เพราะการเห็นคุณค่าตัวเองสำคัญกว่าสิ่งใด ความสำเร็จจะเล็กจะใหญ่ก็หัด “ชมตัวเอง” ไว้ก่อน

4606
ชมตัวเอง

“คำชม” แม้จะเป็นสิ่งที่เราดีใจทุกครั้งที่ได้ยินและลึกๆ ก็แอบอยากได้ยินบ่อยๆ แต่ทุกครั้งที่มีคนชมเรามักจะรู้สึกเคอะเขินจนทำตัวไม่ถูก ได้แต่บอกปัดๆ ไปว่า ‘ไม่ขนาดนั้นหรอก’ อะไรทำนองนี้

ไม่รู้ว่าเพราะวัฒนธรรมปลูกฝังมาให้เราอ่อนน้อมถ่อมตน หากใครชมแล้วยืดอกรับเต็มที่อาจดูมั่นอกมั่นใจเกินไปจนโดนหมั่นไส้ เราถูกสอนให้ก้มหัวต่ำ ไม่ทำตัวโดดเด่นจนเกินไปตั้งแต่ไหนแต่ไร

แม้กระทั่งความสำเร็จของเราเอง เรายังไม่มีโอกาสได้ดื่มด่ำมันอย่างเต็มที่

Advertisements

ทั้งๆ ที่จริงแล้วการ “ชมตัวเอง” มีประโยชน์มากมายกว่าที่เราคิด ทั้งในด้านความสุขส่วนตัวและโอกาสก้าวหน้าในหน้าที่การงาน เรามาเรียนรู้ประโยชน์และวิธีรับคำชมในบทความนี้กันดีกว่า

เพราะอะไรเราถึงชอบปฏิเสธคำชม

หากใครสักคนชมเรา แล้วเรายืดอกรับอย่างมั่นใจว่า “แน่นอน” เรามักจะกลัวอยู่ลึกๆ ว่าคนอื่นจะไม่ชอบเราอยู่ในใจ แต่ที่หนักกว่าคือ เรามักจะไม่เชื่อในคำชมนั้นๆ เพราะตัวเราเองก็ยังสงสัยตัวเองอยู่เลยว่าเราไม่ได้เก่งขนาดนั้นเสียหน่อย ในขณะเดียวกัน หากมีคนพูดถึงเราในแง่ลบ เรามีแนวโน้มว่าจะเชื่ออย่างสุดใจว่าเราเป็นแบบนั้นจริงๆ โดยไม่เคลือบแคลงใจสักนิด

ทำไมมนุษย์เราจึงปักใจเชื่อความคิดแง่ลบง่ายกว่าความคิดแง่บวก

และทำไมเราถึงยึดติดกับ ‘ความผิดพลาด’ มากกว่า ‘ความสำเร็จ’

“เพราะในสมัยบรรพบุรุษของเรา คนที่ขี้กังวลไว้ก่อนมักจะมีโอกาสเอาตัวรอดจากภัยอันตรายได้มากกว่า สมองของเราเลยถูกวิวัฒนาการมาเพื่อมองหาข้อผิดพลาดนั่นเอง” ด็อกเตอร์คริสติน เนฟ รองศาสตราจารย์ภาคจิตวิทยาการศึกษาแห่งมหาวิทยาลัยเท็กซัส กล่าว

ประกอบกับค่านิยมเรื่องการถ่อมตัวอีก การบอกปัดคำชมจึงกลายเป็นเรื่องปกติในสังคมเรา โดยเฉพาะสังคมการทำงาน แน่นอนว่าหลายๆ คนก็เคยทำ แต่ถ้าหากเรารู้ถึงประโยชน์ของมัน ครั้งต่อไปเราอาจจะยิ้มรับด้วยความยินดีก็ได้นะ

เพราะคำชมให้มากกว่าความรู้สึกดีๆ

การชมตัวเองอาจทำให้เราเขินอยู่บ้าง แต่ถ้าเราก้าวข้ามผ่านความเขินไปได้อาจพบประโยชน์มากมาย

