ทำไมไม่เก่ง ไม่ภูมิใจในตัวเองเลยสักอย่าง…มาเรียนรู้วิธีปรับความคิดให้ใช้ชีวิตแบบ ‘ไม่เกลียดตัวเอง’ กันเถอะ

8450
เกลียดตัวเอง

การใช้ชีวิตในแต่ละวันนั้นไม่ง่าย หลายคนคงเคยเกิดคำถามว่า ทำไมตัวเราถึงไม่มีอะไรดีเลยสักอย่าง? ขึ้นในใจ บางครั้งก็รู้สึกไม่มั่นใจในตัวเอง มองทุกอย่างในแง่ร้าย บางครั้งก็รู้สึกกังวลและหวาดระแวง ความรู้สึกแง่ลบเหล่านี้อาจเกิดขึ้นได้บ่อยๆ ซึ่งเป็นที่มาของการขาดความมั่นใจ ไปจนถึงความรู้สึก “เกลียดตัวเอง”

วันนี้เราจะพาคุณมาสำรวจความรู้สึกข้างใน พร้อมวิธีจัดการกับความเกลียดชังที่ก่อขึ้น เพื่อรับมือกับความรู้สึกดังกล่าว ก่อนจะสายเกินไป

เช็กสัญญาณสำหรับการ ‘เกลียดตัวเอง’

  • คุณตัดสินทุกการกระทำของตัวเองแค่ดีกับไม่ดี ไม่มีตรงกลาง
  • หากเจอเรื่องไม่ดีเพียงเล็กๆ คุณก็จะลืมโฟกัสกับความสุขที่เคยเกิดขึ้นทันที
  • เปรียบเทียบตัวเองกับคนอื่น อิจฉา และมักลงท้ายด้วยการไม่มีความภูมิใจในตัวเอง
  • เมื่อเป็นเรื่องของตัวเอง คุณก็มักจะขอให้คนอื่นช่วยตัดสินใจหรือเลือกแทน 
  • ถ้าได้รับคำชม คุณจะรีบปฏิเสธ และคิดว่าคนอื่นแค่ชมตามมารยาท
  • รู้สึกว่าคนอื่นไม่ชอบตนเอง คุณจึงต้องพยายามเข้ากับคนอื่นให้มาก
  • เมื่อโดนวิจารณ์ คุณจะคิดว่าคนคนนั้นต้องการโจมตีคุณเสมอ
  • ไม่กล้ามีความรักทั้งในรูปแบบคนรักและเพื่อนสนิท เพราะเชื่อว่าความสัมพันธ์จะพัง
  • ไม่กล้าฝัน กลัวความล้มเหลว และกลัวความสำเร็จ
  • ถ้าทำผิดแล้วจะให้อภัยตัวเองได้ยาก

ถ้าหาก 10 ข้อข้างต้น คุณติ๊กเครื่องหมายถูกในใจไปเกิน 5 ข้อ นั่นอาจเป็นสัญญาณว่าคุณมีความเกลียดตัวเองฝังอยู่ภายใน แต่อะไรที่ทำให้คุณรู้สึกแบบนั้น?

Advertisements

ความรู้สึกไม่พึงพอใจในตัวเองนั้นมีปัจจัยหลายอย่าง และมักมาจากประสบการณ์ในวัยเด็ก รวมถึงการถูกผู้อื่นทำร้ายจิตใจ อย่างการกลั่นแกล้งจากเพื่อน การถูกพ่อแม่ด่าทอทุบตี ความสัมพันธ์ที่ร้าวราน เหตุการณ์สะเทือนใจ เช่น อุบัติเหตุ การสูญเสียของรักหรือคนรัก โดยเฉพาะเหตุการณ์ที่เชื่อมโยงว่าคุณเป็นฝ่ายผิด 

ทั้งหมดนี้เป็นเรื่องที่ฝังอยู่ในส่วนลึกของใจคุณ เมื่อความทรงจำถูกกวนให้ขุ่น ราวกับตะกอนในน้ำ ก็จะทำให้คุณผูกโทษทุกอย่างไว้ที่ตัวเอง แม้ว่าบางอย่างจะไม่ใช่ความผิดของคุณเลยก็ตาม สุดท้ายความคิดเชิงลบจะค่อยๆ ฝังตัวอยู่ภายในคุณ สิ่งที่คุณเกลียดมันนั่นเอง ที่ทำให้คุณไม่ชอบตัวเองในที่สุด

แล้วเราจะต่อสู้กับสิ่งเหล่านี้อย่างไร?

