เนื่องในโอกาสต้อนรับเดือน “Pride Month” เดือนแห่งการเฉลิมฉลองความหลากหลายทางเพศนี้ Mission To The Moon มีหนังและสารคดี 5 เรื่องที่จะทำให้คุณได้รู้จักและเข้าใจ LGBTQ+ ให้มากขึ้น
โดยทุกเรื่องที่เราเลือกมา การันตีเลยว่าดี! เพราะหลายเรื่องกวาดรางวัลมาแล้วมากมาย และทั้งหมดถูกแนะนำโดยเว็บไซต์รีวิวหนังชื่อดังอย่าง Rotten Tomatoes
มาดูกันว่าทั้ง 5 เรื่องที่ถูกหยิบยกมาจากเว็บไซต์ Rotten Tomatoes นั้นจะน่าสนใจแค่ไหน และพูดถึงประเด็นอะไรบ้างที่เหล่า LGBTQ+ ต้องเผชิญ มาดูกัน
1. MUCHO MUCHO AMOR: THE LEGEND OF WALTER MERCADO (2020)
ชื่อไทย สารรักและความหวัง
คะแนนจาก Rotten Tomatoes : 100%
เป็นสารคดีที่จะพาไปไขความลับของ “วอลเตอร์ เมอร์คาโด” นักโหราศาสตร์และนักจิตวิทยาเจ้าเสน่ห์ผู้อ่อนโยน จนได้มีรายการดูดวงบนทีวีเป็นที่โด่งดังและมีคนรู้จักไปทั่ว แต่ในขณะเดียวกันก็มีคนตั้งคำถามเกี่ยวกับภาพลักษณ์และรสนิยมทางเพศของเขา
และอยู่มาวันหนึ่ง ในช่วงที่เขากลายเป็นนักโหราศาสตร์ที่มีชื่อเสียงที่สุดในโลก เขากลับหายตัวไปอย่างลึกลับ
สารคดีบอกเล่าชีวิตของวอลเตอร์ เมอร์คาโด ที่ถูกยกย่องให้เป็นฮีโร่ของเหล่า LGBTQ+ และผู้เป็นทั้งแนวหน้าที่เปิดเผยตัวตนต่อสาธารณะ ผลักดันสังคมให้รู้จักกับผู้ที่มีความหลากหลายทางเพศ และให้ทุกคนได้ภาคภูมิใจกับการได้เป็นตัวเอง
เรียกได้เลยว่าสารคดีนี้เป็นเพชรเม็ดงาม เพราะเรื่องราวชีวิตและประสบการณ์ที่เป็นแรงบันดาลใจนี้ ได้เล่าและนำเสนอตัวตนของเขาในฐานะชาวเปอร์โตริกัน ทิ้งท้ายมรดกของเมอร์คาโดในแบบที่เขาเป็นเขาจริงๆ ต่างกับในอดีตที่ถูกนำเสนอผ่านสายตาคนขาว เพื่อคนขาว
ใครที่สนใจก็เก็บไว้ในลิสต์หนังที่อยากดูได้เลย! ส่วนใครที่ดูแล้ว มีความเห็นว่าอย่างไรบ้าง ชอบเรื่องนี้หรือเปล่า?
2. A SECRET LOVE (2020)
ชื่อไทย : รักหลบเร้น
Rotten Tomatoes : 100%
อีกหนึ่งหนังสารคดีที่เราแนะนำอยากให้ทุกคนได้ดู หนังเล่าถึงเรื่องเส้นทางความรักของคู่เลสเบี้ยน ที่ตกหลุมรักกันเมื่อปี 1947 ซึ่งเป็นยุคสมัยที่ทุกอย่างยังไม่เปิดกว้างเท่าทุกวันนี้ ผู้หญิงสองคนต้องปกปิดความรักที่มีให้กันต่อสายตาผู้อื่นมานานกว่า 65 ปี ผ่านอุปสรรคและอคติมากมายจนสามารถเปิดเผยตัวตนที่แท้จริงได้
ตัวสารคดีพยายามถ่ายทอดความยากลำบากของความรักที่ยังไม่ได้ถูกยอมรับในยุคก่อน ข้ามกาลเวลามาจนถึงยุคปัจจุบัน ที่พวกเธอทั้งสองได้เปิดเผยความลับที่ถูกเก็บซ่อนไว้มานาน เรื่องราวความรักที่ต้องรอคอยถึง 65 ปี เป็นอีกหนึ่งเรื่องราวที่สวยงามและเราอยากให้คุณได้ลองสัมผัส
ใครที่สนใจก็เก็บไว้ในลิสต์หนังที่อยากดูได้เลย! ส่วนใครที่ดูแล้ว มีความเห็นว่าอย่างไรบ้าง ชอบเรื่องนี้หรือเปล่า?
3. THE HALF OF IT
ชื่อไทย : รักครึ่งๆ กลางๆ
Rotten Tomatoes : 97%
เรื่องราวของ เอลลี่ ซู สาวน้อยหัวดีที่เดือดร้อนเรื่องเงิน จนต้องมารับงานเขียนจดหมายรักให้กับนักกีฬาคนหนึ่งเพื่อให้เขาเอาไปจีบหญิงที่ชอบ แต่เรื่องวุ่นๆ ก็เริ่มขึ้น เมื่อเอลลี่ดันตกหลุมรักหญิงคนนั้นเสียเอง!
