพ์ในวารสารการวิจัยและบุคลิกภาพ (Journal of Research and Personality) พบว่า บุคคลที่รู้สึกว่ามีเป้าหมายในชีวิตนั้น มีความสามารถที่จะทำเงินและมีรายได้มากกว่าบุคคลที่รู้สึกว่างานของพวกเขาทำอยู่นั้นไม่มีความหมายเลยอีกด้วย
ด้วยประโยชน์ทั้งหมดเหล่านี้ เป็นที่ชัดเจนว่าการค้นหาเป้าหมาย หรือความหมายในชีวิตของเราเป็นสิ่งสำคัญที่ทำให้เรามีชีวิตที่ดีขึ้น แต่อย่างไรก็ตาม สิ่งสำคัญระดับนี้ ก็ไม่ใช่สิ่งที่เราสามารถเจอได้อย่างรวดเร็วเสมอไป แต่เป็นสิ่งที่เราได้ตกผลึกได้ ผ่านประสบการณ์ชีวิต และการลองผิดลองถูกไปเรื่อยๆ ต่างหาก
เคล็ด (ไม่) ลับ สำหรับการค้นหาเป้าหมายในชีวิตในวันธรรมดา
สำหรับใครก็ตามที่กำลังค้นหาเป้าหมายในชีวิตอยู่นั้นย่อมรู้ดีว่ามันไม่ใช่เรื่องง่าย และต้องใช้เวลา ซึ่งกว่าจะได้มานั้น ต้องผ่านกระบวนการหลายๆ อย่างที่เราค่อยๆ สั่งสมไปทีละน้อย เช่นการวิเคราะห์ตัวเอง (Self-Reflection) การฟังความคิดเห็นที่หลากหลายจากผู้อื่น รวมถึงได้สัมผัสประสบการณ์ต่างๆ เพื่อที่ได้รู้ว่าแท้จริงแล้ว Passion ของเราคืออะไร
ที่สำคัญ เป้าหมายของเรานั้นอาจจะซ่อนอยู่ภายในทุกๆ วันของเรา โดยที่เราไม่รู้ตัวเลยก็ได้
โดยกลยุทธ์ทั้ง 5 ต่อไปนี้ อาจจะช่วยให้ทุกคนสามารถตามหาเป้าหมายในชีวิตผ่านชีวิตประจำวันของเรา
1. ลองบริจาค “เงิน” “เวลา” และ “ความสามารถ” ของเราให้ผู้อื่น
นักวิจัยจากมหาวิทยาลัยฟลอริดา และสแตนฟอร์ดพบว่าปัจจัยสำคัญของ “การมีความสุข (Happiness)” และ “การมีความหมาย (Meaningfulness)” นั้นบางอย่างทับซ้อนกันอยู่ ซึ่งก็คือ “การให้”
จุดเริ่มต้นที่ดีของการเป็น “ผู้ให้” อาจจะเริ่มต้นได้ง่ายๆ ด้วยการบริจาคเงินให้กับองค์กรการกุศล ไปเป็นอาสาสมัครช่วยเหลือผู้อื่นเป็นครั้งคราว หรือไม่ก็เพียงแค่มีความใส่ใจในการช่วยเหลือผู้คนรอบตัวเราในแต่ละวันก็เพียงพอแล้วที่จะทำให้เรารู้สึกถึงเป้าหมายบางอย่างในชีวิตได้
2. รับฟังคำติชมจากผู้อื่น
สำหรับใครก็ตามที่กำลังมีปัญหากับการค้นหาตัวเอง ยังไม่รู้ว่าเราเป็นคนแบบไหน หรือชอบอะไรกันแน่ บางทีเราอาจจะลองถามความเห็น หรือสังเกตดูว่าคนรอบตัวเรามักพูดถึงตัวเราอย่างไร
ลองถามเพื่อนสนิท หรือครอบครัวว่าพวกเขามองเราอย่างไรบ้าง เป็นคนแบบไหน ทำอะไรเก่ง หรือเวลาที่เราได้รับคำติชมต่างๆ ลองจดเก็บเอามาวิเคราะห์ตัวเองดูว่า เรามักโดนติในเรื่องแบบใด และโดนชมในเรื่องไหนบ้าง เพื่อที่เราจะได้ค้นหาตัวเองได้อย่างแม่นยำยิ่งขึ้น