เมื่อคุณรู้แล้วว่าความรู้สึกเหล่านี้มีอยู่ในตัวคุณ ซึ่งส่งผลต่อการใช้ชีวิตในหลายๆ ด้าน เช่น คุณไม่สามารถตัดสินใจอะไรด้วยตัวเองได้ บุคลิกภาพก็แย่ เพราะไม่สามารถยืดและยิ้มอย่างภาคภูมิ แต่ที่สำคัญก็คือ สภาพจิตใจคุณจะพังทลายลงเรื่อยๆ และนำไปสู่ปัญหาสุขภาพจิตตามมา 

เพื่อแก้ไขไม่ให้ทุกอย่างเลวร้ายไปกว่านี้ ลองมาฝึกวิธีรับมือกับความคิดแง่ลบกันเถอะ

จดบันทึกเพื่อไตร่ตรองสิ่งที่เกิดขึ้น

การจดบันทึกจะทำให้คุณได้ทบทวนเหตุการณ์ในแต่ละวัน เข้าใจต้นสายปลายเหตุของแต่ละเหตุการณ์ ช่วยแยกแยะว่าสิ่งที่คุณรู้สึกว่าเป็นความผิดของตัวเอง แท้จริงแล้วเกิดจากอะไร ซึ่งในขณะที่คุณจดบันทึกในแต่ละวัน ให้ลองสังเกตไปด้วยว่า อารมณ์ความรู้สึกของคุณเปลี่ยนไปอย่างไรบ้าง นอกจากนี้คุณยังสามารถใช้เทคนิค Morning Pages หรือการเขียนระบายทุกสิ่งทุกอย่างในใจตั้งแต่ตอนเช้าที่ตื่นนอนก็ได้

ตรวจสอบความคิดแง่ลบภายในตัวเอง

เมื่อไรที่รู้สึกแย่หรือคิดว่าตัวเองทำผิดพลาด ให้ตรวจสอบความคิดด้วยการถามตัวเองว่า ความคิดที่คิดนั้นเป็นเรื่องจริงหรือไม่ ลองตอบโต้กับ ‘คนพาล’ ในใจตัวเอง คนที่พยายามชี้หน้าต่อว่าคุณ หากยากในการเป็นคนเข้มแข็ง ให้ลองจินตนาการว่าคุณเป็นใครอีกคนที่แข็งแกร่งมากพอ และใช้พลังตรงนั้นตอบโต้เสียงในหัวของตัวเองแทน

ฝึกการเห็นอกเห็นใจตนเอง 

ความเห็นอกเห็นใจนั้นฝึกฝนได้ ความรู้สึกนี้จะเกิดขึ้นเมื่อเราได้ทำความเข้าใจเหตุผล ในสิ่งที่ตัวเองทำไม่สำเร็จ โดยไม่คิดว่ามันเป็นข้ออ้าง แต่นั่นเป็นข้อจำกัดของเรา เช่น ทำไมเราถึงทำงานนี้ไม่ผ่าน?…เพราะเรามีเวลาน้อยเกินไป และเนื้อหาก็ยาก ต้องใช้การอ่านข้อมูลเยอะกว่านี้… จุดสำคัญคือการเข้าใจว่า สิ่งที่เราทำล้มเหลวนั้นสามารถปรับปรุงเปลี่ยนแปลงได้ ไม่ใช่เรื่องที่จะต้องเป็นแบบนั้นเสมอ 

Advertisements

ตั้งเป้าหมายเป็นสิ่งเล็กๆ มากๆ

คุณมักจะตัดสินว่าตัวเองล้มเหลว และไม่ชอบตัวเองที่ไม่เคยทำอะไรได้สำเร็จ ดังนั้น ลองมาเปลี่ยนวิธีโฟกัสกับเป้าหมายใหม่ ด้วยการ ‘ย่อย’ เป้าหมายออกเป็นส่วนเล็กๆ และเริ่มทำแบบสะสมไมล์ไปเรื่อยๆ เช่น การทำงานทันไทม์ไลน์ การทำอาหารอร่อย ฯลฯ เริ่มต้นจากการโฟกัสสิ่งดีๆ ที่คุณได้ทำสำเร็จ ฝึกชื่นชมฝีมือตัวเอง ในเรื่องที่ไม่ต้องเป็นเรื่องใหญ่อะไรเลย

พาตัวเองไปอยู่กับคนคิดบวก 

การฝังตัวเองอยู่กับที่ ไม่มีเพื่อน ไม่มีใครให้แบ่งปันความรู้สึก นั้นมีแต่จะทำให้คุณวนเวียนอยู่ในความเกลียดชัง ลองโทรหาเพื่อนเก่า คนที่เรารู้สึกว่าเขาคือความเบ่งบาน คนที่มักจะมองโลกแง่บวกอยู่เสมอ หรือลองใช้ชีวิตกับเพื่อนร่วมงานที่ทำงานคนละส่วน เพื่อให้คุณไม่รู้สึกเปรียบเทียบตัวเองกับเขา การได้เรียนรู้ทัศนคติจากคนอื่นๆ จะช่วยลดความขุ่นมัวในการมองโลกของคุณได้

เข้าใจตัวเองด้วยความเป็นจริง ยอมรับในส่วนที่ผิด และเปิดใจชื่นชมสิ่งที่สวยงามของตัวเอง เราทุกคนมี ‘คุณค่า’ อย่าลืมโฟกัสในคุณค่านั้น…



แปลและเรียบเรียงจาก:

https://bit.ly/3Br2sql

#missiontothemoon

#missiontothemoonpodcast

#selfimprovement

ติดตามความเคลื่อนไหวและเนื้อหาน่าสนใจอื่นๆ ได้ที่ https://missiontothemoon.co/

Advertisements