The Half of It เป็นเรื่องราวที่สวยงามเกี่ยวกับความรัก มิตรภาพ และความปรารถนา พาเราไปเข้าใจความหมายของคำว่ารัก และที่สำคัญหนังเรื่องนี้แตกต่างจากหนังไฮสกูลเรื่องอื่นใน Netflix พอสมควร โดยหนังไม่ได้ยัดเยียดความเป็นเลสเบี้ยนลงไป แต่ปล่อยให้ทุกอย่างเป็นไปตามธรรมชาติ พาคนดูอมยิ้มและรู้สึกอบอุ่นหัวใจไปตามๆ กัน 🙂
ใครที่สนใจก็เก็บไว้ในลิสต์หนังที่อยากดูได้เลย! ส่วนใครที่ดูแล้ว มีความเห็นว่าอย่างไรบ้าง ชอบเรื่องนี้หรือเปล่า?
4. THE BOYS IN THE BAND
Rotten Tomatoes : 83%
ปี 1968 ณ มหานครนิวยอร์ก ในยุคที่ยังต้องปิดบังเรื่องรสนิยมทางเพศ กลุ่มเพื่อนเกย์ทั้ง 7 คนได้มารวมตัวกันเพื่อฉลองปาร์ตี้วันเกิด แต่จู่ๆ ก็มีแขกที่ไม่ได้รับเชิญมาร่วมงาน ซึ่งคนคนนั้นก็คือ “เพื่อนชายแท้” ที่มีคนในกลุ่มแอบชอบ! ทำให้ทั้งหมดต้องเป็นซ่อนความเป็นเกย์ของตัวเองไว้ และปาร์ตี้ต่อไป แต่เมื่อเวลาผ่านไป ทั้งบรรยากาศเดิมๆ แอลกอฮอล์ที่ดื่มเข้าไป และเกมในวงเหล้า ก็ทำให้พวกเขาย้อนนึกถึงความรู้สึกและความจริงที่พวกเขาเก็บซ่อนเอาไว้ตลอดมา
จากวงสนทนากลายเป็นเกมจิตวิทยา ทั้งหมดชวนกันเล่นเกม “โทรหาใครก็ได้ที่รักมากที่สุด และบอกรักคนนั้น” ทว่าเกมนี้จะไม่ได้เปิดเผยเรื่องความรักอย่างเดียว แต่ยังมีความเป็นจริงและบาดแผลอันน่าเจ็บปวดอีกด้วย
ฟังดูก็น่าตื่นเต้นแล้วใช่ไหม? รับประกันแน่นอนว่าหลายคนจะสนุกกับเรื่องนี้ โดยตัวหนังเองสร้างมาจากบทละครเวทีในยุค 60s และเคยถูกดัดแปลงสร้างเป็นหนังไทยชื่อเรื่องว่า “ฉันผู้ชายนะยะ” กำกับโดยหม่อมหลวงพันธุ์เทวนพ เทวกุล ในปี 1987 (พ.ศ. 2530) อีกด้วย
ใครที่สนใจก็เก็บไว้ในลิสต์หนังที่อยากดูได้เลย! ส่วนใครที่ดูแล้ว มีความเห็นว่าอย่างไรบ้าง ชอบเรื่องนี้หรือเปล่า?
5. OTHER PEOPLE (2016)
ชื่อไทย : คนอื่น
Rotten Tomatoes : 85%
หนังเรื่องนี้จะพาเราไปรู้จักกับ เดวิด นักเขียนบทที่ความสัมพันธ์นานถึง 5 ปีกับแฟนหนุ่มพึ่งจบลง แต่ต้องรวบรวมสติทั้งหมดของตัวเอง และกลับบ้านไปดูแม่ที่กำลังป่วยหนักจากโรคมะเร็ง เราจะค่อยๆ เห็นความสัมพันธ์ของเดวิดและครอบครัว โดยเฉพาะคุณพ่อของเขาที่ไม่ยอมรับว่าลูกของเขาเป็นเกย์ ทำให้การกลับบ้านครั้งนี้ เขาต้องทำทั้งดูแลแม่ ฟื้นฟูหัวใจที่แตกสลาย และทำความเข้าใจกับพ่อที่ไม่ได้ยอมรับในสิ่งที่เขาเป็น
ในเรื่องล่าสุดเราเห็นเจสซี่ พลีมอนส์ (Jesse Plemons) รับบทชายหนุ่มมาดแมนแสนสุภาพใน The Power of the Dogs แต่ในเรื่องนี้เราจะได้เห็นเขาแสดงเป็นคนที่มีเรื่องหนักอึ้งใจในตลอดเวลา เป็นการแสดงที่นุ่มลึก เรียบง่าย แต่เข้าถึงอารมณ์ของคนดูอย่างอยู่หมัด เป็นหนังครอบครัวอีกเรื่องที่ดูแล้วรู้สึกอบอุ่นหัวใจ ถึงแม้บรรยากาศโดยรวมจะชวนให้เศร้าก็ตาม
และนี่ก็คือ 5 เรื่อง 5 รสชาติของหนังและสารคดี เกี่ยวกับ LGBTQ+ ที่เราหยิบยกมาฝากกัน ผ่านการแนะนำของเว็บไซต์ Rotten Tomatoes ซึ่งทุกเรื่องนั้นสามารถหาดูได้เลยตอนนี้ ที่ Netflix
แหล่งข้อมูลอ้างอิง
https://bit.ly/3mfE7NB
#missiontothemoon
#missiontothemoonpodcast
#inspiration