ช่วยเก็บผ้าเช็ดหน้าให้ฉันหน่อยได้ไหม เพราะฉันทำมันตก~
เชื่อว่าหลายๆ คนที่อ่านประโยคด้านบนนี้คงรู้สึกเหมือนกันว่า ประโยคนี้เป็นประโยคที่มีเสียงออกมา
เนื้อเพลง ทำนอง ที่คุ้นหูกันดีไม่ว่าจะได้ยินตามวิทยุ ยูทูบ หรือแม้แต่ตอนที่เราไปสังสรรค์กับเพื่อนๆ ที่ร้านอาหาร เพลงนี้คงเป็นอีกหนึ่งเพลงที่วงดนตรีเล่นบ่อยที่สุด แต่หลายๆ ร้านก็สั่งห้ามเล่น ด้วยเหตุผลอย่าง ‘เปลืองทิชชู’ ที่หลายๆ คนมักจะนำมาโบกสะบัดและโยนลงพื้นเพื่อใช้เป็นตัวแทนของผ้าเช็ดหน้านั่นเอง
แต่เคยสงสัยไหมว่าทำไมคนเราเวลาจะจีบใครถึงต้องใช้ ‘ผ้าเช็ดหน้า’ มาเป็นสื่อกลาง?
เพราะเมื่อเรานึกถึงประโยชน์ของการใช้งานผ้าเช็ดหน้า ก็คงจะใช้สำหรับเช็ดเหงื่อ เช็ดหน้าให้ดูสดชื่นตลอดเวลา สำหรับผู้ชายก็มีการนำมาพับเป็น Pocket Square เพิ่มความภูมิฐานให้กับตัวเอง หรือในฝั่งผู้หญิงเองก็มักจะนำมาเป็นเครื่องประดับตกแต่ง อย่างการนำมาผูกผมหรือผูกกระเป๋าเพิ่มกิมมิคเล็กๆ ให้กับการแต่งตัวของตัวเอง
ในช่วงของการระบาดของโควิด-19 บางคนก็นำมาปิดปากปิดจมูกเพิ่มความปลอดภัยให้กับตัวเอง บางวันที่ฝุ่นเยอะแต่ต้องออกจากบ้าน ก็เอามาป้องกันไว้ไม่ให้ตัวเองสูดอากาศที่ไม่ดีเข้าไปมาก หรือแม้แต่วัฒนธรรมโบราณของญี่ปุ่นเอง ก็มีการนำผ้าเล็กๆ มาห่อสิ่งของต่างๆ ไม่ว่าจะเป็นการห่อของขวัญและการห่อข้าวกลางวัน แทนการใช้ถุงพลาสติกที่ย่อยสลายได้ยาก ซึ่งเรียกได้ว่าผ้าเช็ดหน้าสามารถนำไปใช้ได้ในหลากหลายฟังก์ชันกันเลยทีเดียว!
แต่แล้วผ้าเช็ดหน้ากลายมาเป็นสื่อกลางของ ‘การจีบกัน’ ได้อย่างไร?
จริงๆ แล้วในอดีตกาล ‘ผ้าเช็ดหน้า’ มักจะถูกใช้กับ ‘คู่รัก’ ในการที่จะส่งสัญญาณบางอย่างระหว่างกัน ไม่ว่าจะเป็นการโบกผ้าเช็ดหน้า การนำผ้าเช็ดหน้ามาไว้ใกล้จมูก หรือการปล่อยผ้าเช็ดหน้าลงสู่พื้นก็มีความหมายแตกต่างกันไปในแต่ละคู่
ผ้าเช็ดหน้ามักถูกนำมาเป็นสื่อสารภาษาลับระหว่างคู่รัก บางคู่ผู้หญิงก็จะทำผ้าเช็ดหน้าขึ้นมาให้ผู้ชายเป็นของขวัญ ไม่ใช่เพื่อการใช้งาน แต่ให้เก็บไว้เป็นความทรงจำระหว่างกัน ในบางเคส ถ้าผู้หญิงหยิบผ้าเช็ดหน้าออกมาโดยถือที่ตรงส่วนกลาง ก็อาจจะแปลว่า “คืนนี้ฉันจะรอคุณอยู่”