1. จูงใจในการทำบางสิ่งให้ดีขึ้น

งานวิจัยพบว่าคำชมที่จริงใจ ไม่ว่าจะมาจากคนอื่นหรือตัวเราเอง ช่วยเพิ่มแรงจูงใจได้อย่างมหาศาล ยิ่งไปกว่านั้น พอเราเชื่อมโยงความรู้สึกด้านบวกที่ได้จากคำชมนี้กับความสำเร็จของเรา เราจะยิ่งเต็มที่กับสิ่งที่ทำมากขึ้น

ดังนั้น ไม่ว่าจะเป็นงานที่ทำ การเรียนรู้ทักษะใหม่ๆ หรือการพัฒนาตนเอง เราจะทำผลงานออกมาได้ดี เรียนรู้เร็ว และจดจำทักษะใหม่ๆ ได้ดีขึ้นด้วย

2. ดีต่อองค์กร

หลายบริษัทมักใช้คำชมช่วยเพิ่มผลิตภาพ (Productivity) ของพนักงาน เพื่อให้ได้ผลงานที่ดีขึ้นและรายได้ที่ดีขึ้นตามมา 

3. ลดความเครียด

ผู้เชี่ยวชาญยังกล่าวอีกว่าการฉลองกับความสำเร็จของเราช่วยลดความเครียดและส่งเสริมให้เราทำพฤติกรรมดีๆ นั้นต่อไปอีก

4. รู้จักข้อดีของตัวเอง

หากมีคนถามว่าเราเก่งอะไร เรามักจะหยุดคิดอยู่สักพักใหญ่เลย หนึ่งวิธีที่จะช่วยให้เรารับรู้ถึงความสามารถของตนเองได้ดียิ่งขึ้นคือ การรับฟังคำชม เพราะคำชมนั้นแหละเป็นแหล่งข้อมูลชั้นดีเกี่ยวกับตัวเราจากสายตาคนนอก และเป็นข้อมูลที่เรามักจะมองข้าม

Advertisements

การตระหนักถึงข้อดียังมีส่วนช่วยในสถานการณ์สำคัญๆ ที่ต้องอาศัยความมั่นใจและความภูมิใจในคุณค่าของตนเอง เช่น การตอบคำถามในการสัมภาษณ์งาน หรือ การต่อรองเงินเดือน

5. รับมือกับคำพูดด้านลบได้ดี

เมื่อมนุษย์เราเจอคำวิจารณ์ มีโอกาสสูงที่เราจะสูญเสียความมั่นใจ แต่การที่เราชมตัวเองหรือน้อมรับคำชมบ่อยๆ นั้น ช่วยให้เราตระหนักรู้ถึงความสามารถ ข้อดีและความสำเร็จของตัวเองที่ผ่านมา เราจึงตั้งหลักและเดินหน้าทำงานต่อได้รวดเร็วกว่า

ฝึกรับคำชมและชมตัวเองอย่างไรได้บ้าง

หากเราไม่อยากดูหลงตัวเองหรือดูถ่อมตัวจนเกินไป การตอบรับสั้นๆ ด้วยคำขอบคุณ และตามด้วยถ้อยคำแสดงความจริงใจ เช่น ‘ดีใจที่ได้ยินเช่นนั้น’ ก็เป็นการตอบรับที่ดี เราอาจจะตามด้วยคำถามเพิ่มเติม (Follow-up Question) อย่างการถามว่า คนชมชอบตรงไหนถึงชม? มีคำแนะนำเพิ่มเติม? หรืออะไรที่ทำให้คนชมคิดเช่นนั้น? การถามต่อนี้แหละเป็นอีกหนึ่งวิธีที่ดีในการแสดงออกว่าเรายินดีกับคำชมนั้นจริงๆ

อย่างไรก็ตาม เราจะหวังพึ่งให้ผู้อื่นเห็นคุณค่าตลอดไม่ได้ เพราะในโลกความเป็นจริง ทุกความพยายามของเราไม่ได้มีคนมองเห็นเสมอไป

การศึกษาหนึ่งพบว่าพนักงานผู้หญิง (โดยเฉพาะผู้หญิงผิวสี) มักจะไม่ได้รับความชื่นชมเท่าที่ควร และมักจะถูกมอบหมายงานที่จริงๆ แล้วสำคัญแต่ถูกมองว่าไม่มีค่าให้ ผลที่ตามมาคือคนเหล่านี้มักถูกมองข้ามในการประเมินเลื่อนขั้น

