ก่อนจะเป็น “พิมรี่พาย” ในวันนี้ ผ่านอะไรมาบ้าง?

3853
พิมรี่พาย

หลายคนน่าจะเริ่มรู้จักกับ พิมรี่พาย หญิงสาววัย 30 ปี ที่สร้างกระแสให้กับโลกโซเชียลอยู่เสมอทั้งในฐานะเน็ตไอดอล แม่ค้าออนไลน์ คนช่วยเหลือสังคม รวมไปถึงในฐานะนักร้องก็เช่นเดียวกัน

ภาพที่เราเห็นมาตลอดคือ พิมรี่พายทำอะไรก็มักจะประสบความสำเร็จทุกอย่าง ตั้งแต่เป็นแม่ค้าไปจนถึงการเป็นนักร้อง แต่เรื่องราวชีวิตของเธอที่ผ่านมากลับไม่ง่ายอย่างที่คิดเลย

พิมรี่พายเคยเล่าเรื่องราวชีวิตเธอผ่านคลิปวิดีโอและในไลฟ์ขายของว่า ช่วงวัยเด็กที่บ้านเธอไม่ได้มีฐานะมากนัก พ่อของเธอทำอาชีพค้าขายส่วนแม่ก็ทำอาหารขาย แต่มีนิสัยอย่างหนึ่งที่ติดตัวเธอตั้งแต่เด็กๆ คือ การขายของ

Advertisements

เธอเล่าว่าตอนอยู่โรงเรียนเธอจะเอาข้าวแกงของพ่อแม่ไปขายให้กับครูที่โรงเรียนอยู่เสมอ เธอจะมีตะกร้าอยู่ใบหนึ่งใส่ขนมหลายอย่างเพื่อเอาไปขายให้เพื่อน เธอเล่าว่าชีวิตที่ผ่านมาของเธอขายของมาแล้วหลายอย่าง ตั้งแต่กระเป๋า เครื่องสำอาง เสื้อผ้า และอาหาร

จับเงินก้อนแรกได้จากการเป็นแม่ค้าขายเสื้อที่ประตูน้ำ

ตอนที่พิมรี่พายเรียนอยู่มหาวิทยาลัย เธอมักจะไปขายของกับเพื่อนที่ตลาดอยู่เสมอและเธอสังเกตเห็นว่าร้านที่ขายเสื้อผ้าข้างๆ ขายดีมากจึงเกิดความคิดที่จะอยากหาเสื้อผ้ามาขายบ้าง ซึ่งแหล่งขายเสื้อผ้าแฟชั่นก็อยู่ที่ประตูน้ำ เธอจึงไปเดินประตูน้ำเพื่อหาเสื้อมาขาย แต่ระหว่างนั้นก็ได้ยินแม่ค้าร้านขายเสื้อประตูน้ำพูดว่า “วันนี้ขายไม่ดีเลย ได้เงินแค่ 30,000 เอง”

พิมรี่พายจึงอยากที่จะทำเสื้อขายในราคาที่ถูกลงบ้าง โดยการผลิตเสื้อเองเธอไปสำเพ็งเพื่อหาซื้อผ้ามาทำเสื้อ แต่ก็มีอุปสรรคตอนหาร้านทำเสื้อ เพราะเธอโดนทุกร้านปฏิเสธจนเธอเริ่มท้อใจ สุดท้ายไปพบกับพี่คนหนึ่งชื่อ “พี่นัท” ซึ่งหลังจากนั้นพิมรี่พายได้ถ่ายคลิปตาหาพี่คนนี้เพราะถือว่าเป็นผู้มีพระคุณของเธอ

เธอเล่าว่าการทำเสื้อขายต้องพบเจอกับปัญหามากมาย มีวันหนึ่งเธอขายเสื้อได้เงิน 30,000 บาท ใส่กระเป๋าติดตัวไว้และพักนอนหลับพอตื่นขึ้นกลับพบว่ามีคนขโมยเงินของเธอไปจนหมดโดยที่เธอไม่รู้ตัวด้วยซ้ำ ตอนนั้นเธอไม่รู้จะโทรไปหาใคร เพราะถ้าโทรไปหาพ่อแม่เดี๋ยวเขาจะรู้ว่าเธอไม่ได้ไปเรียนและหนีมาขายของ มีเพียงแค่พี่นัดที่รับรู้ปัญหาและอยู่เคียงข้างเธอตลอด