หรือบางทีเมื่อผู้หญิงโยนผ้าเช็ดหน้าออกจากหน้าต่างเพื่อแสดงความรักของเธอ แล้วผู้ชายหยิบมันขึ้นมาแล้วพับเก็บลงในกระเป๋าอย่างระมัดระวัง ก็สามารถแสดงได้ว่าชายคนนั้นก็รักเธอเหมือนกัน หรือถ้าผู้หญิงคนไหนโยนผ้าเช็ดหน้าของเธอลงบนพื้นในพื้นที่สาธารณะหรือสวนสาธารณะ ก็แปลได้ว่าผู้หญิงคนนั้นกำลังตามหาชายในฝันของเธอหรือต้องการที่จะเจอชายที่เธอจะรัก
นอกเหนือจากนั้น ในช่วงยุคกลาง ผ้าเช็ดหน้าก็ได้เป็นสื่อรักระหว่าง ‘หญิงสาว’ กับ ‘อัศวิน’ บ้างก็บอกว่าอัศวินจะนำผ้าเช็ดหน้าของหญิงสาวผู้เป็นที่รักมาผูกไว้ทางด้านหลังของหมวก เพื่อเป็นสัญลักษณ์ของความโชคดี และบ้างก็บอกว่าสาวๆ ในสมัยนั้นก็มักจะพกผ้าเช็ดหน้าไปรับชมการต่อสู้ของอัศวินเหล่านี้ แหละเมื่อพวกเธอถูกใจใคร เธอก็จะโยนผ้าเช็ดหน้าที่พกมานี่แหละให้กับอัศวินที่เธอชอบ
ซึ่งก็อาจจะพูดได้ว่าต้นกำเนิดของเพลง ‘ผ้าเช็ดหน้า’ อาจจะมาจากเรื่องราวการแสดงความรักเหล่านี้ ที่อยากจะบอกคนที่ถูกใจว่า “ฉันถูกใจเธออยู่นะ”
แต่แน่นอนว่าในการจีบกัน ความรักไม่ได้สมหวังอยู่ตลอดเวลา ดังนั้น ฟังก์ชันของผ้าเช็ดหน้าก็คงจะไม่ใช่ไว้จีบกันอย่างเดียว แต่เอาไว้ซับน้ำตา เมื่อเราอกหัก ผิดหวังจากความรักที่ไม่เป็นไปอย่างที่เราต้องการอีกด้วย
และถ้าหากใครยังไม่มีผ้าเช็ดหน้าคู่ใจ
ที่ใช้ไว้จีบคนที่ชอบ
ไว้ซับน้ำตาเมื่อเสียใจ
ไว้เช็ดหน้า เมื่อเหงื่อไหล
ไว้พับใส่กระเป๋าสูท เพื่อเพิ่มความสมาร์ต
หรือไว้ผูกผมผูกกระเป๋า เพิ่มกิมมิคเก๋ๆ
.
.
สมมูนขอเสนออออ!
ผ้าเช็ดหน้าลาย Mission To The Moon
ผลิตจากผ้าซาตินเกรดพรีเมี่ยม
นิ่ม มันวาว หรูหรา
เหมาะกับการใช้ในทุกฟังก์ชัน
ผ้าเช็ดหน้าลาย Mission To The Moon
– เนื้อผ้าซาตินเงาเกรดพรีเมี่ยม
– ขนาด 35×35 เซนติเมตร
– ตัวผ้าที่นิ่ม มันวาว ทิ้งตัว
– ไม่ดูดซับสิ่งสกปรก ซักง่าย ไม่จำเป็นต้องรีด
– มีทั้งหมดสองสี: สีน้ำเงิน/ขาว
– ราคาผืนละ 349 บาท
หากใครสนใจสามารถสั่งซื้อได้ผ่านลิงก์ด้านล่าง
– สีนํ้าเงิน: https://bit.ly/3ziLAAs
– สีขาว: https://bit.ly/2XNfaQH
พิเศษ! ซื้อเป็นคู่คุ้มกว่า
Set ผ้าเช็ดหน้าคู่ สีน้ำเงินและสีขาว
ราคาเพียง 590 บาทเท่านั้น!
(จากราคาเต็ม 698 บาท)
– Set คู่: https://bit.ly/3yieBv0
ซื้อเลย! สินค้ามีจำนวนจำกัด
อ้างอิง:
https://bit.ly/38clu6v
https://bit.ly/3B8hiAW
https://bit.ly/3knrizK
#missiontothemoon
#missiontothemoonpodcast
ติดตามความเคลื่อนไหวและเนื้อหาน่าสนใจอื่นๆ ได้ที่ https://missiontothemoon.co/