จริงอยู่ ไม่ใช่ทุกคนที่สมควรจะได้คำชมจะถูกชม แต่เราสามารถแสดงความยินดีต่อความสำเร็จได้ด้วยการ “ชมตัวเอง”  โดยไม่ต้องรอคนอื่น เพราะเรารู้ตัวเองดีว่าเราพยายามมากแค่ไหน

ด็อกเตอร์เทเรซา อะมาไบล์ ศาสตราจารย์แห่งมหาวิทยาลัยฮาร์วาร์ด กล่าวว่า “แม้จะไม่มีคนมองเห็น มนุษย์เราก็มักจะรู้สึกดีอยู่แล้วเมื่องานที่ทำมีความก้าวหน้า หากสิ่งนั้นเองมีความหมายต่อพวกเขา” และแม้จะเป็นเพียงความคืบหน้าเล็กๆ แต่ถ้าเรามองเห็นคุณค่าล้วนทำให้เรารู้สึกดีขึ้นได้ทั้งนั้น

และจะรู้สึกดีขึ้นได้กว่าเดิมหากเราหัดชมตัวเองเสียบ้าง!

mm2021

นักวิจัยพบว่าการชมตัวเองนั้นช่วยให้เรารู้สึกดีไม่ต่างกับการที่คนอื่นชมเลย (และแน่นอนว่าได้ประโยชน์ที่กล่าวไปข้างต้นทั้งหมดด้วย) ถึงกระนั้น บางคนยังเขินกับการชมตัวเองออกมาตรงๆ อีกวิธีที่ช่วยได้ที่เราอยากแนะนำคือการจดบันทึกสิ่งที่ทำสำเร็จ

การจดบันทึกสิ่งที่เราทำสำเร็จในแต่ละวันหรือความคืบหน้าเล็กๆ ที่เราเรียกกันว่า​ “Small Wins” ก็ช่วยให้เรารู้สึกมีแรงใจขึ้นมาได้ ลักษณะของการบันทึกจะคล้ายกับการเขียน To-do list แต่ไม่ได้เขียน “สิ่งที่ต้องทำ” แต่เป็นการเขียน “สิ่งที่ทำสำเร็จแล้ว” เสียมากกว่า ทำงานเหนื่อยๆ คงไม่มีใครอยากเห็นกองงานที่เหลือหรอกจริงไหม ใครๆ ก็อยากหันไปมองกองงานที่ทำเสร็จแล้ว

ที่สำคัญคือ ไม่จำเป็นต้องเป็นงานชิ้นใหญ่ๆ ที่ทำเสร็จ แค่ขั้นตอน หรือ สิ่งเล็กๆ ที่ทำสำเร็จในวันนั้นก็พอแล้ว แม้ความสำเร็จเล็กๆ จะดูไม่สำคัญแต่มันก็เป็นส่วนหนึ่งของความสำเร็จใหญ่ๆ แถมยังช่วยเสริมสร้างความรู้สึกดีๆ แรงบันดาลใจและให้เรารู้สึกถึงการพัฒนาอีกด้วย

นักวิจัยพบว่าหากเราเจออุปสรรคหรือข้อผิดพลาด สิ่งเหล่านี้สามารถส่งผลลบต่อเราได้ถึง 3-4 เท่า เห็นกันแล้วใช่ไหมว่ามนุษย์เราสงสัยในความสามารถของตัวเองกันเก่งเหลือเกิน  ดังนั้นการคอยให้กำลังใจตัวเองหรือจดบันทึกชื่นชมความสำเร็จไว้ก็เป็นเรื่องจำเป็น เพราะมันไม่เพียงช่วยให้เรารู้สึกดีและมีกำลังใจมากขึ้น แต่ยังช่วยให้เราตระหนักถึงความสามารถของตัวเองอีกด้วย

ตั้งแต่วันนี้เป็นต้นไป ไม่ว่าจะทำอะไรเล็กน้อยสำเร็จ ก็อย่าลืมชมตัวเองกันนะว่า “เรานี่มันเก่งจริงๆ” นะ 

อ้างอิง
https://nyti.ms/3lVMu1M

#missiontothemoon
#missiontothemoonpodcast
#inspiration

ติดตามความเคลื่อนไหวและเนื้อหาน่าสนใจอื่นๆ ได้ที่ https://missiontothemoon.co/

Advertisements