ในตอนนั้นเธอจึงตัดสินใจที่จะไปขายที่ประตูน้ำแบบจริงจัง ทำการต่อรองขอเช่าห้องแบบรายวันอยู่นานจนได้ห้องใต้บันไดท้ายสุด เธอเล่าว่าขายได้อยู่ 3 วัน ก็มีชาวต่างชาติคนหนึ่งเดินเข้ามาซื้อเสื้อเธอจำนวนมากทำให้เธอมีเงินเช่าห้องรายเดือน

ธุรกิจไปได้สวยจนถึงปี 2554 ที่มีน้ำท่วมหนัก พี่นัทจึงตัดสินใจหยุดทำเสื้อเพราะน้ำท่วมจักรหมด พิมรี่พายจึงหาทางออกโดยการนำเข้าเสื้อจากจีนมาขายแทน

Advertisements

จากจุดสูงสุดถึงจุดต่ำสุด เพราะ “ความหยิ่งทะนง”

ครั้งแรกที่ไปประเทศจีน เธอเดินหาเสื้อผ้าที่จะนำมาขายอยู่นานเพราะราคาเสื้อนั้นสูงเกินกว่าที่จะนำมาขายในประตูน้ำได้ ต่อรองกับแม่ค้าร้านไหนก็ไม่มีใครยอมลดราคาให้เธอเลย เธอจึงใช้ความรู้ที่มีจากการผลิตเสื้อเข้าใช้มาต่อรองเรื่องต้นทุนแทนและพูดให้แม่ค้าประเทศจีนเชื่อว่าเธอเป็นแม่ค้าประตูน้ำที่ร่ำรวย ทั้งๆ ที่ในตอนนั้นเธอไม่มีเงินมากนักจนแม่ค้าเชื่อใจยอมขายให้ในราคาที่ถูกลง

เมื่อเสื้อถูกส่งมาที่ประเทศไทย เธอสามารถขายเสื้อจำนวน 12,000 ตัว หมดภายในวันแรก ส่วนหนึ่งมาจากที่เธอเลือกเสื้อตามเทรนด์ตลาดเพราะคนไทยในตอนนั้นจะนิยมใส่เสื้อตามดาราในละคร ธุรกิจเติบโตขึ้นอย่างมาก แต่พอผ่านไป 3-4 ปี เธอเริ่มมีปัญหาภาระหนี้สิน เธอเล่าว่าเป็นหนี้จากความหยิ่งทะนงในตัวเอง ใช้ชีวิตตามใจชอบ ธุรกิจล้มไม่เป็นท่าและยังต้องหลบหนีเจ้าหนี้ตลอด

พิมรี่พายในวันนี้

จากประสบการณ์ครั้งนั้นทำให้เธอลุกขึ้นสู้อีกครั้ง พยายามตั้งใจทำงานหาเงินใช้หนี้และส่วนหนึ่งก็ส่งลูกเรียน แต่จุดเปลี่ยนชีวิตมาจากการไลฟ์สดขายของที่สร้างชื่อเสียงให้เธออย่างมาก และสามารถทำรายได้จนเกิดเป็นบริษัท พิมรี่พาย คอสเมติก จำกัด

บทบาทใหม่ในฐานะนักร้องและหุ้นส่วนค่ายเพลง HIGH CLOUD ENTERTAINMENT ที่ออกซิงเกิ้ลแรกมาในเพลง อย่านะคะ เรียกได้ว่าประสบความสำเร็จอย่างมากเพราะมียอดวิวมากถึง 47 ล้านวิว

พิมรี่พายส่งต่อความสำเร็จของเธอสู่สังคม โดยการเข้าไปช่วยเหลือและพัฒนาชุมชนห่างไกลให้มีความเป็นอยู่ที่ดีขึ้นจนในตอนนี้เธอได้รับฉายาว่าเป็น “เน็ตไอดอลคุณภาพ” ที่คนไทยให้การยอมรับและชื่นชมจำนวนมาก


อ้างอิง:
https://bit.ly/3udNIa5
https://bit.ly/3gYnapM

#MissionToTheMoonPodcast
#พิมรี่พาย#pimrypie
#HighCloudEntertainment

ติดตามความเคลื่อนไหวและเนื้อหาน่าสนใจอื่นๆ ได้ที่ https://missiontothemoon.co/online-content/

Advertisements