พวกเราทุกคนมักจะกำลังแสดงตัวตน และ Passion ของตัวเองออกมาอยู่เสมอ ถึงแม้ว่าบางทีเราจะไม่รู้ตัวก็ตาม บางทีเราอาจจะค้นพบเป้าหมายในชีวิตเจอตั้งนานแล้วก็ได้เพียงแค่เรามองไม่เห็นมันในตัวเอง แบบที่คนอื่นเห็นในตัวเราก็ได้
3. ล้อมรอบตัวเองด้วยผู้คนที่มอบพลังบวกให้เรา
คนรอบตัว ณ ที่นี้ อาจจะไม่นับเพื่อนร่วมงานหรือสมาชิกในครอบครัวที่เรามีความจำเป็นต้องเจออยู่แล้ว แต่ให้คิดถึงคนที่เราเลือกใช้เวลาส่วนตัวด้วย เช่นเพื่อนฝูง หรือคนรัก เพราะว่าคนรอบตัวเรานั้นก็สะท้อนอะไรบางอย่างเกี่ยวกับเราได้เหมือนกัน โดยหากเราอยู่ท่ามกลางผู้คนที่ปล่อยพลังบวกให้เรา เราก็อาจได้รับแรงบันดาลใจต่างๆ จากพวกเขา
ในทางกลับกัน ถ้าคนรอบข้างเราเป็นคนคิดลบที่คอยฉุดรั้งเราตลอดเวลา มันก็เป็นเรื่องยากที่จะรู้สึกหลงใหลไป และรู้สึกว่าชีวิตมีเป้าหมาย เมื่อเราถูกรายล้อมไปด้วยคนที่ปล่อยพลังลบใส่เราตลอดเวลา
4. สังเกตว่าในปัจจุบันเราชอบทำอะไรอยู่
มีบทความเรื่องไหนบ้างไหมที่เราชอบอ่านบน Facebook มีรูปแบบไหนบ้างที่เราชอบกดไลก์ หรือติดตามใน Instagram เราชอบคุยกับเพื่อนเรื่องอะไรเวลาเจอหน้ากัน ประวัติศาสตร์ การเมือง หรือ การเงิน ทุกอย่างนี้อาจเป็นคำตอบอยู่แล้วก็ได้ว่าเราชื่นชอบอะไรบ้าง และมีความสุขกับสิ่งใดในชีวิตก็เป็นได้
5. ค้นหาสิ่งที่เรา “รัก” ที่จะทำ
การรู้ว่าเรา “รัก” ที่จะทำอะไรนั้นอาจจะเป็นสิ่งที่ง่ายมากสำหรับบางคน แต่ในขณะเดียวกันมันก็เป็นสิ่งที่ยากที่สุดสำหรับหลายคน แต่ว่าการค้นหาสิ่งที่เรารักนั้นจะทำให้เราค้นพบเป้าหมายในชีวิตได้อย่างแน่นอน
ถ้าเราชอบเตะฟุตบอล ลองไปเป็นอาสาสมัครเป็นโค้ชให้เด็กยากไร้ดูไหม? ถ้าเราชอบเสียงดนตรี ลองคัฟเวอร์เพลงต่างๆ โพสต์ลงยูทูบดูไหม? ลองพิจารณาดูว่าเรามีทักษะ มีพรสวรรค์ และ Passion ในเรื่องอะไรบ้าง แล้วลงมือทำสิ่งนั้นให้มันกลายเป็นอะไรที่มีความหมายสำหรับเรา และนั่นแหละเราอาจจะค้นพบแล้วว่าเป้าหมายในชีวิตเราคืออะไร และเมื่อเรารู้แล้วว่าเป้าหมายคืออะไร มันก็จะทำให้เราเห็นอย่างชัดเจนยิ่งขึ้นว่าทิศทางชีวิตต่อไปของเราควรจะไปทางไหน
ท้ายที่สุดนี้ เหมือนที่เคยกล่าวไว้ก่อนหน้านี้ว่า การค้นหาเป้าหมายในชีวิตนั้นไม่ใช่สิ่งง่ายๆ ที่เราจะสามารถทำได้สำเร็จภายในไม่กี่วัน มันอาจจะใช้เวลาเป็นเดือน เป็นปี หรือทั้งชีวิตของเราเลยก็ได้ แต่ว่าเมื่อเราค้นหามันเจอนั้น ไม่ว่าจะใช้เวลานานเพียงใด สุดท้ายแล้วมันจะคุ้มค่าอย่างแน่นอน
ที่มา:
https://bit.ly/3nTvIjL
https://nyti.ms/3arsEbx
https://bit.ly/3P0e1ei
#missiontothemoon
#missiontothemoonpodcast
#inspiration